Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 229 พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว คุณยังถือสาเรื่องนี้อยู่อีกหรือ ?

ตัวแทน

ไม่สิ เรียกว่าสวมรอยต่างหาก

ความโกรธของเฉินตงคุกรุ่นอยู่ภายในใจ เจตนาฆ่าของเขารุนแรงขึ้น

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่เพียงแต่ต้องการฆ่าเขาเท่านั้น แต่ยังคิดที่จะล้างเผ่าพันธุ์ตระกูลเฉินด้วย !

การใช้คนของตระกูลโจวคนนั้นมาแทนที่เขา เพื่อหลอกลวงพ่อของเขา หลังจากนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและพ่อ การที่คนตระกูลโจวคนนั้นจะเอาชนะผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ และกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปสินะ ?

เมื่อคนของตระกูลโจวคนนั้นได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านเมื่อไหร่

ตระกูลเฉินก็จะตกอยู่ในมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินทันที

คนตระกูลโจวคนนั้น ก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดในมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเท่านั้น

อีกทั้ง คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคงจะให้ค่าตอบแทนกับตระกูลโจวมากพอดู จึงได้ปรากฏตัวตายตัวแทนคนนี้ขึ้นมาได้ !

เมื่อเขาขึ้นเป็นเจ้าบ้านได้เมื่อไหร่ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด แต่ก็คงจะมีอำนาจมากกว่าการเป็นตระกูลโจวเล็กๆ อย่างแน่นอน !

“ในสมัยโบราณมีอู่โจว หรือว่าตอนนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเองก็อยากจะเลียนแบบหวู่โจวด้วยเช่นกัน ?”

เฉินตงกัดฟันพูดออกมาหนึ่งประโยค : “ผมไม่มีวันยอมให้คุณสมปรารถนาแน่นอน ต่อให้คุณจะเนรเทศผมไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ขอเพียงแค่ผม เฉินตงยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องคลานกลับไป ผมก็จะคลานกลับไปให้ได้ !”

คำพูดของเขาดังขึ้น พร้อมกับเจตนาฆ่าอันแรงกล้า

ตอนนี้เฉินตงรู้สึกอยากมีชีวิตรอดอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าปล่อยให้แผนการของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินสำเร็จแล้วละก็

ตระกูลเฉินจะกลายเป็นเช่นไร เขาอาจไม่สนใจ

แต่พ่อ แม่ กู้ชิงหยิ่ง ท่านหลง……และคนอื่นๆ ทั้งหมดที่เป็นเหมือนญาติมิตรของเขา จะต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาอย่างแน่นอน

เพื่อคนเหล่านี้ เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้ !

ไม่มีเหตุผลที่จะยอมตาย !

หากเขาตาย ก็จะไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรอีก !

สิ่งเดียวที่เฉินตงไม่เข้าใจก็คือ

ทำไมคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินถึงไม่ยอมฆ่าเขาให้สิ้นเรื่อง ?

หากเข้าตายไปก็จะไม่มีหลักฐาน เช่นนี้ไม่ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อแผนการของเธอหรอกหรือ ?

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์หรือการวางแผน เขาไม่มีวันเทียบคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้แน่นอน

คำพูดที่ว่า กะทิยิ่งแก่ยิ่งมันนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดลอยๆ เท่านั้น

สิ่งที่เขาคิดไม่ออก ไม่แน่ว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอาจจะวางแผนเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อยแล้ว

อีกทั้งตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมัวมานั่งคิดเรื่องพวกนี้

สิ่งที่เขาควรคิดก็คือ จะทำอย่างไรให้มีชีวิตรอดต่อไป และจะทำอย่างไร……เพื่อกลับไป !

ลมหนาวที่พัดเข้ามาจากด้านนอกทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

จนหนาวเข้าไปถึงกระดูกและรูขุมขน

เฉินตงที่เดิมทีก็นอนขดตัวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับขดตัวแน่นขึ้นไปอีก

มีเพียงวิธีนี้ ที่พอจะทำให้เขาสามารถรักษาอุณหภูมิในร่างกายเอาไว้ได้

เสียงของลมทะเลและเกลียวคลื่นดังขึ้นเรื่อยๆ

……

ไห่ย่า

แสงแดดร้อนระอุ

ถึงแม้จะร้อน แต่ในเมื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อให้ร้อนขนาดไหน ก็ยังมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ดี

ทีมช่างภาพมืออาชีพระดับแนวหน้า ทำให้การถ่ายภาพแต่งงานครั้งนี้ ออกมาสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ

แต่ละวัน ก็จะถ่ายภาพโดยยึดตามแผนการและสถานที่ที่วางแผนเอาไว้

การแต่งงานกระชั้นชิดเข้ามาทุกที ดังนั้นการถ่ายภาพในสถานที่ที่มีผู้คนเดินผ่าน

วิธีง่ายๆ ที่เฉินตงเลือกที่จะใช้ก็คือ——กั้นบริเวณ !

การถ่ายภาพแต่งงานที่มีชีวิตชีวา

รวมไปถึงความใกล้ชิดในระยะเวลาหลายวันมานี้ ทำให้ความสงสัยในใจของกู้ชิงหยิ่งค่อยๆ หายไปจนหมดสิ้น

เฉินตง ก็ยังเป็นเฉินตงคนเดิม !

สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ บนภาพแต่งงานทุกใบ จะต้องพยายามปกปิดผ้าพันแผลที่อยู่บนหัวของเฉินตงเอาไว้ให้ได้

นี่คือสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์แบบเพียงพอ

ไม่แน่ว่า ในอนาคตหากนึกย้อนความหลังกลับมา อาจจะรู้สึกขำเฉินตงก็ได้ ?

กู้ชิงหยิ่งคิดเช่นนี้

วันที่ห้า การถ่ายภาพแต่งงานสิ้นสุดลง

จริงๆ แล้วระยะเวลาที่ใช้สำหรับถ่ายภาพแต่งงานนั้น ใช้เพียงแค่สามวันเท่านั้น

แต่การถ่ายภาพสามวันอย่างมีชีวิตชีวา สำหรับทุกคนแล้ว ถือเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย

เพื่อที่จะขอบคุณทุกคน หลังจากการถ่ายภาพสิ้นสุดลง

เฉินตงก็ไม่ได้เดินทางกลับพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง

แต่กลับเหมาด้านนอกของโรงแรมเพื่อจัดปาร์ตี้ริมชายหาด เพื่อเลี้ยงขอบคุณทีมช่างภาพอย่างอบอุ่น

ยุ่งมาตลอดสามวัน ทุกคนต่างเหนื่อยล้า ในที่สุดวันนี้ก็สามารถร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างผ่อนคลายได้เสียที

กู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่ได้คิดขัดขวางอะไร การเลี้ยงขอบคุณถือเป็นสิ่งที่สมควร

ในงานปาร์ตี้ตอนกลางคืน

เธอและเฉินตงเดินไปตามโต๊ะต่างๆ แล้วชนแก้วเพื่อแสดงความขอบคุณ

เฉินตงดื่มเหล้า ส่วนเธอดื่มเครื่องดื่ม

เฉินตงอารมณ์ดี ไวน์ค่อยๆ ลงไปในท้องทีละแก้ว ไม่ช้าดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็แดงก่ำ และเริ่มมีอาการเมา

ส่วนทีมช่างภาพเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

คนที่ยังมีสติอยู่ ก็มีเพียงกู้ชิงหยิ่ง และคนที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยอย่างคุนหลุนและกูหลังเท่านั้น

หลังจบงานปาร์ตี้

กู้ชิงหยิ่งก็เรียกคุนหลุนและท่านหลงมาพาตัวเฉินตงที่กำลังอยู่ในอาการเมามายกลับห้องไป

ส่วนเธอเองก็กลับไปที่ห้องเพียงลำพัง

เธอหวนคิดถึงการถ่ายภาพหลายวันมานี้ มีทั้งความตื่นเต้น ความสุข และความทรงจำ

เมื่อคิดถึงงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15 เดือนหน้า กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว

เธออยู่ในห้องพักชั้นพิเศษ และเป็นชั้นที่แยกออกมาต่างหาก

มีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก แขกทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้

เวลาเช่นนี้ ทางโรงแรมก็คงไม่ได้มีบริการทำความสะอาดห้องพัก

แล้วคนที่อยู่ด้านนอกคือใคร ?

“เสี่ยวหยิ่ง……ผมเอง เฉินตง……”

เสียงที่ฟังดูเมามายของเฉินตงดังขึ้นที่ด้านนอกประตู เป็นเสียงที่ติดอ่างเล็กน้อย

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกโล่งใจ

เธอกำลังจะอ้าปากพูด พลางลุกขึ้นยืน

“เสี่ยวหยิ่ง เปิดประตูหน่อย คืนนี้……ผมอยากจะนอนกับคุณ……”

คำพูดที่ติดอ่างเพราะความเมา พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม

แต่กลับทำให้กู้ชิงหยิ่งที่กำลังลุกขึ้นตัวสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เธอกลืนสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมากลับลงไป

“เขาเคยรับปากฉันไม่ใช่หรือว่า จะเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดเอาไว้ในคืนแต่งงาน ?”

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว แววตาของเธอลึกซึ้ง

ตอนที่เฉินตงแสดงเจตจำนงออกมาในครั้งแรก เธอเองก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว

หลังจากนั้น เฉินตงเองก็มีโอกาส

คือครั้งที่หลี่หลานให้เธอกลับไปที่ห้องพร้อมกับเฉินตง

แต่ทว่าครั้งนั้น เฉินตงกลับเป็นห่วงที่เธอคอยอยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

จึงทำเพียงแค่กอดเธอเอาไว้ ในเธอหลับในอ้อมกอดของเขาอยู่เป็นเวลานาน โดยไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเกินเลยกับเธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่ทว่าตอนนี้……

ก๊อกๆๆ !

เสียงเคาะประตูรุนแรงขึ้นราวกับเสียงตีกลอง

แสดงให้เห็นถึงความหยาบคายเล็กน้อย

ทั้งให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตกใจจนตัวสั่น และรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“เสี่ยวหยิ่ง รีบเปิดประตูเร็วเข้าสิ พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว คุณยังถือสาเรื่องนี้อยู่อีกหรือ ?”

เสียงของเฉินตงทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสน

ความสงสัยที่จางหายไปแล้ว ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

และแผ่ซ่านไปทั่วอย่างรวดเร็ว

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเคาะประตูอย่างหยาบคาย แต่เสียงตะโกนที่เมามายของเฉินตง

ทำให้กู้ชิงหยิ่งกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ไม่พูดอะไร

จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความให้คุนหลุน

“พี่คุนหลุน เฉินตงเมามากแล้ว พี่ช่วยมารับเขากลับไปส่งที่ห้องหน่อยได้ไหม ?”

“ครับ”

เมื่อเห็นคุนหลุนตอบกลับมา กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกโล่งใจ

เมื่อเสียงของเฉินตงที่ดังอยู่ด้านนอกสงบลง ความสงสัยในหัวของเธอก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ช้า

ด้านนอกก็มีเสียงของคุนหลุนดังขึ้น

“คุณชาย คุณเมามากแล้ว ผมจะประคองคุณกลับห้องนะครับ”

“แก แกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉัน ? ฉันไม่ต้องการให้แกประคอง แกเป็นแค่คนใช้ในตระกูลของฉันเท่านั้น หลีกไป !”

“คุณชาย นี่ก็ดึกมากแล้ว อย่าโวยวายอีกเลยครับ เดี๋ยวคุณจะทำให้เสี่ยวหยิ่งต้องตกใจ”

เผียะ !

เสียงตบหน้าดังก้อง จนทำให้กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสี

จากนั้น ด้านนอกก็มีเสียงด่าทอของเฉินตงดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง ? คนใช้อย่างแกมีสิทธิ์เรียกแบบนี้หรือ ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset