Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 252 เวทีสุดท้าย

ชายชราผมหงอกเรียกทุกคนออกไป

เขามีท่าทีที่ขุ่นเคือง แล้วนั่งเงียบ ๆ

เส้นเลือดปูดโปนที่หลังมือขวา เต้นตุบๆ

พยายามระงับความโกรธ!

เขาเป็นผู้บริหารสูงสุดของคุกมืด และมีอำนาจสูงสุดในคุกมืดนี้

แต่ก็ทำอะไรคนคนแรกในคุกมืดนี้ไม่ได้

เพราะเขารู้ว่า หากไม่ใช่เพราะชายผู้นี้ยินยอม คุกมืดนี้ก็ขังเขาไว้ไม่ได้

และที่สำคัญกว่านั้นคือ คุกมืดนี้ต้องการให้ชายผู้นี้มาคอยปราบปราม เพื่อให้สิบคุกที่เสียงดังคลานอำนาจกัน แล้วรักษาสภาพความ“สมดุล”

แต่ สิ่งที่ชายผู้นี้ทำในตอนนี้ ได้ทำลายความ“สมดุล”ที่ควรมีหมดสิ้น

หายใจเข้าลึกๆ ชายชราผมหงอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เมื่อปลายสายที่โทรไปมีคนรับ เขาก็พูดเพียงสองคำง่ายๆ

“กล้าเหรอ!”

ปัง!

เมื่อวางสายไป ดวงตาของชายชราผมหงอกลุ่มลึก และครุ่นคิด

เรื่องของคนคนแรกในคุกมืด จัดการกับจ่าฝูงทั้งสี่ในเรือนจำ

ความเร็วราวกับลมพายุฝนฟ้าคะนอง กวาดล้างทุกสิ่งในคุกมืด

ทั้งคุกมืด ต่างก็ประหลาดใจ

นักโทษทุกคนต่างก็มึนงงสับสนกับการกระทำของคนคนแรก

ต้องรู้ว่า แม้จ่าฝูงในสิบคุกที่เสียงดังจะไม่ลงรอยกัน และมักกระทบกระทั่งกันอยู่บ้าง

แต่การกระทบกระทั่งนี้ก็อยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้

และเมื่อมีการต่อสู้กันระหว่างจ่าฝูง แต่มันก็จำกัดอยู่ในจ่าฝูงของสองเขตภายในเรือนจำเท่านั้น

แต่คราวนี้ จ่าฝูงในคุกNO.1 จัดการกับจ่าฝูงทั้งสี่ในเรือนจำ

นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของคุกมืด!

ไม่มีใครรู้ว่าคนคนแรกนั้นคิดอะไร

แต่มีคนคาดเดาว่า เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเฉินตงที่ต้องการออกไปจากคุกมืดนี้

จากกระแสความคิดเห็นของผู้คน ยิ่งทำให้ตัวตนของเฉินตงดูลึกลับยากเกินคาดเดามากขึ้นไปอีก

ราวกับชื่อ “เฉินตง” ได้ถูกสลักลึกลงไปในใจของนักโทษทุกคน

และในเวลาเดียวกันนั้น จ่าฝูงในเรือนจำที่เหลือ พอได้ยินข่าวก็เคลื่อนไหว และก่อตัวขึ้นกันอย่างลับๆ

ทำให้คุกมืดที่มืดมิดอยู่แล้ว ก็กลับอึมครึมมากขึ้นไปอีก

“เขา……ช่วยฉันจริงๆเหรอ?”

เฉินตงนอนอยู่บนเตียงหิน คิ้วผูกกันเป็นปม

นี่ก็ถือเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้คนรู้สึกง่วงน้อยลง

เฉินตงเมินเฉยกับการที่เขาได้กลายเป็นหัวข้อบทสนทนาของนักโทษในคุกมืดนี้ไปแล้ว

ข้อสงสัยทั้งหมดของเขา อยู่ที่คนคนแรกคนนั้น

ช่วยเขา ?

ความน่าจะเป็นในเรื่องนี้เป็นไปได้น้อยมาก !

ดูเหมือนกำจัดเสี้ยนหนามให้เขา เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสในสังเวียนสุดท้าย

แต่ว่า……

เฉินตงคลายปมคิ้ว แล้วยิ้มอย่างขมขื่น:“หรือนี่จะเป็นวิธีที่คนหยิ่งผยองเขาทำกัน ? จัดการกับจ่าฝูงในเรือนจำทั้งสี่ เพื่อให้ฉันได้ขึ้นเวทีต่อสู้ให้เร็วที่สุด จากนั้น……ก็ฆ่าฉัน ?”

เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วยิ้มอย่างขมขื่นมากขึ้นไปอีก :“เมื่อคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็กระจ่างมากขึ้น ”

ในขณะที่พูด เขาก็ล้วงเอายาแก้ปวดสองเม็ดออกจากกระเป๋า

นี่เป็นต้นทุนเดียวที่เขามี

ความเจ็บปวดบนร่างกายยังคงอยู่ กระดูกซี่โครงที่หักก็ยังไม่ได้รับการรักษา กระดูกที่ร้าวตามตัวก็มีอาการเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ยากที่จะนอนหลับไปได้

หากไม่ใช่เพราะฝีมือของคนคนแรก ลำพังยาแก้ปวดสองเม็ดที่หมียักษ์หามาให้เขา คงไม่สามารถอยู่รอดไปถึงสังเวียนถัดไปได้

โชคยังดี ที่ยาแก้ปวดสองเม็ดนี้ ทำให้เขามีโอกาสขึ้นเวทีกับคนคนแรกในสังเวียนสุดท้ายได้ !

ขอแค่เขาเอาชนะคนคนแรกในคุกมืดได้เขา……ก็จะออกไปจากที่นี่ได้!

เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆ ยัดยาแก้ปวดสองเม็ดลงในกระเป๋าอย่างทะนุถนอม ด้วยสายตาที่ต่างออกไป

“เสี่ยวหยิ่ง……รอผมกลับไป สวมชุดแต่งงานให้คุณ !”

……

วันถัดไป

เฉินตงที่พลิกไปพลิกมาทั้งคืน ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น

เมื่อเห็นเฉินตงหยิบยาแก้ปวดออกมา

หมียักษ์ก็เอ่ยเตือนไปว่า:“คุณเฉิน เม็ดเดียวก็พอแล้ว ”

เฉินตงยิ้มเฉย หยิบยาแก้ปวดทั้งสองเม็ดเข้าไปในปากแล้วกลืนลงไปทันที พูดว่า :“ในเมื่อต้องสู้จนสุดชีวิตแล้ว ยังจะกลัวยาแก้ปวดนี้ส่งผลกับชีวิตรึไง ?”

หมียักษ์ตะลึงงัน แล้วพูดอย่างเคารพว่า :“คุณเฉินระวังตัวด้วย ”

“เขามีจุดอ่อนไหม ?” เฉินตงถาม

ก่อนการต่อสู้ทุกสังเวียน หมียักษ์จะพูดจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ให้เขาได้รู้ทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้ หมียักษ์ไม่ได้พูดเหมือนทุกครั้ง

หมียักษ์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว:“เป็นจ่าฝูงมายี่สิบกว่าปีแล้ว สามารถคุมเรือนจำนี้ได้ เขาไม่มีจุดอ่อน”

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ครั้งนี้ คงต้องแลกด้วยชีวิตแล้ว !

แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ หากมีจุดอ่อน กับสถานะนักโทษบวกกับความสามารถที่มีในคุกมืดนี้แล้ว คงไม่สามารถที่จะคุมเรือนจำนี้เอาไว้ได้

แต่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้อย่างนี้ เฉินตงก็แค่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

หากเป็นอย่างที่พูด แล้วคุนหลุนในตอนนั้นสู้กันยังไงถึงได้ออกไปจากที่นี่ได้ ?

เขารู้ความสามารถที่คุนหลุนมี หากเทียบกับหมียักษ์และจ่าฝูงคนอื่น ก็แข็งแกร่งกว่าอยู่มาก

แต่หาก คุนหลุนยังอยู่ในคุกมืดนี้ ก็ไม่สามารถขึ้นมาคุมคุกนี้เอาไว้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น มันคือเมื่อสิบปีก่อน สิบปีก่อนความสามารถของคุนหลุนยังไม่ทรงพลังเท่าตอนนี้แน่นอน

และชายคนนั้น เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ก็เป็นจ่าฝูงในเรือนจำนี้อยู่แล้ว

ช่องว่างในสิบปีนี้ คำเดียว“ความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบ”ยังห่างไกลนัก

เมื่อเฉินตงเดินไปถึงที่คุกNO.1

ทั่วทั้งเรือนจำ เงียบกริบไม่มีเสียงใดๆ

อากาศเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้

บนเวทีสูง ชายในเสื้อคลุมยืนตระหง่านอยู่บนนั้น

และในแต่ละห้องขัง นักโทษทุกคนต่างก็จับจ้องมองมาที่เฉินตงด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

สายตาของนักโทษบางคน เหมือนกับกำลังจ้องมองสภาพศพคนตาย

เวลานี้เป็นเวลาทำกิจกรรม และนักโทษทุกคนต่างก็อยู่ภายในห้องขังของตัวเอง ไม่ได้มีท่าทีที่ไม่พอใจอะไร

จากที่ได้เห็น ชายที่อยู่บนเวทีสูงนั่น สามารถที่จะบดขยี้เรือนจำนี้ได้จริงๆ และในคุกNO.1 ก็ยังมีสถานะสูงสุดไม่มีใครเหนือกว่าได้

เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆเดินขึ้นไปยังบนเวที

เขามองไปยังชายในชุดคลุมที่อยู่ตรงข้าม จากในมุมมองของเขา มองเห็นรูปลักษณ์ของชายคนนั้นได้ไม่ชัดเจนเท่าไร

แต่เฉินตงก็ยังคงยิ้มเล็กน้อย:“ขอบคุณ”

“ขอบคุณอะไร ?”น้ำเสียงเย็นชา

เฉินตงยิ้มแล้วพูดว่า :“ที่ช่วยผมกำจัดเสี้ยนหนามแล้วปูทางให้”

ชายในเสื้อคลุมยกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่หยามเหยียด

“อันที่จริงแล้วก็แค่อยากจะฆ่านายเร็วๆ ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งจองหองแบบนายมาก่อน”

เฉินตงที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว ก็ไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเท่าไร

ผลก็ออกมาตามที่คิดไว้ สิ่งที่ชายในเสื้อคลุมทำมันก็อธิบายแล้วว่าทำไมเขาถึงได้จัดการกับจ่าฝูงทั้งสี่ของเรือนจำ

และในเวลาเดียวกันนี้

ภายในห้องควบคุม

ชายชราผมหงอกกับป๋าและคนอื่นๆยืนอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมและเคร่งเครียด

ในที่ตรงนี้ พวกเขาสามารถมองเห็นการต่อสู้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นได้

อีกทั้ง ภายใต้คำสั่งของชายชราผมหงอก สังเวียนการต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังได้ฉายไปยังพื้นที่ในเรือนจำอื่นๆด้วย

สิบปีที่แล้ว ตอนที่คุนหลุนขึ้นต่อสู้สังเวียนสุดท้ายแล้วออกไปจากคุกมืดนี้ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

ในคุกมืดนี้ สิ่งนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และเป็นกฎระเบียบ

“น่าเสียดาย เนื้อสดน้อยแบบนี้ ฉันยังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติ ก็ต้องมาตายในน้ำมือของเต้าจูนซะแล้ว”

ใบหน้าของอลิสทั้งเหงาและเศร้าโศก

ชายชราผมหงอกกับป๋าและคนอื่นๆต่างมองมาที่เธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

อลิสดีดดิ้นแล้วโพล่งออกมา:“ก็คงจะใช้เวลาให้สั้นและเร็วที่สุดเพื่อจบเกม เมื่อคืนเต้าจูนก็มีท่าทีที่ไม่พอใจอย่างมาก การต่อสู้ครั้งนี้ เฉินตงคงไม่มีความสามารถพอให้เต้าจูนได้ถอดแม้กระทั่งเสื้อคลุมออกหรอก ”

ได้ยินคำพูดนี้

ผู้ชมรอบๆก็แสดงท่าทีที่เห็นด้วยออกมา

เสื้อคลุมเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวของคนคนแรก

สามารถทำให้คนคนแรกถอดเสื้อคลุมออกได้ นั้นก็หมายความว่าคนคนแรกเห็นอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ และจะจริงจังกับการต่อสู้ขึ้นทันที

การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ก็ยังคงเป็นการต่อสู้เมื่อสิบปีที่แล้ว !

แต่ครั้งนี้ ความสามารถของเฉินตงทุกคนก็เห็นกับตา ไม่ทำให้คนคนแรกถอดเสื้อคลุมของเขาออกได้

และในขณะนี้

“อืม?!”

ชายชราผมหงอกที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมา

ทันใดนั้น ก็พูดเสียงทุ้มออกมาว่า

“เต้าจูน ถอดแล้ว!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset