Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 260 เมื่องานแต่งงานยังคงดำเนินต่อ

ในขณะที่พูดคำนี้นั้น

ฉินเย่กับเฉินตงก็มองหน้ากัน

ในขณะนี้เอง ทุกคนในบริเวณนี้ก็สังเกตเห็นรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

ท่านหลงก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น เพื่อทำลายบรรยากาศนี้

“จางหยู่หลัน กูหลัง ยังไม่รีบพาฉินเย่ไปพักอีก ?”

หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป

ท่านหลงเอ่ยทักทายเฉินตงและคนอื่นๆ จากนั้นรีบตามหลังไปทันที

ในอีกมุมที่อยู่ไม่ไกล บรรยากาศแตกต่างจากภายนอก ซึ่งดูหนาวเย็นเล็กน้อย

“เมื่อกี้คุณทำอะไร ?”

จางหยู่หลันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย สีหน้าของฉินเย่กับเฉินตงเมื่อครู่มันดูไม่ได้เลย

เธอไม่เข้าใจว่า คนสองคนที่เคยรักใคร่สนิทสนมกัน ทำไมถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ไปได้

กูหลังที่อยู่ข้างๆก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

และในขณะนี้เอง

ท่านหลงก็เดินมาอย่างรีบร้อน สีหน้าเรียบนิ่งถามฉินเย่ :“นี่เจ้าฉินเย่ แกมาแสดงความยินดี หรือมาทำลายงานแต่งกันแน่ ?”

“ก็ต้องมาแสดงความยินดีสิ ”

มุมปากที่ซีดเซียวของฉินเย่ยกขึ้น แล้วเผยยิ้มออกมา

“เจ้าเด็กคนนี้ คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันจะไม่รู้เชียวเหรอ? ”ท่านหลงขมวดคิ้วแน่น “แกอย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจ แม้ว่าคนแก่อย่างฉันจะดีกับแกยังไงแต่ก็เป็นเพียงคนรับใช้ของตระกูลเฉิน”

“ผมมาแสดงความยินดีจริงๆ ” ฉินเย่พูดอย่างจริงจัง

ดวงตาของท่านหลงดำดิ่ง และจ้องมองสบตากับฉินเย่อยู่สักพัก

ทันใดนั้นเขาก็พูดสื่อความหมาย:“คนแก่อย่างฉันรู้ว่าแกคิดอะไร แต่ฉันก็ยังงง เหตุการณ์เมื่อกี้ แกบังอาจมาก !”

ฉินเย่ตะลึง ดวงตาเป็นประกาย

แต่ก็พูดไปด้วยรอยยิ้มว่า :“ท่านหลง คุณคิดว่าที่ผมฆ่าพ่อตัวเอง ผมทำถูกไหม ?”

“ถูก!”ท่านหลงพยักหน้า

“เขาบอกว่าผมทำไม่ถูก!”ฉินเย่เลิกคิ้ว “คนอย่างผม ไม่ธรรมดา จะฆ่าพ่อตัวเองได้ยังไง ?”

“แก……”สีหน้าของท่านหลงเปลี่ยนไป

ไม่รอให้เขาได้พูดจบ ฉินเย่ก็โบกมือ :“วางใจเถอะ ผมแยกแยะได้ แค่ปกป้องบางอย่างที่อยู่ในใจ ไม่ทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้แน่นอน ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

ท่านหลงก็ถอนหายใจอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มองไปที่ฉินเย่แวบหนึ่ง หันหลังแล้วจากไป

เขารู้นิสัยของฉินเย่ดี

คนที่สามารถฆ่าพ่อตัวเองได้ จะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก ?

ในเมื่อฉินเย่พูดแล้วว่าแยกแยะได้ งั้นก็คงไม่ทำอะไรที่มันเกินไปนัก

ข้างนอกยังมีแขกอีกมากมายที่เขาต้องไปทักทายเขาไม่มีเวลาที่จะมาต่อปากต่อคำกับฉินเย่ได้

จนกระทั่งท่านหลงเดินจากไป จางหยู่หลันและกูหลังก็กลับมาได้สติ

บทสนทนาของคนทั้งคู่ มีความหมายที่ไม่ชัดเจน

ดวงตาของกูหลังมีไอของความเกลียดชังปรากฏ:“ฉินเย่ นายจะหาเรื่องคุณเฉิน อย่าหาว่าฉันไม่เกรงนะ ”

“วางใจเถอะ”

ฉินเย่หรี่ตาลง แล้วยิ้ม

ใกล้เที่ยงแล้ว

ภายในคลับสี่ยิ่น เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ

บรรยากาศครึกครื้น

คึกคักเป็นประวัติการณ์

และในจังหวะนี้

โครม……

เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากท้องฟ้า

ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็เงียบลง

ทุกสายตาต่างจ้องมองไปบนท้องฟ้า

จากนั้น ทุกดวงตาก็ลุกโชนขึ้น

“นายหญิง คุณชาย นายท่านมาถึงแล้วครับ !”

ท่านหลงมองไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่ร่อนลงจอดอย่างช้าๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย

เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอด

ภายใต้สายตาของทุกคนที่มองมาที่เฉินเต้าหลิน ค่อยๆเดินออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ ใบหน้ายิ้มแย้มแล้วเดินตรงเข้ามายังที่เฉินตงยืนอยู่

“พ่อ……”

เฉินตงเอ่ยเรียกออกไปก่อน

เฉินเต้าหลินพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า :“ตงเอ๋อ พ่อพลาดงานแต่งงานครั้งแรกของลูก นี่งานแต่งงานครั้งที่สอง ในที่สุดก็ได้มาร่วมยินดีสักที”

“คุณนี่ งานมงคลนะคะพูดอะไรแบบนั้น ?”

หลี่หลานพูดตำหนิเฉินเต้าหลิน และมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย

มันเป็นงานแต่งงานครั้งที่สองของเฉินตง ในใจเธอ มันคือความไม่ยุติธรรมกับกู้ชิงหยิ่ง พ่อแม่ใครไม่รักลูกบ้าง ?

เฉินเต้าหลินพูดต่อหน้ากู้โก๋ฮั๋วและภรรยาของเขา มันช่างไร้มารยาท !

“โอเคๆ ผมผิดเอง ”

เฉินเต้าหลินยิ้มอ่อนโยน แล้วตีไปที่หลังของหลี่หลานเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยทักทายกับกู้โก๋ฮั๋วและภรรยาของเขา

ทั้งสองฝ่ายต่างพูดคุยแล้วหัวเราะ

บุคคลสำคัญที่อยู่รายล้อมยังไม่มีใครเข้าไปทักทาย

สามารถมาอยู่ในระดับแบบพวกเขาได้ วิสัยทัศน์ในการมองก็ต้องมีบ้าง

ต่อให้มิตรภาพที่มีจะแนบแน่นยังไง ในตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกกดดันอยู่บ้าง

“คุณชาย ใกล้ถึงเวลาฤกษ์มงคลแล้ว เริ่มงานได้แล้วครับ ”

ท่านหลงขยับเข้ามาใกล้ เอ่ยเตือนเสียงเบา

เฉินตงยิ้มและพยักหน้ารับ :“พ่อครับแม่ครับ ใกล้ได้เวลาฤกษ์แล้วนะครับ ”

เสียงเพลงที่ไพเราะก็ดังขึ้น

สะท้อนก้องไปทั่วบนพื้นหญ้าที่ว่างเปล่าของคลับสี่ยิ่น

ทันใดนั้น บรรยากาศก็เงียบลง

บุคคลใหญ่โตทั้งหลายก็นั่งลงกับที่

มีฉู่เจียนเจียคอยช่วยจัดการ นำทีมฝีมือที่ดีที่สุด ทำให้พิธีงานแต่งงานทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างอลังการ

แม้แต่พิธีกรเองก็ยังเป็นผู้ดำเนินงานมากฝีมือ

งานแต่งงานนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นไปตามในแบบที่กู้ชิงหยิ่งวาดฝันเอาไว้

หลังพิธีกรกล่าวเปิดงาน

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าสู่พิธีการสำคัญ

เมื่อเฉินตงก้าวขึ้นไปบนเวที เสียงปรบมือก็ดังสนั่นไปทั่ว

แม้จะเป็นผู้ที่ร่ำรวยและสูงศักดิ์ หรือจะเป็นยักษ์ใหญ่ผู้มั่งคั่ง ตอนนี้ต่างก็ไม่ลังเลที่จะปรบมือยินดี

เพราะ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า

ตระกูลเฉิน ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าพวกเขา ในสายตาของตระกูลเฉิน พวกเขาอาจเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

และคนที่อยู่บนเวทีนั้น คือลูกชายของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน!

มองดูผู้คนที่ปรบมือ เฉินตงที่ยืนอยู่บนเวทีก็อดไม่ได้ที่จะยืนตัวตรง

รอยยิ้มบนใบหน้า ก็ยิ่งภาคภูมิใจมากขึ้นไปอีก

ความรุ่งเรืองมั่งคั่งนี้ ……อยู่ตระกูลไปตลอดชีวิตก็คงจะไม่มีวันได้เป็น !

หากไม่ใช่เพราะโอกาสนี้ฉันก็คงไม่สามารถที่จะมาเป็นตัวแทนแทนที่เขาได้ ?

หากผ่านวันนี้ไปได้ ฉัน……ก็จะกลายเป็นเฉินตงตัวจริง!

“เฉินตง”ในใจเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ และในความงุนงง ก็ได้เห็นภาพอำนาจและความมั่งคั่งอยู่ในมือ

แต่เมื่อสายตาของเขาจ้องมองไปที่ฝูงชน และฉินเย่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น อดไม่ได้ที่จะทำใจให้นิ่งสงบ

และงานแต่งงานก็ดำเนินต่อไป

กู้ชิงหยิ่งที่สวมใส่ชุดแต่งงานกระโปรงยาวตัดเย็บขึ้นโดยเฉพาะ ภายใต้การประคองของฉู่เจียนเจีย ค่อยๆเดินไปยังเวที

ชุดแต่งงานที่ถูกตัดเย็บโดยทีมฝีมือระดับแนวหน้า ทำให้รูปร่างของกู้ชิงหยิ่งสวยสง่าสมบูรณ์แบบ

โครงหน้าที่สวยงาม ถูกบรรจงแต่งแต้มอย่างวิจิตร พูดได้ว่าเวลานี้ไม่มีผู้ใดเทียบได้

ทันทีที่ปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาทุกคน และทุกคนต่างก็ตกตะลึง

พอได้ยินเสียงชมเปาะจากความตะลึง

ร่างกายของกู้ชิงหยิ่งสั่นเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

เธอค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย

และเพราะแบบนี้ ในตอนที่เธอก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที เธอก็เห็นว่า เวทีก็ส่องแสงสว่าง ดอกกุหลาบสีแดงสด ก็ปรากฏขึ้น

กู้ชิงหยิ่งตกใจ

เมื่อเธอก้าวขาไปข้างหน้า ทุกก้าวบนพื้นเวทีก็จะมีดอกกุหลาบสีแดงสดปรากฏขึ้น

ราวกับกำลังเดินอยู่บนดอกไม้

ในที่สุด กู้ชิงหยิ่งก็เดินมาถึงตรงกลางเวที

“ตื่นเต้นไหม?”

เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นในหู

หัวใจของกู้ชิงหยิ่งเต้นแรงขึ้น ภายในใจลึกๆ มีความรู้สึกมากมายหลากหลายเต็มไปหมด

ความตื่นเต้น ความสุขและอารมณ์อื่นๆรวมกัน ทำให้เธอพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ

ฉากนี้ เธอรอมันมานานกว่าสามปี !

ในตอนที่เฉินตงกับหวางหนันหนันเข้าประตูวิวาห์นั้น จิตใจของเธอแตกต่างจากในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

ความเพ้อฝันที่นับไม่ถ้วน หากคนที่เข้าประตูวิวาห์นั้นเป็นตัวเอง มันจะดีแค่ไหนกัน ?

ตอนนี้……ความฝันเป็นจริงแล้ว!

ในที่สุดเธอก็สมหวัง !

ในตอนนี้ กู้ชิงหยิ่งรู้สึกคัดจมูก และน้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมา

เฉินตงคว้ามือของกู้ชิงหยิ่ง หันหน้าไปยังแขกทุกคนที่มาในงาน

ภายใต้การดูแลงานของพิธีกร งานแต่งงานดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างเป็นระเบียบ

เพียงไม่นาน ก็ถึงเวลาที่ต้องเชิญพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายขึ้นบนเวที

เมื่อพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ก้าวขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังสนั่น

พิธีกรก็เอ่ยพูดอย่างช้าๆว่า

“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันนี้ ทำให้งานแต่งงานที่มีค่าลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

พอสิ้นเสียง

แขกก็ปรบมือขึ้นอีกครั้ง

ด้านนอกของคลับสี่ยิ่น เสียงประทัดเก้าสิบเก้าลูกก็ดังขึ้นพร้อมกัน

เสียงดังกระหึ่ม !

จากนั้น ก็เป็นพิธีที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต้องยกน้ำชาให้กับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย

มีเสียงที่เกรี้ยวกราด ดังกลบเสียงปรบมือและเสียงประทัดด้านนอก

“ฉันขอคัดค้านการแต่งงานนี้!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset