Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 262 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เงาที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

ทำให้ทุกคนในงานต่างอยู่ในความเงียบ

แม้แต่บรรดาตระกูลใหญ่มั่งคั่งที่มาร่วมงาน ที่ปกติแล้วก็เคยภาพเหล่านี้จนชินยา ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

นี่……คือใครกันแน่ ?

คนที่เครื่องบินรบบินเข้ามาส่งถึงในงานแต่งงานของตระกูลเฉิน ?

เมื่อระยะห่างค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ ใบหน้าของคนที่อยู่ภายใต้ร่มชูชีพก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น

ฉินเย่เงยหน้าขึ้นมองคนที่ค่อยๆ โรยตัวลงมาจากท้องฟ้า แววตาที่แน่วแน่ของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาทันที

ส่วนบนเวที

เฉินตงที่กำลังโกรธจัดก็ได้แต่ยืนตะลึง

เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขาปูดโปนขึ้นอย่างรวดเร็ว และรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น

เกิดความคิดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในสมองของเขาทันที

จากนั้น หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น

เป็นไปไม่ได้ !

เพราะอะไร ? ทำไมถึงเกิดเรื่องพลิกผันเช่นนี้ขึ้นได้ ?

งานแต่งงานของตระกูลเฉินที่เต็มไปด้วยตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย เป็นโอกาสสำคัญอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

แค่คนบ้าระห่ำอย่างฉินเย่เพียงคนเดียวเข้ามาทำลายบรรยากาศงานแต่ง ก็ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากพอแล้ว

ตอนนี้กลับมีคนที่ถูกส่งเข้ามาในงานโดยเครื่องบินรบ และโรยตัวลงมากลางอากาศเพิ่มเข้ามาอีกคน

เพียงแค่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความคิดที่น่ากลัวขึ้นในสมองของเขา และยิ่งเพิ่มขึ้นๆ โดยไม่อาจหยุดยั้งได้

ทุกคนต่างกำลังเงยหน้าขึ้นไปมอง

ทุกคนรู้สึกตกใจจนกระสับกระส่าย

บรรยากาศในงานเงียบสงัด

ทันใดนั้น

“ฮ่าๆๆ……ฉันรู้อยู่แล้วว่านายยังไม่ตาย !”

ฉินเย่รู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่น มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในตาของเขา และรินไหลออกมาทางหางตา เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง : “พี่ชาย ฉันก็ได้เจอนายแล้ว ในที่สุดฉันก็ได้เจอนายแล้ว ! นายวางใจได้ ผู้หญิงของนาย ฉันช่วยดูแลให้เป็นอย่างดี รอให้นายกลับมาแต่งกับเธอ ฮ่าๆๆ……”

เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

เปรี้ยง !

ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อเทียบกับความตกใจของคนส่วนใหญ่แล้ว คนที่อยู่ใกล้ชิดกับฉินเย่ กลับยิ่งรู้สึกตกใจยิ่งกว่า เหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ

ชั่วขณะหนึ่ง

ท่านหลง กู้ชิงหยิ่ง ฉู่เจียนเจีย คุนหลุน กูหลัง ฟ่านลู่และคนอื่นๆ อีกหลายคน ต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี

เพราะพวกเขารู้ดีว่า

พี่น้องของฉินเย่นั้นมีน้อยมาก

มีน้อยเสียจนมีอยู่แค่เพียงคนเดียว

และคนคนก็นั้นคือ……เฉินตง !

ถ้าหากคนที่อยู่บนท้องฟ้าคือเฉินตง แล้วคนที่อยู่บนเวที……คือใครกัน ?

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ทำไมถึงมีเฉินตงอีกคนหนึ่ง ?”

“สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

“ใครก็ได้บอกฉันที ทำไมถึงได้มีเฉินตงสองคน ?”

……

เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความตกตะลึง ค่อยๆ ดังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เสียงของผู้คนดังขึ้นต่อเนื่องราวกับคลื่น

แม้กระทั่งเหล่าบรรดาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ตอนนี้ก็ยังยากที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้

ยิ่งมีคนเห็นใบหน้าของบุคคลที่อยู่ภายใต้ร่มชูชีพชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความตกใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ราวกับจะสามารถทำให้คลับสี่ยิ่นระเบิดออกได้

บนเวที

“เฉินตง” รู้สึกโกรธจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าของเขาซีดเผือด

ตอนนี้ดูเหมือนจิตใจของเขาจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป

เพราะอะไร ?

ทำไมแผนการที่วางเอาไว้อย่ารอบคอบ สุดท้ายกลับพลิกผันเช่นนี้ได้ ?

สมควรตาย !

สมควรตายจริงๆ !

ชีวิตของฉัน อนาคตของฉัน ฉันยอมเสียสละตระกูลโจวเพื่อแลกกับสิ่งนี้ ฉันไม่มีทางยอมให้แกทำลายทุกอย่างเด็ดขาด

ตอนนี้ดูเหมือนว่า “เฉินตง” จะเริ่มเสียสติ

แต่สติที่ยังพอหลงเหลืออยู่ ทำให้เขาสงบลงได้

ฟึ่บ !

ในที่สุดร่มชูชีพก็ตกลงสู่พื้นดิน

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น คนที่อยู่ภายใต้ร่มชูชีพก็ค่อยๆ เปิดร่มชูชีพขึ้น จากนั้นจึงลุกขึ้นและหันหน้าไปทางเวที

“เฉินตง !”

ตอนนี้ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่ง เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

และทุกคนที่อยู่บนเวทีเอง ต่างก็รู้สึกตกตะลึงไปตามๆ กัน

จู่ๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเฉินเต้าหลิน ก็เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงงในทันที : “มีสองคน ?”

ภาพที่เกิดขึ้นช่างน่าเหลือเชื่อ

และตอนนี้เอง

เฉินตงเหลือบไปมองฉินเย่ที่กำลังหัวเราะเสียงดังอยู่ จากนั้นจึงชูมือขวาขึ้นอย่างมีความสุข และกำหมัดวางลงบริเวณหัวใจของเขา

“ขอบคุณ !”

“ขอบคุณบ้าอะไรกัน ! ฮ่าๆๆ……ฉันรู้ดี ว่าฉันต้องคิดถูกแน่นอน นายต่างหากคือเฉินตง นายต่างหากคือเฉินตงตัวจริง” ฉินเย่โบกมือ รอยยิ้มของเขายิ่งดูสดใสขึ้น : “ถ้านายมาช้ากว่านี้ ฉันคิดว่าตัวเองคงต้องแพ้เดิมพันแล้วจริงๆ ถึงขั้นเตรียมตัวที่จะลงนรกไปพร้อมกับนายแล้วนะ”

เฉินตงรู้สึกตกตะลึง

เขามองดูกลุ่มคนที่ถืออาวุธยืนล้อมฉินเย่เอาไว้อยู่

ถ้ามาสายอีกหน่อยหนึ่ง อาจจะเป็นไปตามอย่างที่ฉินเย่พูดแล้วก็ได้

ทันใดนั้น เฉินตงก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที

การได้มีพี่น้องที่กล้ายืนหยัดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยไม่ห่วงเรื่องความเป็นความตาย ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ !

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วหันหน้ากลับไปมองบนเวที

ใบหน้าที่คุ้นเคยค่อยๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ รู้สึกกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่กู้ชิงหยิ่งที่กำลังอยู่ในท่าทีตื่นตระหนก

เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน : “ยัยโง่ ผมกลับมาแล้ว !”

กู้ชิงหยิ่งตัวสั่นเทา ความตื่นกลัวที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอจางหายไปหมดสิ้น น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลรินออกมา

ชื่อเรียกเฉพาะแบบนี้ !

“เฉินตง” ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเรียกเฉพาะเพียงเพราะก้าวผ่านความเป็นความตายมา

ชื่อเรียกเฉพาะนี้ ยังคงอยู่

เพียงแต่คนที่เรียก เปลี่ยนคนเท่านั้น !

เช่นนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ……

กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ หันหน้าไปมอง “เฉินตง”

ในขณะเดียวกัน พวกของเฉินเต้าหลินเอง ก็ค่อยๆหันไปมองอย่างระมัดระวัง

“เฉินตง” กำลังยืนตัวสั่น เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “ฉันต่างห่างคือเฉินตง แก แกเป็นตัวปลอมที่มาจากไหนกันแน่ ?”

“เหอะ !”

เฉินตงหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “โจวสวน แกต้องกล้าขนาดไหนกัน ถึงได้ปลอมตัวเป็นฉัน ?”

น้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างรุนแรง

ต่างกับ “เฉินตง” ที่อยู่บนเวทีราวฟ้ากับดิน

บรรยากาศเงียบสงัด

ทุกคนได้ยินคำพูดนี้อย่างชัดเจน

ทุกสายตาเป็นประกายและจ้องเขม็งไปที่ “เฉินตง” ที่ยืนอยู่บนเวที

“โอ้โห ความจำของนายนี่เยี่ยมจริงๆ ฉันบอกนายแค่ครั้งเดียว นายก็จำได้แล้ว !” ฉินเย่ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น

ตอนนี้ พี่น้องได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่ต้นนั้นถูกต้อง !

เขาเอาชีวิตเข้าแลกก็ถือว่าคุ้มค่า !

“อ้า !”

ตอนนี้เอง

จู่ๆ โจวสวนที่ยืนอยู่บนเวทีก็ส่งเสียงคำรามออกมา

ในเสี้ยววินาที เขาดึงกริชที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของเขาออกมาทันที แล้วพุ่งเข้าไปหาหลี่หลานซึ่งยืนอยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว

จากนั้นหลี่หลานก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

โจวสวนดึงหลี่หลานเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นจึงใช้มือซ้ายรัดคอของหลี่หลานเอาไว้ ส่วนมือขวาก็ถือกริชจี้ไปที่หน้าอกของหลี่หลาน

“ปล่อยเธอ !”

เฉินเต้าหลินหน้าถอดสี เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

“คุณป้า !”

“แม่ !”

บนเวที กู้ชิงหยิ่งสีหน้าซีดเผือด เธอเกือบจะวิ่งเข้าไปในทันที แต่ถูกกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยารั้งเอาไว้

ส่วนด้านล่างเวที ท่าทีของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบกระโจนขึ้นบนเวทีในทันที

ในขณะเดียวกัน

พวกของคุนหลุน กูหลัง ท่านหลง รวมไปถึงบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่ง ต่างก็กระโจนขึ้นไปบนเวทีแทบจะพร้อมกัน

“ฮ่าๆๆๆ……หมดกัน ทุกอย่างหมดกัน ทำไมแกถึงไม่ตาย ? พวกเขาฆ่าแกตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ?”

โจวสวนตัวสั่น ดวงตาของเขาแดงก่ำและเอล้นไปด้วยน้ำตา ตอนนี้ เขารู้สึกหมดสิ้นทุกอย่างแล้วจริงๆ เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธราวกับคนเสียสติ : “แกสมควรตาย แกทำลายทุกอย่างของฉัน ถ้าฉันไม่ได้ตายดี แกก็อย่าหวังเลยว่าแกจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ถ้าต้องตาย ฉันก็จะลากคนไปตายกับฉันด้วย !”

ฉึบ !

กริชที่อยู่ในมือของเขาแทงเข้าไปที่หัวใจของหลี่หลานอย่างแรง โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เลือดสาดกระเซ็นออกมา !

“แม่……”

เฉินตงกระโดดขึ้นบนเวทีอย่างรวดเร็ว ด้วยความโกรธอย่างสุดขีด ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset