Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 225 หนี !

ต้องลองดูสักตั้งในขณะที่ยังมีโอกาส

หากไม่ขึ้นฮึดสู้ ถ้าตกอยู่ในมือของตระกูลฉินแล้ว ก็คงไม่ต้องคาดเดาถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไป

ในพจนานุกรมของเฉินตง ไม่เคยมีคำว่า “รอความตาย” บัญญัติเอาไว้

ต่อให้ต้องตาย เขาก็ขอต่อสู้จนตัวตาย

ทันทีที่เขาตัดสินใจเช่นนี้

เจตนาฆ่าในแววตาของเขาก็ทวีความรุนแรงจนถึงขีดสุด

ทันใดนั้น

ตัวเขาก็สั่นเทา

“ฮ่าๆ” เฉินตงหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะทำให้ตำรวจที่นั่งขนาบอยู่สองข้างตกตะลึง

ส่วนตำรวจวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับก็รู้สึกตกใจจนต้องหันมามอง จากนั้นจึงโยนก้นบุหรี่ที่อยู่ในมือใส่เฉินตง

“แกหัวเราะอะไรของแก ?”

รอยยิ้มของเฉินตงยิ่งดูสดใสยิ่งขึ้น เขามองตรงไปยังตำรวจวัยกลางคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

“ของปลอม ยังไงก็เป็นของจริงไปไม่ได้ !”

แววตาของตำรวจวัยกลางคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาขมวดคิ้วทันที

ตำรวจที่เป็นคนขับรถเองก็เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน จนรถสั่นไปมา

“ไอ้บ้าเอ๋ย แกขับให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ?”

หัวของตำรวจวัยกลางคนเกือบกระแทก เขาจึงหันไปต่อยไหล่ของตำรวจคนที่ทำหน้าที่ขับรถด้วยความโกรธ

จากนั้น เขาก็หันกลับไปมองเฉินตงด้วยความโมโห : “แกพูดบ้าอะไรกัน ?”

แน่ใจแล้ว !

ตัวปลอมแน่นอน !

รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฉินตงยิ่งชัดเจนขึ้น เขาค่อยๆ หรี่ตาลง

เขาทำเช่นนี้เพราะเกรงว่าการสันนิษฐานของตนเองนั้นจะผิดพลาด จึงได้แสร้งทดสอบดู

ตำรวจอาจจะวางตัวไม่ดี หรืออาจจะไม่สนใจเกียรติยศศักดิ์ศรีได้

แต่ในเมื่อเป็นตำรวจเหมือนกัน ต่อให้เป็นหัวหน้ากับลูกน้อง นำเสียงและคำพูดที่ใช้ก็คงไม่หยาบคายถึงขนาดนี้ !

พวกนักเลงเท่านั้น ที่จะแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา

ตุ๊บ !

ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็โค้งตัวลงเหมือนคันธนู แล้วดีดตัวกลับ ใช้หัวกระแทกเข้าที่ใบหน้าของตำรวจคนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้าย

“โอ๊ย !”

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ดังก้องอยู่ในรถตำรวจ

เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายขึ้นทันที

ตำรวจที่ทำหน้าที่ขับรถตกใจจนมือไม้สั่น

รถที่กำลังแล่นด้วยความเร็วก็เริ่มวิ่งคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อย

แต่ทว่า นี่คือสิ่งที่เฉินตงต้องการให้เกิดขึ้น

ยิ่งชุลมุนยิ่งดี

“ไอ้บ้าเอ๋ย นี่แกกล้าขัดขืนหรือ ?”

สีหน้าของตำรวจวัยกลางคนเปลี่ยนไปทันที เขายื่นมือเข้าไปคว้ากระบองที่เหน็บอยู่บนตัวออกมา จากนั้นจึงฟาดไปที่เฉินตง

เฉินตงไม่อาจหลบไปไหนได้ เขาจึงรีบหันหลังให้ทันที “เผียะ” เสียงตีดังขึ้น หลังของเขาถูกตีเข้าอย่างแรงจนแทบรู้สึกหายใจไม่ออก

ในขณะนี้ ตำรวจมือขวาก็ตกตะลึงตื่นขึ้นมา พุ่งเข้าไปหาตัวเขาโซซัดโซเซ

เฉินตงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงใช้หัวพุ่งชนเข้าใส่ตำรวจด้วยความโมโห

ตุ๊บ !

เพล้ง……

ตำรวจถูกพุ่งชนจนตัวเอียง หัวของเขากระแทกกับกระจกรถจนแตก

จากนั้น เขาก็ใช้เท้าเตะไปยังตำรวจคนที่ถูกเขาโจมตีในตอนแรก

ในช่วงคับขัน เขาพุ่งเข้าจู่โจมอย่างต่อเนื่อง

เขาหวดไม้กระบองใส่ตำรวจวัยกลางคนด้วยความโมโหสองสามครั้ง และตะโกนออกมาอย่างดุร้ายราวกับสัตว์ป่า จากนั้นเขาจึงกัดเข้าที่ใบหูของตำรวจที่ทำหน้าที่ขับรถ

“โอ๊ย !”

เสียงกรีดร้องดังตามมาทันที คนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมาก

มือของเขาตบลงบนพวงมาลัยสองครั้งด้วยสัญชาตญาณ

เอี๊ยด……

รถวิ่งคนเคี้ยวราวกับงูเลื้อย รถลอยขึ้นเหนือพื้นดินแล้วพุ่งไกลออกไปอีกสิบกว่าเมตร จากนั้นก็พลิกคว่ำและกลิ้งต่อไปอีกสิบกว่าเมตร แล้วจึงหยุดนิ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้รถตำรวจอีกสองสามคันที่ขับตามหลังมาไม่ทันได้ตั้งตัว

เสียงเบรกรถอย่างกะทันหันดังขึ้นต่อเนื่อง รถตำรวจจอดห่างออกไปสิบกว่าเมตร

ตุ๊บ !

เฉินตงใช้เท้าเตะประตูรถออกมา

เขาออกมาจากรถอย่างทุลักทุเล แล้วลุกยืนขึ้น บนตัวของเขาเต็มไปด้วยเศษกระจกที่แตกละเอียด บนหัวของเขามีเลือดสดที่ค่อยๆ ไหลอาบแก้มลงมา

ในช่วงชุลมุนเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า แผลนี้เกิดขึ้นจากการที่ถูกตำรวจวัยกลางคนตีด้วยกระบอง หรือเกิดจากการกระแทกขณะที่รถพลิกคว่ำกันแน่

เลือดสีแดงสดทำให้ตาพร่ามัว เฉินตงพยายามกะพริบตาถี่ๆ สองครั้ง จากนั้นจึงวิ่งหนีเข้าไปในเขตทุรกันดารข้างถนนโดยไม่ได้สนใจเส้นทาง

หากเขาหนีรอด ก็อาจจะยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้

แต่ถ้าหากหนีไม่รอด เขาคงจะต้องตายอย่างแน่นอน !

แต่ทว่า การที่มือทั้งสองข้างของเขาถูกใส่กุญแจมืออยู่ ทำให้ความเร็วในการวิ่งของเขาลดลงไปมาก

ด้านหลังมีเสียงตะโกนด้วยความโมโหดังตามมา

หลังจากที่ตำรวจวัยกลางคนปีนออกมาจากในรถได้สำเร็จ เขาก็รีบตะโกนเรียกเหล่าตำรวจปลอมที่อยู่ในรถคันที่เหลือ ให้รีบวิ่งตามเฉินตงไปทันที

“โธ่เว้ย แกหนีไม่รอดหรอก แกหนีไม่รอดหรอก !”

เฉินตงไม่ได้สนใจ ใบหน้าของเขาเย็นชา แววตาของเขามั่นคง

วิ่ง !

รีบวิ่ง !

“จะต้องหนีรอดให้ได้ !” เสี่ยวหยิ่งยังรอให้ฉันกลับไปถ่ายภาพแต่งงานกับเธออยู่นะ และยังรอให่กลับไปจัดงานแต่งงานกับเธออยู่นะ”

“คุนหลุน ฉินเย่ กูหลัง ท่านหลง พวกเขาเองก็ยังรอที่จะมาร่วมงานแต่งงานของฉันอยู่”

“แม่เองก็ยังรอฉันอยู่ที่บ้าน และยังรอที่จะได้อุ้มหลานอยู่”

ภาพของทุกคนปรากฏขึ้นในหัวของเฉินตง ทำให้เขาเกิดความคิดที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ที่จะหนีไปให้ได้

ในครอบครัวยังมีอีกหลายคนที่ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่

ครอบครัวของเขาในตอนนี้ เป็นภาพที่เขาใฝ่ฝันมาแสนนาน

จะถูกจับไม่ได้ และจะตายไม่ได้ด้วย

เพราะฉะนั้นจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ !

เลือดบนศีรษะไหลอาบลงมา จนใบหน้าว๊กหนึ่งของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงสด ทำให้เขามองอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก ทำให้การก้าวเดินของเขายิ่งยากลำบากมากขึ้น

เฉินตงในตอนนี้ ดูเย็นชาและสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ

แต่ใบหน้าที่โชกไปด้วยเลือดของเขา ดูแล้วช่างรู้สึกน่ากลัวเสียจริงๆ

สัตว์ร้ายนั้นไม่น่ากลัว แต่สัตว์ร้ายที่ยังคงทำตัวให้นิ่งสงบได้แม้ในเวลาที่คับขันและต้องเผชิญกับความตายต่างหากที่น่ากลัว

ในเขตทุรกันดาร ท้องฟ้ามืดมิด เส้นทางเต็มไปด้วยความขรุขระ

ด้านหลังมีเสียงตะโกนด้วยความโกรธและเสียงก่นด่าดังไล่หลังมาราวกับกระแสคลื่น

เสียงฝีเท้าที่กระชั้นชิดเข้ามา ดังอื้ออึงอยู่ในหู

ตุ๊บ !

เฉินตงเดินโซเซแล้วล้มลงกับพื้น

ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยโคลน

“ลุกขึ้น รีลุกขึ้นเร็ว……”

เฉินตงพยายามออกแรงอย่างหนัก เขาใช้ศีรษะที่มีเลือดไหลอาบอยู่ดันลงไปที่พื้น เพื่อพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ดวงตาของเขาขุ่นมัวเพราะเลือด

บวกกับท้องฟ้าที่มืดมิด ทำให้เฉินตงมองไม่เห็นอะไรเลย

เขาวิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ที่กำลังจะตาย

ขาของเขาอ่อนแรง ทำให้เขาล้มติดต่อกันหลายครั้ง

แต่เขาเองก็พยายามพยุงตัวเองให้ลุกยืนขึ้นมาใหม่

ตอนที่เขาล้มลงไปเป็นครั้งที่สี่

เฉินตงกัดฟัน แล้วใช้หัวดันไปที่พื้นอีกครั้ง เขากัดฟันแล้วพยายามประคองตนเองให้ลุกยืนขึ้นมาใหม่

แต่ด้านหลังกลับมีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา

ทันใดนั้น เฉินตงรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“ไอ้บ้าเอ๋ย ฉันจะดูซิว่าแกจะหนีไปไหนได้”

ตุ๊บ !

แทบจะในเวลาเดียวกัน เฉินตงรู้สึกเหมือนมีไม้กระบองฟาดลงมาที่ท้ายทอยของเขาอย่างแรงอีกครั้ง

ร่างกายของเขาฟุบลงไปที่พื้นทันที

สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ ลดถอยลง

จนในที่สุด ก่อนที่ความทรงจำของเขาจะเลือนหายไป

เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น แล้วพึมพำออกมาว่า : “เสี่ยวหยิ่ง……ผม ดูเหมือนว่า……จะต้องผิดคำสัญญาแล้ว……”

……

ภายในโรงแรม

บรรยากาศราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่

พวกของกู้ชิงหยิ่งทั้งสามคนนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ และกระสับกระส่าย

พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการนั่งรออย่างเงียบๆ

สิ่งนี้ทำให้ความกังวลและความกลัวของทั้งสามคนค่อยๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

กู้ชิงหยิ่งร้องออกมาจนสิ้นเสียงหลายต่อหลายครั้ง

คุนหลุนกับกูหลังเองก็นั่งกำหมัดแน่น ฝ่ามือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

คุนหลุนเอาแต่เหลือบมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

แต่ทว่าจอมือถือกลับมืดสนิทอยู่ตลอดเวลา

เขารู้ดีว่า ช่วงเวลาที่มีค่าที่สุด คือช่วงเวลาที่เฉินตงเพิ่งจะถูกจับตัวไปได้เพียงไม่นาน

อาจจะภายในครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง

แต่ไม่ควรที่จะนานเกินไป

แต่ทว่าตอนนี้……เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว !

ตระกูลเฉินเองก็ยังไม่ส่งข่าวกลับมา

ก๊อกๆๆ !

จู่ๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

คนทั้งสามที่อยู่ในห้องต่างก็สะดุ้งพร้อมกันทันที

ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง

แต่คุนหลุนกลับแสดงท่าทีสงสัยออกมา เขาส่งสัญญาณให้กู้ชิงหยิ่งยืนอยู่ที่เดิม และให้กูหลังคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ กู้ชิงหยิ่ง

ตระกูลฉินลงมือกับเฉินตงที่ไห่ย่า

ตอนนี้พวกเขาจึงต้องอยู่ในไห่ย่าด้วยความระมัดระวัง

จากนั้น เขาก็ค่อยๆ เดินตรงไปที่ประตู

“ใคร ?”

“ฉันเอง !”

เสียงที่ดังมาจากด้านนอกประตู เป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยแต่เต็มไปด้วยความอ่อนแรง

ทำให้คนทั้งสามที่อยู่ในห้องรู้สึกตื่นเต้นดีใจและดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

กู้ชิงหยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เธอไม่สนใจการส่งสัญญาณจากคุนหลุนเมื่อครู่ รีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปนอกห้องทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset