เมื่อเฉินตงเดินตามป๋าเข้าไปในห้องควบคุม
เต้าจูนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน และสูบซิการ์อยู่
ชายชราผมหงอกนั่งอยู่ด้านข้าง
เมื่อเห็นเฉินตง ชายชราผมหงอกก็ลุกขึ้น แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เฉินตง นั่งสิ”
ป๋าที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น :“นี่คือพัศดีของคุกมืดนี้ ”
ผู้มีอำนาจสูงสุดของคุกมืดนี้ !
เฉินตงตะลึงงัน แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองผ่านการต่อสู้มาสิบครั้งและชนะแล้วได้เจอกับพัศดี ก็สมเหตุสมผลอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น พูดกันตามตรง ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าการต่อสู้สิบครั้งแล้วชนะนี้ เป็นไปด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสมในการชนะ
หากไม่ใช่เพราะ“การกระทำ”ของเต้าจูน โอกาสที่เขาจะได้เจอกับเต้าจูนในสังเวียนสุดท้ายก็คงยาก
และตอนนี้พัศดีก็มาปรากฏตัว ไม่แคล้วคงเกี่ยวข้องกับสิบสังเวียนเป็นแน่
ในใจของเฉินตงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจะออกไปจากคุกมืดนี้หรือไม่
เต้าจูนพูดอย่างสงบ:“นั่งลงสิ นายมีคุณสมบัติที่จะออกไปจากคุกมืดนี้แล้ว ”
เฉินตงมองไปยังเต้าจูน ในใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลง แล้วนั่งลง
ภายในห้องควบคุม
เงียบไม่มีเสียง
หลังจากผ่านการต่อสู้มา ร่างกายของเฉินตงอ่อนล้าหมดแรง และการนั่งบนเก้าอี้ในตอนนี้ ทุกวินาทีเป็นไปด้วยความทรมาน
ความเจ็บปวดทั้งร่างกาย ทำให้เขามีใบหน้าซีดเซียว และมีเหงื่อออกราวกับสายฝน
แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“นายเก่งมาก”
เต้าจูนยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับชายชราผมหงอก
“อุปนิสัย ความสามารถ ความรับผิดชอบ ล้วนยอดเยี่ยม”ชายชราผมหงอกก็เห็นด้วยเช่นกัน
เฉินตงรู้สึกประหลาดใจ เรียกฉันมา เพื่อจะกล่าวชมเชยต่อหน้า ?
ความเจ็บปวดในร่างกาย และเวลาที่กระชั้นชิด ทำให้เฉินตงนั่งรอต่อไปไม่ไหว
เขาต้องรีบกลับบ้าน
เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจ :“ผู้อาวุโสเต้าจูน คุณรู้จักพ่อผม ?”
“ผู้อาวุโส?”
เต้าจูนเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างเรียบง่าย แล้วพูดว่า:“เต้าจูน เป็นชื่อของฉัน จริงๆ แล้วฉัน……แซ่เฉิน”
เฉินเต้าจูน ?
เฉินเต้าหลิน ?
เฉินตงขมวดคิ้ว แล้วจิปาก ทันใดนั้นก็นึกออกขึ้นมา และใบหน้าก็ตกตะลึง
“เข้าใจแล้ว?”
เฉินเต้าจูนยิ้มอย่างอ่อนโยน:“นาย ควรเรียกฉันว่าลุง!”
โครม!
เมื่อหัวสมองคาดเดาเรื่องราวต่างๆเอาไว้ และได้รับการยืนยันจากปากของเฉินเต้าจูนเอง
เฉินตงรู้สึกราวกับนั่งอยู่บนขี้ผึ้ง
พี่ชายของพ่อ อยู่ในคุกมืดนี้ ?
อีกทั้งยังคุมคุกมืดนี้มายี่สิบกว่าปี ?
และอื่นๆอีกมากมาย!
ความตระหนกตกใจในแววตาของเฉินตงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ยี่สิบกว่าปี เป็นตัวเลขที่ประมาณการ
และเขาก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์บางอย่างได้บ้างแล้ว
ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว น่าจะประมาณช่วงที่เขาเกิด เป็นช่วงที่พ่อกลับไปยังตระกูลเฉินเพื่อสืบทอดตำแหน่ง และยังเป็นช่วงที่เฉินเต้าจูนถูกจองจำในคุกมืดนี้
ตัวเลขที่ประมาณการนี้ รวมกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิด ก็ประจวบเหมาะกันทุกอย่าง และมีความเป็นไปได้ที่สุด
และด้วยความสามารถของเฉินเต้าจูน ก็คงจะเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเฉินในเวลานั้นด้วยเช่นกัน !
“ฟู่~”
และในตอนที่เฉินตงกำลังตกใจอยู่นั้น เฉินเต้าจูนก็สูบซิการ์ และพ่นควันไปที่ใบหน้าของเฉินตง
เฉินตงถึงกับสำลักควันแล้วไอออกมา
ผ่านควันไฟ เขามองเห็น ท่าทีของเฉินเต้าจูนก็เย็นชาและเคร่งขรึมขึ้นทันใด
เสียงที่เยือกเย็นก็ดังขึ้น
“ด้วยสมองของนาย ก็น่าจะเดาได้ ในตอนนั้นฉันถูกพ่อของนาย ส่งมาที่คุกมืดนี้ ? ”
เสียงราวกับลมหนาวที่พัดมาจากขุมนรก ทำให้ร่างกายเฉินตงเย็นเยือกลงทันที
ความรู้สึกกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
พ่อส่งเฉินเต้าจูนมาที่คุกมืดนี้ และถูกจองจำมานานกว่ายี่สิบปี
ความแค้นที่ฝังลึกนี้……
เมื่อเสรีภาพของคนคนหนึ่งถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ความเกลียดชังที่ก่อตัวขึ้น แม้จะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็อาจเปราะบางจนยากที่จะทนได้
แต่แล้ว เฉินตงก็ขมวดคิ้วนิ่งแล้วมองไปที่เฉินเต้าจูนที่เย็นชาและเคร่งขรึม
“เพราะฉะนั้น ลุงถึงได้ปกป้องผมเพื่อให้ได้ออกไปจากคุกมืดนี้ ?”
“เชรด!”
เฉินเต้าจูนเอนหลังพิงไปที่เก้าอี้ แล้วสบถด่า
ยักไหล่ แล้วพูดอย่างเอือมๆไปว่า :“ไอเด็กคนนี้เหมือนพ่อมันไม่มีผิด ฉลาดไหวพริบดี ที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่โทษเขา ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เขาชนะเพราะความสามารถของเขา ฉันอยู่ในคุกมืดนี้ก็มีความสุขสบายดี”
หลังจากที่พูดจบ เฉินเต้าจูนก็โบกมือ
“ที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว นายเองก็ไปจากคุกมืดนี้ได้แล้ว ”
บทสนทนาเพียงสั้นๆ แต่ก็เผยให้เห็นความจริงที่น่าเหลือเชื่อ
ไม่เพียงแค่เฉินตงเท่านั้นที่ตกใจ
ป๋าที่อยู่ข้างๆก็ตกใจมากไม่แพ้กัน
จนกระทั่งเฉินตงลุกขึ้น ป๋าก็ยังคงมึนงงอยู่ไม่หาย
ใครจะไปคิดว่า คนใหม่ที่ถูกส่งตัวมาในคุกมืดนี้ กลับมีความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่น กับคนที่คุมคุกมืดนี้มานานกว่ายี่สิบปีได้ ?
แค่ความสัมพันธ์นี้ ยังอธิบายการกระทำที่ผ่านมาของเต้าจูน ไม่ได้อีกเหรอ?
“เฉินตง……”
ชายชราผมหงอกก็ลุกขึ้นทันที
“ท่านพัศดี มีอะไรจะชี้แนะครับ ? ”
เฉินตงไม่ได้โง่ สถานการณ์ในตอนนี้ พัศดีไม่ได้จะไต่สวนเขาเรื่องเกมการต่อสู้ของสิบสังเวียน
ความกังวลที่มีก่อนหน้า ตอนนี้ได้มลายหายไปหมดแล้ว
“คุณเรียกผมท่านหลินก็ได้”
ชายชราผมหงอกยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่มีท่าทางที่น่าเกรงขามเหมือนเป็นผู้คุมในคุกมืดนี้:“เดินทางปลอดภัย อันตรายและความยากลำบากที่นายต้องเผชิญ มันยิ่งใหญ่และรุนแรงกว่าที่นายคิดเอาไว้มาก”
เฉินตงรู้สึกงงงวย
แต่เขาก็พยักหน้ารับ กุมมือขอบคุณ:“ขอบคุณครับท่านหลิน”
“ไปเถอะ ฉันได้ส่งเครื่องบินมารับนายแล้ว”
ท่านหลินโบกมือ และกำชับกับป๋าไปว่า :“ป๋า คุ้มกันเฉินตงออกไปด้วย”
“รับทราบครับ”
ป๋ารับคำสั่งด้วยความเคารพ แล้วมองไปที่ดวงตาของเฉินตงแต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิมแล้ว
ในตอนแรก เขาเห็นเฉินตงเป็นคนที่มีผิวสีเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงได้รู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดกัน
เมื่อรู้ว่าเฉินตงเป็นลูกศิษย์ของคุนหลุน ความสนิทสนมนี้ก็พัฒนาเป็นความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
แต่ตอนนี้ เฉินตงทำให้เขาเริ่มรู้สึกหวาดเกรงในใจและเริ่ม……ชื่นชม
ในตอนที่เฉินตงเดินไปถึงที่ประตู
ด้านหลังก็มีเสียงของเฉินเต้าจูนดังขึ้น :“ แล้วก็ หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็บอกป๋าได้เลย เขาจะมาบอกฉันอีกที ลุงของแกทำอะไรไม่เป็น แต่หากจะฆ่าใครฝีมือก็ยังได้อยู่นอกจากนี้แล้ว ก็ฝากทักทายไปยังไอพ่อเฮงซวยของแกด้วย บอกว่า ……เย็บแม่ง!”
มุมปากของเฉินตงกระตุก และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่คำพูดของเฉินเต้าจูน กลับยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นไปอีก
คุกมืดนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็ออกไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ?
วิธีเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้ ยังลำบากยากเข็ญ
เฉินเต้าจูนที่คุมทั้งคุกมืดนี้มากว่ายี่สิบปียังไม่เคยที่จะออกไป คงต้องถูกอะไรสักอย่างกักขังเอาไว้เป็นแน่
ถ้าหากเขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ บอกเฉินเต้าจูน ที่อยู่ในคุกมืดที่ลึกถึงเพียงนี้ จะช่วยอะไรเขาได้ ?
กับความสงสัยที่อยู่ในใจ เฉินตงก็เดินตามป๋าออกจากห้องควบคุมไป
มองดูทั้งสองคนเดินจากไป
รอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเฉินเต้าจูน ก็ค่อยๆจางหายไป
ความเศร้าหมองเข้ามาแทนที่
เขาดับซิการ์อีกครึ่งนั้นทิ้ง แล้วพึมพำว่า:“ซิการ์นี้ ช่างไม่มีรสชาติอะไรเอาซะเลย ”
“อยากแก้แค้น ? แต่กลับช่วยลูกชายของศัตรูออกไปจากคุกมืด ไม่มีความสุข ?”ท่านหลินพูดแล้วหัวเราะออกมา
เฉินเต้าจูนชำเลืองมองไปยังท่านหลิน :“คุณพูดแบบนี้ ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยหรือไง ?”
ท่าทีของท่านหลินแข็งทื่อ แล้วยิ้มแห้งออกมา
คุกมืดแทนที่จะเป็นที่คุมขัง ไม่สู้เรียกว่าเป็นเมืองยังจะดีเสียกว่า
เมืองคุกมืด !
ความใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ เฉินตงผู้ซึ่งเป็นอิสระในเวลานี้ ภายใต้การดูแลของป๋า รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
เมื่อเดิมตามป๋ามาถึงสนามบินของคุกมืด
เครื่องบินรบลำหนึ่งรอพร้อมไว้แล้ว
เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น ส่วนหางเคลื่อนไหวไปมา
“เฉินตง เดินทางปลอดภัย ”
ป๋าพูดอย่างจริงใจ:“ดีใจกับนายด้วย ที่ได้ออกไปจากคุกมืดนี้ ”
“ขอบคุณครับ”
เฉินตงกล่าวอย่างอ่อนแรง บาดแผลบนร่างกาย หลังจากที่ออกมาจากห้องควบคุม ป๋าได้พาเขาไปที่สถาบันการแพทย์รักษาอาการเบื้องต้นแล้ว ณ ตอนนี้น่าจะยังไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อมองไปที่ป๋า ดวงตาของเฉินตงกลอกกลิ้งไปมา
เขาเอ่ยปากถาม:“ป๋า ขอละลาบละล้วงถามคุณสักคำถาม คุณกับคุนหลุน มีความสัมพันธ์ยังไงกัน ?”