ภายใต้ความมืด
ฉินเย่อาศัยความมืด หนีออกจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน และเฝ้ารออยู่ที่ถนนปันซาน
มีไฟหน้ารถส่องมา จากที่ไกลๆ
เขาเดินไปที่กลางถนน
แกร๊ก!
เมอร์เซเดส-เบนซ์จี หยุดลงกะทันหัน
ประตูรถเปิดออก
กู้ชิงหยิ่งเดินลงมาอย่างสงสัย:“ฉินเย่ นายมีอะไรหรือเปล่า ?”
สีหน้าของฉินเย่หมองหม่น ดวงตาจ้องมองไปที่กู้ชิงหยิ่ง
ทำให้กู้ชิงหยิ่งประหม่าเล็กน้อย
และสองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋วที่อยู่บนรถ ก็ขมวดคิ้ว อย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“ เสี่ยวหยิ่ง เธอมานี่ ฉันถามอะไรเธอหน่อย ”
ฉินเย่เหลือบมองไปที่รถเมอร์เซเดส-เบนซ์จีแวบหนึ่ง และกลับมามองที่กู้ชิงหยิ่งอีกครั้ง
กู้ชิงหยิ่งเดินไปหาฉินเย่
ฉินเย่ลดเสียงลง แล้วถามว่า :“เธอ แน่ใจจริงๆเหรอว่าเฉินตงคนนี้ เป็นเฉินตงตัวจริง ? ”
ร่างกายของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหว ดวงตาเกิดความลังเลขึ้นวูบหนึ่ง
เธอพูดน้ำเสียงทุ้มต่ำไปว่า :“ฉินเย่ นายกับเฉินตงเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงยังถามคำถามแบบนี้อีก?”
“ตอบฉัน!”
ฉินเย่ขมวดคิ้ว สายตาเย็นชา
“นายคิดว่าเฉินตงตัวปลอม จะสละชีวิตเพื่อช่วยฉันงั้นเหรอ ?”
ใบหน้าที่สวยงามของกู้ชิงหยิ่งขุ่นเคือง :“พรุ่งนี้ก็เป็นวันมงคลของฉันกับเฉินตง สิ่งที่ฉันหวังคือคำอวยพรจากนาย ไม่ใช่ความสงสัยของนาย!”
พูดจบ เธอก็หันหลังแล้วกลับไปที่รถ
ฉินเย่ยิ้มเยาะออกมา แล้วเดินหลีกไปยังข้างถนน ไม่แม้แต่จะมองไปที่รถ แล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
รอจนกระทั่งรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ขับลงเขาไป
เขาพ่นควันออกมา แล้วทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น ใช้เท้าเหยียบขยี้เพื่อดับไฟ
“พี่ชาย? เพราะพี่เป็นพี่ ผมเลยต้องปกป้องผู้หญิงโง่ๆของพี่!ผมได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกทรพีฆ่าพ่อตัวเอง จะมีชื่อเสียงอื้อฉาวว่าฆ่าพี่ฆ่าน้องเพิ่มอีกชื่อจะเป็นไร เฉินตงนะเฉินตง พี่อยู่ที่ไหนกัน ? หรือ พี่ตายไปแล้ว ? หากเป็นอย่างนั้น เดินช้าๆในถนนยมโลกแล้วกัน เดี๋ยวผมจะตามไป !”
เสียงทอดถอนใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเด็ดเดี่ยว
ฉินเย่เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ท้องฟ้าที่มืดมิด มองไม่เห็นดวงดาวและดวงจันทร์
เขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง ด้วยความรู้สึกแบบนี้ เขาถึงได้ติดตามเฉินตงอย่างไม่ลังเลในตอนแรก
ช่วงนี้ เขายุ่งอยู่กับตระกูลเฉิน
ทุกอย่างที่เป็นเฉินตงคนตรงหน้านี้ เขาจับตามองมันอยู่ตลอด และความรู้สึกนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้น
ฉินเย่กำลังจะมุ่งไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
บนท้องถนน ก็มีเงาดำรูปร่างสูงใหญ่โผล่มา
ม่านตาของฉินเย่หดลง ไอสังหารที่รุนแรงก็ปะทุขึ้น
เขาหันหลังกลับทันที
ชายสามคนสวมหน้ากากก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
มีสองคนก้าวเข้ามา แล้วจับตัวของฉินเย่กดลง
หวืด!
แสงเย็นวูบ
คนสุดท้ายดึงเอามืดสั้นออกมา
วืด!
แทงเข้าท้องของฉินเย่อย่างหนักหน่วง
เสียงหงุดหงิดฟึดฟัด ดวงตาของฉินเย่พร่ามัวไปชั่วขณะ ด้วยความตกใจ มือเขาจับแน่นไปที่ข้อมือที่ถือมีดสั้นนั้น
ชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้า พูดอย่างเย็นชาว่า
“นาย จะยุ่งมากเกินไปแล้ว ตายซะเถอะ !”
หลังจากนั้น มือสั้นก็ถูกดึงออกจากร่างของฉินเย่
ชายสามคนที่ปิดบังใบหน้าก็หันหลังแล้วจากไป อย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา ถนนบนภูเขาก็เหลือเพียงฉินเย่คนเดียว
ฉินเย่ยืนอยู่ที่เดิม ความเจ็บปวดในช่องท้องแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
เขารู้สึกได้ว่า เลือดในกายไหลออกมาจากบาดแผลอย่างหนักหน่วง
บนพื้น ก็มีกองเลือดไหลนองเต็มไปหมด
ตึกตัก!
ฉินเย่ตัวสั่น แล้วคุกเข่าลงตรงกองเลือดนั่น
สีหน้าซีดเซียว ความกลัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความตายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เฉิน……เฉินตง……”
พึมพำอย่างไม่ท้อ มือขวาฉินเย่ที่เปื้อนเลือดหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แล้วกดไปยังเบอร์ผู้ติดต่อล่าสุด—จางหยู่หลัน
นั่นคือบันทึกการโทรในบ่ายวันนี้ที่เขาตำหนิจางหยู่หลันที่มาช่วยจัดห้องหอให้กับกู้ชิงหยิ่ง
เมื่อการต่อสายสำเร็จ
“ฮัลโหล ฉินเย่ คุณอยู่ไหน ? ”
ฉินเย่ยิ้มอย่างเศร้าหมอง :“เด็กน้อย ผมขอโทษนะ ”
ปัง!
ร่างกายฝืนทนไม่ไหวอีกต่อไป ล้มลงไปในกองเลือด
และในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ก็หล่นลงไปในกองเลือดเช่นกัน
“ฉินเย่……คุณอยู่ไหน ? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ?”
ในสาย มีเสียงเป็นกังวลของจางหยู่หลันดังอยู่
ฉินเย่ที่นอนจมกองเลือดมองดูโทรศัพท์มือถือ ฝืนทนต่อไปไม่ไหว ราวกับมีเหล็กมาทับบนเปลือกตา แล้วค่อยๆหลับตาลง……
……
ภายในวิลล่า
จางหยู่หลันตะโกนร้องใส่โทรศัพท์ด้วยความตกใจ
เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เธอก็ตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาทันที
ดวงตาแดงก่ำ คลอไปด้วยน้ำตา
ภาพนี้ ถูกพบเห็นโดยหลี่หลานและคนอื่นๆที่กลับมาในวิลล่า
หลี่หลานเป็นกังวลขึ้นมาทันที:“เด็กน้อย เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณน้า ฉินเย่เกิดเรื่องแล้ว ”
จางหยู่หลันร้องไห้โฮ
“เมื่อกี้เขาก็ยังอยู่นี่ ? แล้วตอนนี้เขาไปไหน ? ”สีหน้าของหลี่หลานเปลี่ยนไปทันที
ทุกคนในบ้านต่างก็ตื่นตกใจเช่นกัน
พรุ่งนี้ก็เป็นวันมงคลแล้ว
ทำไมฉินเย่มาเกิดเรื่องในตอนนี้ได้ ?
“เขามีธุระออกไปข้างนอก คุณน้า หนูควรทำยังไงดีคะ ? ”จางหยู่หลันจับมือหลี่หลานแน่น ทำอะไรไม่ถูก
“เพิ่งออกไป งั้นก็น่าจะไปได้ไม่ไกล ”
ท่านหลงพูดอย่างเคร่งขรึม:“คุนหลุน กูหลัง ออกไปหาฉินเย่กับหยู่หลันเดี๋ยวนี้”
ทั้งสามคนรีบออกไปจากวิลล่าอย่างทันทีทันใด
หลี่หลานก็ร้อนรนกระวนกระวาย เดินวนไปมา
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ? ทำไมเจ้าฉินเย่ถึงได้มาเกิดเรื่องได้ในตอนนี้ ? จะต้องไม่เป็นอะไร ต้องไม่เป็นอะไร”
“แม่ครับ คงไม่เป็นอะไรมากหรอก พรุ่งนี้เป็นวันมงคลของผมกับเสี่ยวหยิ่ง ไปพักผ่อนเถอะครับ มีคุนหลุนเขาอยู่ทั้งคน ”
เฉินตงที่นิ่งเงียบมาตลอด ก็เดินมาตรงหน้าของหลี่หลาน เอ่ยปลอบเสียงเบา
“เจ้าฉินเย่เกิดเรื่องขึ้น ลูกจะให้แม่นอนหลับได้ยังไง ?”หลี่หลานน้ำตาคลอเบ้า พูดอย่างเป็นกังวล
เฉินตงที่กำลังจะพูด
ท่านหลงก็พูดขัดขึ้นว่า :“คุณชาย พรุ่งนี้คุณเป็นตัวหลักในงาน ยังไงก็ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ เรื่องของฉินเย่กระผมจะจัดการเองครับ คุณนายมีฟ่านลู่และเจียนเจียดูแล ไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ ”
“ก็ได้ งั้นรบกวนท่านหลงแล้ว ”
เฉินตงพยักหน้ารับ และหันหลังกลับขึ้นไปยังชั้นบน
มองดูแผ่นหลังของเฉินตง ท่านหลงก็ค่อยๆหรี่ตาลง
ด้านข้าง มีฟ่านลู่ที่คอยปลอบหลี่หลาน แล้วพาหลี่หลานเดินไปนั่งลงยังห้องนั่งเล่น
มีเพียงฉู่เจียนเจีย ที่ยังยืนอยู่กับท่านหลง
“ท่านหลง เหมือนมีบางอย่างผิดปกติไปหรือเปล่า ?”ฉู่เจียนเจียเอ่ยถาม
“เย็นชาเกินไป”ท่านหลงพึมพำ “ความสัมพันธ์ระหว่างนายท่านกับฉินเย่ ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ”
ฉู่เจียนเจียพยักหน้า:“อันที่จริงแล้ว ในช่วงนี้งานในโครงการที่ฉันรับผิดชอบร่วมกับเฉินตง ลูกค้าก็ไม่พอใจเท่าไรนัก ฉันรู้สึกว่าเฉินตงเปลี่ยนไป”
หากไม่ใช่เพราะท่านหลงเป็นคนพูดขึ้นมาเสียก่อน
ฉู่เจียนเจียก็คงไม่พูดคำพูดเหล่านี้ออกมา
ภูมิหลังและสถานะทางครอบครัวระหว่างเธอกับเฉินตง มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตระกูลฉู่กับเฉินตงร่วมงานกัน พูดกันตามตรงก็คือพวกเขาอาศัยเฉินตงพึ่งพาตระกูลเฉิน
คำพูดที่ไม่เคารพแบบนี้ เธอไม่กล้าพูดมันไปตรงๆแน่
ท่านหลงพยักหน้า แล้วหันไปมองหลี่หลานในห้องนั่งเล่น
พึมพำเบาๆว่า:“อันที่จริงแล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนกัน แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น รูปลักษณ์ของนายท่านก็ยังเป็นเหมือนเดิม แล้วใครจะกล้าพูดว่านายท่านไม่ใช่นายท่านล่ะ ? ”
ดวงตาของฉู่เจียนเจียกะพริบ อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมา
และในเวลาเดียวกันนี้
บนท้องฟ้า
เครื่องบินรบราวกับนกอินทรี เสียงดังสนั่นบินผ่านท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยความเร็วสูง
เฉินตงเอนหลังพิงเก้าอี้ งีบหลับเอาแรง
การเปลี่ยนเครื่องครั้งแล้วครั้งเล่านี้ ได้ยืนยันการคาดการณ์เบื้องต้นของเขา ว่าคุกมืดนี้เลวร้ายมากจริงๆ
การนั่งเครื่องบินรบเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วของเขา เกินที่จะรับได้
ในใจคำนวณเวลา เฉินตงเอ่ยถามเสียงเบา :“อีกนานแค่ไหนจะถึง?”
“ตามคาดการณ์ พรุ่งนี้ก็น่าจะถึง”
นักบินตอบกลับ
“วันที่15 พอดี!”
รอยยิ้มที่ผ่อนคลายปรากฏบนใบหน้าของเฉินตง ก้อนหินในใจที่หนักอึ้งก็ได้วางลง พึมพำเสียงทุ้มว่า :“ฉัน กลับมาแล้ว!”