Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 256 ฉันแซ่เฉิน

เมื่อเฉินตงเดินตามป๋าเข้าไปในห้องควบคุม

เต้าจูนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน และสูบซิการ์อยู่

ชายชราผมหงอกนั่งอยู่ด้านข้าง

เมื่อเห็นเฉินตง ชายชราผมหงอกก็ลุกขึ้น แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เฉินตง นั่งสิ”

ป๋าที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น :“นี่คือพัศดีของคุกมืดนี้ ”

ผู้มีอำนาจสูงสุดของคุกมืดนี้ !

เฉินตงตะลึงงัน แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองผ่านการต่อสู้มาสิบครั้งและชนะแล้วได้เจอกับพัศดี ก็สมเหตุสมผลอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น พูดกันตามตรง ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าการต่อสู้สิบครั้งแล้วชนะนี้ เป็นไปด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสมในการชนะ

หากไม่ใช่เพราะ“การกระทำ”ของเต้าจูน โอกาสที่เขาจะได้เจอกับเต้าจูนในสังเวียนสุดท้ายก็คงยาก

และตอนนี้พัศดีก็มาปรากฏตัว ไม่แคล้วคงเกี่ยวข้องกับสิบสังเวียนเป็นแน่

ในใจของเฉินตงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจะออกไปจากคุกมืดนี้หรือไม่

เต้าจูนพูดอย่างสงบ:“นั่งลงสิ นายมีคุณสมบัติที่จะออกไปจากคุกมืดนี้แล้ว ”

เฉินตงมองไปยังเต้าจูน ในใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลง แล้วนั่งลง

ภายในห้องควบคุม

เงียบไม่มีเสียง

หลังจากผ่านการต่อสู้มา ร่างกายของเฉินตงอ่อนล้าหมดแรง และการนั่งบนเก้าอี้ในตอนนี้ ทุกวินาทีเป็นไปด้วยความทรมาน

ความเจ็บปวดทั้งร่างกาย ทำให้เขามีใบหน้าซีดเซียว และมีเหงื่อออกราวกับสายฝน

แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

“นายเก่งมาก”

เต้าจูนยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับชายชราผมหงอก

“อุปนิสัย ความสามารถ ความรับผิดชอบ ล้วนยอดเยี่ยม”ชายชราผมหงอกก็เห็นด้วยเช่นกัน

เฉินตงรู้สึกประหลาดใจ เรียกฉันมา เพื่อจะกล่าวชมเชยต่อหน้า ?

ความเจ็บปวดในร่างกาย และเวลาที่กระชั้นชิด ทำให้เฉินตงนั่งรอต่อไปไม่ไหว

เขาต้องรีบกลับบ้าน

เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจ :“ผู้อาวุโสเต้าจูน คุณรู้จักพ่อผม ?”

“ผู้อาวุโส?”

เต้าจูนเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างเรียบง่าย แล้วพูดว่า:“เต้าจูน เป็นชื่อของฉัน จริงๆ แล้วฉัน……แซ่เฉิน”

เฉินเต้าจูน ?

เฉินเต้าหลิน ?

เฉินตงขมวดคิ้ว แล้วจิปาก ทันใดนั้นก็นึกออกขึ้นมา และใบหน้าก็ตกตะลึง

“เข้าใจแล้ว?”

เฉินเต้าจูนยิ้มอย่างอ่อนโยน:“นาย ควรเรียกฉันว่าลุง!”

โครม!

เมื่อหัวสมองคาดเดาเรื่องราวต่างๆเอาไว้ และได้รับการยืนยันจากปากของเฉินเต้าจูนเอง

เฉินตงรู้สึกราวกับนั่งอยู่บนขี้ผึ้ง

พี่ชายของพ่อ อยู่ในคุกมืดนี้ ?

อีกทั้งยังคุมคุกมืดนี้มายี่สิบกว่าปี ?

และอื่นๆอีกมากมาย!

ความตระหนกตกใจในแววตาของเฉินตงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก

ยี่สิบกว่าปี เป็นตัวเลขที่ประมาณการ

และเขาก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์บางอย่างได้บ้างแล้ว

ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว น่าจะประมาณช่วงที่เขาเกิด เป็นช่วงที่พ่อกลับไปยังตระกูลเฉินเพื่อสืบทอดตำแหน่ง และยังเป็นช่วงที่เฉินเต้าจูนถูกจองจำในคุกมืดนี้

ตัวเลขที่ประมาณการนี้ รวมกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิด ก็ประจวบเหมาะกันทุกอย่าง และมีความเป็นไปได้ที่สุด

และด้วยความสามารถของเฉินเต้าจูน ก็คงจะเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเฉินในเวลานั้นด้วยเช่นกัน !

“ฟู่~”

และในตอนที่เฉินตงกำลังตกใจอยู่นั้น เฉินเต้าจูนก็สูบซิการ์ และพ่นควันไปที่ใบหน้าของเฉินตง

เฉินตงถึงกับสำลักควันแล้วไอออกมา

ผ่านควันไฟ เขามองเห็น ท่าทีของเฉินเต้าจูนก็เย็นชาและเคร่งขรึมขึ้นทันใด

เสียงที่เยือกเย็นก็ดังขึ้น

“ด้วยสมองของนาย ก็น่าจะเดาได้ ในตอนนั้นฉันถูกพ่อของนาย ส่งมาที่คุกมืดนี้ ? ”

เสียงราวกับลมหนาวที่พัดมาจากขุมนรก ทำให้ร่างกายเฉินตงเย็นเยือกลงทันที

ความรู้สึกกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

พ่อส่งเฉินเต้าจูนมาที่คุกมืดนี้ และถูกจองจำมานานกว่ายี่สิบปี

ความแค้นที่ฝังลึกนี้……

เมื่อเสรีภาพของคนคนหนึ่งถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ความเกลียดชังที่ก่อตัวขึ้น แม้จะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็อาจเปราะบางจนยากที่จะทนได้

แต่แล้ว เฉินตงก็ขมวดคิ้วนิ่งแล้วมองไปที่เฉินเต้าจูนที่เย็นชาและเคร่งขรึม

“เพราะฉะนั้น ลุงถึงได้ปกป้องผมเพื่อให้ได้ออกไปจากคุกมืดนี้ ?”

“เชรด!”

เฉินเต้าจูนเอนหลังพิงไปที่เก้าอี้ แล้วสบถด่า

ยักไหล่ แล้วพูดอย่างเอือมๆไปว่า :“ไอเด็กคนนี้เหมือนพ่อมันไม่มีผิด ฉลาดไหวพริบดี ที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่โทษเขา ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เขาชนะเพราะความสามารถของเขา ฉันอยู่ในคุกมืดนี้ก็มีความสุขสบายดี”

หลังจากที่พูดจบ เฉินเต้าจูนก็โบกมือ

“ที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว นายเองก็ไปจากคุกมืดนี้ได้แล้ว ”

บทสนทนาเพียงสั้นๆ แต่ก็เผยให้เห็นความจริงที่น่าเหลือเชื่อ

ไม่เพียงแค่เฉินตงเท่านั้นที่ตกใจ

ป๋าที่อยู่ข้างๆก็ตกใจมากไม่แพ้กัน

จนกระทั่งเฉินตงลุกขึ้น ป๋าก็ยังคงมึนงงอยู่ไม่หาย

ใครจะไปคิดว่า คนใหม่ที่ถูกส่งตัวมาในคุกมืดนี้ กลับมีความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่น กับคนที่คุมคุกมืดนี้มานานกว่ายี่สิบปีได้ ?

แค่ความสัมพันธ์นี้ ยังอธิบายการกระทำที่ผ่านมาของเต้าจูน ไม่ได้อีกเหรอ?

“เฉินตง……”

ชายชราผมหงอกก็ลุกขึ้นทันที

“ท่านพัศดี มีอะไรจะชี้แนะครับ ? ”

เฉินตงไม่ได้โง่ สถานการณ์ในตอนนี้ พัศดีไม่ได้จะไต่สวนเขาเรื่องเกมการต่อสู้ของสิบสังเวียน

ความกังวลที่มีก่อนหน้า ตอนนี้ได้มลายหายไปหมดแล้ว

“คุณเรียกผมท่านหลินก็ได้”

ชายชราผมหงอกยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่มีท่าทางที่น่าเกรงขามเหมือนเป็นผู้คุมในคุกมืดนี้:“เดินทางปลอดภัย อันตรายและความยากลำบากที่นายต้องเผชิญ มันยิ่งใหญ่และรุนแรงกว่าที่นายคิดเอาไว้มาก”

เฉินตงรู้สึกงงงวย

แต่เขาก็พยักหน้ารับ กุมมือขอบคุณ:“ขอบคุณครับท่านหลิน”

“ไปเถอะ ฉันได้ส่งเครื่องบินมารับนายแล้ว”

ท่านหลินโบกมือ และกำชับกับป๋าไปว่า :“ป๋า คุ้มกันเฉินตงออกไปด้วย”

“รับทราบครับ”

ป๋ารับคำสั่งด้วยความเคารพ แล้วมองไปที่ดวงตาของเฉินตงแต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิมแล้ว

ในตอนแรก เขาเห็นเฉินตงเป็นคนที่มีผิวสีเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงได้รู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดกัน

เมื่อรู้ว่าเฉินตงเป็นลูกศิษย์ของคุนหลุน ความสนิทสนมนี้ก็พัฒนาเป็นความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

แต่ตอนนี้ เฉินตงทำให้เขาเริ่มรู้สึกหวาดเกรงในใจและเริ่ม……ชื่นชม

ในตอนที่เฉินตงเดินไปถึงที่ประตู

ด้านหลังก็มีเสียงของเฉินเต้าจูนดังขึ้น :“ แล้วก็ หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็บอกป๋าได้เลย เขาจะมาบอกฉันอีกที ลุงของแกทำอะไรไม่เป็น แต่หากจะฆ่าใครฝีมือก็ยังได้อยู่นอกจากนี้แล้ว ก็ฝากทักทายไปยังไอพ่อเฮงซวยของแกด้วย บอกว่า ……เย็บแม่ง!”

มุมปากของเฉินตงกระตุก และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

แต่คำพูดของเฉินเต้าจูน กลับยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นไปอีก

คุกมืดนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็ออกไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ?

วิธีเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้ ยังลำบากยากเข็ญ

เฉินเต้าจูนที่คุมทั้งคุกมืดนี้มากว่ายี่สิบปียังไม่เคยที่จะออกไป คงต้องถูกอะไรสักอย่างกักขังเอาไว้เป็นแน่

ถ้าหากเขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ บอกเฉินเต้าจูน ที่อยู่ในคุกมืดที่ลึกถึงเพียงนี้ จะช่วยอะไรเขาได้ ?

กับความสงสัยที่อยู่ในใจ เฉินตงก็เดินตามป๋าออกจากห้องควบคุมไป

มองดูทั้งสองคนเดินจากไป

รอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเฉินเต้าจูน ก็ค่อยๆจางหายไป

ความเศร้าหมองเข้ามาแทนที่

เขาดับซิการ์อีกครึ่งนั้นทิ้ง แล้วพึมพำว่า:“ซิการ์นี้ ช่างไม่มีรสชาติอะไรเอาซะเลย ”

“อยากแก้แค้น ? แต่กลับช่วยลูกชายของศัตรูออกไปจากคุกมืด ไม่มีความสุข ?”ท่านหลินพูดแล้วหัวเราะออกมา

เฉินเต้าจูนชำเลืองมองไปยังท่านหลิน :“คุณพูดแบบนี้ ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยหรือไง ?”

ท่าทีของท่านหลินแข็งทื่อ แล้วยิ้มแห้งออกมา

คุกมืดแทนที่จะเป็นที่คุมขัง ไม่สู้เรียกว่าเป็นเมืองยังจะดีเสียกว่า

เมืองคุกมืด !

ความใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ เฉินตงผู้ซึ่งเป็นอิสระในเวลานี้ ภายใต้การดูแลของป๋า รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก

เมื่อเดิมตามป๋ามาถึงสนามบินของคุกมืด

เครื่องบินรบลำหนึ่งรอพร้อมไว้แล้ว

เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น ส่วนหางเคลื่อนไหวไปมา

“เฉินตง เดินทางปลอดภัย ”

ป๋าพูดอย่างจริงใจ:“ดีใจกับนายด้วย ที่ได้ออกไปจากคุกมืดนี้ ”

“ขอบคุณครับ”

เฉินตงกล่าวอย่างอ่อนแรง บาดแผลบนร่างกาย หลังจากที่ออกมาจากห้องควบคุม ป๋าได้พาเขาไปที่สถาบันการแพทย์รักษาอาการเบื้องต้นแล้ว ณ ตอนนี้น่าจะยังไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อมองไปที่ป๋า ดวงตาของเฉินตงกลอกกลิ้งไปมา

เขาเอ่ยปากถาม:“ป๋า ขอละลาบละล้วงถามคุณสักคำถาม คุณกับคุนหลุน มีความสัมพันธ์ยังไงกัน ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset