พวงหรีด เป็นของที่ใช้สำหรับไว้ทุกข์ให้กับคนตาย
นี่มันเป็นการทำลายบรรยากาศงานชัดๆ !
ทันใดนั้นเอง
ฉินซวนอารมณ์โกรธเดือดดาล
ตุ๊บ ! เขาโยนกล่องของขวัญลงไปบนพื้น ทำให้พวงหรีดที่อยู่ภายในกล่องโผล่ออกมา
เมื่อเห็นภาพนี้
บรรดาทายาทของตระกูลฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินซวนต่างก็ตกตะลึง
จากนั้นพวกเขาก็อารมณ์โกรธเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน
ส่วนแขกคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ รวมไปถึงบรรดาคนรับใช้ของตระกูลฉิน เมื่อเห็นภาพนี้ ต่างก็หน้าถอดสีทันที
บรรยากาศภายในคฤหาสน์ตึงเครียดขึ้นมาในทันที
มีกลิ่นของดินปืนลอยโขมงอยู่ในอากาศ
“ฉินเย่ แกมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตระกูลฉินของเราไม่ถือสาแก แกยังกล้าทำเรื่องที่หยิ่งผยองเช่นนี้ กล้าสาปแช่งคุณปู่ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเช่นนี้ แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ !”
ฉินซวนตะคอกออกมาด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เฉินตงที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉินเย่ ตอนนี้เขาตงเรียกคนมาตีขาของฉินเย่ให้หักทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้ว
ฉินเย่ยิ้มเยาะออกมา
เฉินตงที่ยืนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ โน้มตัวลง แล้วเก็บพวงหรีดขึ้นมาใส่เอาไว้ในกล่องตามเดิม
“ของขวัญชิ้นนี้ เป็นของที่ฉันเลือกให้คุณท่านใหญ่ด้วยตัวเอง คุณชายซวนจะกล้าไล่แม้กระทั่งฉันเลยหรือ ?”
เฉินตงแสยะยิ้ม จากนั้นจึงส่งกล่องของขวัญไปให้ฉินซวนใหม่อีกครั้ง ด้วยแววตาที่ดุดัน
อะไร ? !
พวกของฉินซวนต่างตกตะลึงไปพร้อมกัน
ฉินซวนกัดฟันเพื่อระงับความโกรธ : “คุณชายเฉิน คุณเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ตระกูลฉินของพวกเราให้เกียรติคุณ ในงานแต่งงานของคุณ ผมและคุณปู่เองก็ไม่ร่วมแสดงความยินดี วันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของคุณปู่ แล้วคุณส่งของขวัญตอบแทนกลับมาเช่นนี้หรือ ?”
ถึงแม้จะพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ แต่ก็ยังมีความเย็นชาเผยให้เห็นอยู่ในน้ำเสียง
“นายยังไม่เข้าใจอีกหรือ ?”
เฉินตงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง : “ถ้าเช่นนั้นลองไปถามปู่ของนายดู ! วันนี้ ประตูใหญ่ของตระกูลฉิน ถ้านายให้พวกเราเข้า พวกเราก็จะเข้า แต่ถ้าไม่ให้เข้า พวกเราก็จะบุกเข้าไป !”
เป็นน้ำเสียงที่ดังก้องและทรงพลัง
ในขณะที่กำลังพูดประโยคนี้อยู่ เฉินตงก็กำลังเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในคฤหาสน์
ฉินซวนรู้สึกอึดอัดและคิดที่จะเข้าขัดขวางในทันที
แต่คุนหลุนกับฉินเย่ก็เดินเข้ามาพร้อมกัน
รูปร่างกำยำสูงใหญ่ของคุนหลุนทำให้ฉินซวนชะงักในทันที
ฉินเย่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “นายอยากโวยวายให้ทุกคนรู้ จะได้ทำลายงานวันเกิดหรือยังไง ?”
ฉินซวนหน้าถอดสีทันที เขาทำเสียงฟึดฟัดออกมา
จากนั้นจึงพาบรรดาทายาทของตระกูลฉิน เดินเข้าคฤหาสน์ไป
“ไอ้พวกไม่มีสมอง”
ฉินเย่หัวเราะเยาะออกมา
เฉินตงยิ้ม จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินนำทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“พี่เย่ !”
ฉินเย่ตัวสั่น และหันหลังกลับไปทันที
เฉินตง คุนหลุนและเฉินไคเองก็หยุดเดินด้วย จากนั้นจึงหันหน้ากลับไปมอง
เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง สวมชุดกระโปรงสีขาว กำลังวิ่งกระโจนเข้ามาทางด้านนี้
จากนั้นก็วิ่งเข้าไปกอดฉินเย่ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “พี่เย่ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“เสี่ยวเชียนรีบลงมาเร็วเข้า โตจนป่านนี้แล้ว หนักจะตายอยู่แล้ว” ฉินเย่แสร้งพูดหยอก
ฉินเสี่ยวเชียนมุ่ยปาก กลับลงมายืนอยู่ที่พื้น แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า : “พี่ต่างหากที่หนัก ช่วงนี้ฉันลดน้ำหนักแล้ว ไม่หนักเลยสักนิด”
“เชอะ……”
ฉินเย่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย จากนั้นจึงจูงฉินเสี่ยวเชียนเข้าไปหาเฉินตง : “เสี่ยวเชียน พี่จะแนะนำให้เธอรู้จัก นี่คือเฉินตง เป็นสหายของพี่”
จากนั้นจึงหันไปพูดกับเฉินตงว่า : “นี่คือน้องสาวผม ฉินเสี่ยวเชียน”
เฉินตงเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นในแววตา
เขายิ้มแล้วจับมือทักทายกับฉินเสี่ยวเชียน
“เสี่ยวเชียนเป็นคนอัธยาศัยดีมาก เธอจับมือกับเขาแล้วเรียกเขาว่าพี่ตง”
“เธอก็มาอวยพรวันเกิดให้ไอ้แก่นี่ด้วยหรือ ?” ฉินเย่กระซิบถาม หลังจากเอ่ยแนะนำเสร็จ
“อืม แต่พอให้ของขวัญเสร็จแล้วฉันก็จะไปทันที” รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเสี่ยวเชียนจางหายไปในทันที กลับกลายเป็นความอ้างว้างเข้ามาแทนที่
ฉินเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย : “นี่มันก็สองปีมาแล้ว กฎที่ไอ้แก่นั่นใช้กับเธอยังไม่เปลี่ยนอีกหรือ ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นก็เป็นความผิดของฉันเองไม่ใช่หรือ ?”
ฉิยเสี่ยวเชียนยักไหล่ จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส แล้วพูดออกมา แต่ในแววตาของเธอกลับอัดแน่นไปด้วยความคับข้องใจและสูญเสีย จนใครๆ ก็มองออก
ฉินเย่มีท่าทีเคร่งขรึม เขาจับมือของฉินเสี่ยวเชียนขึ้นมา : “วันนี้ พี่เย่อยู่ พี่จะให้เฮอยู่ที่นี่จนกว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดจะสิ้นสุดลง ไม่มีใครกล้าไล่เธอไปแน่นอน !”
“พี่เย่……” ใบหน้าอันงดงามของฉินเสี่ยวเชียนดูตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย “นี่ นี่มันคงไม่ดีมั้งคะ ถ้าหาก…….”
“ไม่มีถ้าหากอะไรทั้งนั้น ในตระกูลฉิน ฉันมีเธอเป็นน้องสาวเพียงแค่คนเดียว
ท่าทางของฉินเย่ดุดัน แววตาของเขาแน่วแน่ : “หลังจากครอบครัวของพี่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็ไม่มีส่วนร่วมในทุกอย่างของตระกูลฉินอีก แต่เรื่องของเธอมันก็ผ่านมาสองปีเต็มๆ แล้ว ตระกูลฉินยังทำกับเธอเช่นนี้ ในเมื่อพี่มาแล้ว ก็จะต้องปกป้องเธอให้ได้ !”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ทำให้เฉินตงและคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ
แต่ไหนแต่ไรมา ฉินเย่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนขวางโลก และไม่มีเยื่อใยหลงเหลือให้กับตระกูลฉินอีก
แต่ตอนนี้กลับมีน้องสาวคนนี้โผล่ออกมา
อีกทั้งยังทำให้ฉินเย่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้อีกด้วย !
“เอ่อ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?” เฉินตงถามด้วยความอยากรู้
ฉินเย่เดินจูงมือฉินเสี่ยวเชียนเข้าไปด้านในพลาง ก็หันไปอธิบายให้เฉินตงฟังพลาง
เดิมที ฉินเสี่ยวเชียนเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น ขณะที่เธอเพิ่งจะอายุครบ 18 ปี เธอก็เรียนมหาวิทยาลัยไปพลาง ก่อตั้งบริษัทของตัวเองไปพลาง เธอทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้เธอมีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นไปยืนอยู่ชั้นแนวหน้าของซีสู่
ความสามารถเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้เธอกลายเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมในบรรดาหัวกะทิของตระกูลฉิน
แต่สองปีก่อน ฉินเสี่ยวเชียนมีความรัก อาจเพราะนี่คือรักแรกของเธอ หรืออาจเป็นเพราะความคึกคะนองของหนุ่มสาว ไม่ช้าเธอก็ตัดสินใจแต่งงานทันที
แต่ว่า เป็นเพราะฐานะทางบ้านของฝ่ายชายนั้นลำบากมาก อีกทั้งตระกูลฉินเอง ก็ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงในตระกูลฉิน แต่งงานกับคนที่มีฐานะต้อยต่ำกว่า เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ดังนั้นจึงบังคับให้ฝ่ายชายแต่งเข้ามาเป็นลูกเขยในตระกูล
เพียงแต่ ไม่นาน ฝ่ายชายก็ทนรับความกดดันและความน้อยเนื้อต่ำใจจากการเป็นเขยที่แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลไม่ได้ จึงได้หย่าร้างกับฉินเสี่ยวเชียนอย่างรวดเร็ว
ชีวิตแต่งงานจบลงภายในระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน !
ฉินเสี่ยวเชียนยังไม่ทันได้ก้าวออกมาจากความทุกข์ในชีวิตแต่งงาน ตระกูลฉินก็รู้สึกว่าการหย่าร้างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เพื่อสิ่งที่เรียกว่าหน้าตาของตระกูลฉิน พวกเขาไม่เพียงแต่แย่งบริษัทของฉินเสี่ยวเชียน ยังทำเหมือนเธอเป็นคนนนอกอีกด้วย เวลาที่ตระกูลจัดงานต่างๆ เธอสามารถมาได้ แต่จะอยู่ร่วมภายในงานไม่ได้ !
เดิมทีฉินเสี่ยวเชียนเองก็ไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลฉิน จึงได้รับทรัพย์สินน้อยมาก บริษัทที่เธอก่อตั้งขึ้นก็อาศัยความสามารถของตนเองแทบทั้งสิ้น และเป็นเพราะอาศัยความสามารถนี้ ทำให้ถูกคนในตระกูลฉินเขม่นเข้า ส่วนเรื่องของการหย่าร้าง ก็ทำให้ทุกอย่างของฉินเสี่ยวเชียนต้องจบลง
การอธิบายคร่าวๆ ทำให้เฉินตงเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
นี่มันเหมือนกับสิ่งที่ฉินเย่ต้องเผชิญไม่ใช่หรือ ?
เหตุการณ์เกิดขึ้นในลักษณะแบบเดียวกัน หากฉินเย่ไม่รู้สึกโกรธก็คงจะแปลกแล้ว
แต่ทว่า เฉินตงกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ
เพื่อสิ่งที่เรียกว่าหน้าตาของตระกูลแล้ว ตระกูลฉินได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันต์จริงๆ
ฉินเสี่ยวเชียนในวัย 18 ปี สามารถก่อตั้งบริษัทของตนเองขึ้นมาได้ ถึงขั้นสามารถขึ้นไปยืนอยู่ในชั้นแนวหน้าของเมืองได้ ความสามารถเช่นนี้ ควรได้รับการส่งเสริม เพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลฉินในอนาคต ก็คงไม่มากเกินไปด้วยซ้ำ
แต่ตระกูลฉินกลับไม่สนใจความสามารถนั้น กลับคิดแต่เพียงเรื่องของการรักษาหน้าตาเอาไว้
หน้าตาของคนรวย สำคัญขนาดนั้นจริงหรือ ?
เฉินตงเองก็สังเกตเห็นได้ว่า ขณะที่ฉินเย่บรรยายเรื่องนี้ให้ฟังอยู่นั้น ฉินเสี่ยวเชียนก็มีท่าทีที่ดูหดหู่อย่างมาก แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความโกรธแค้น
แสดงให้เห็นว่า ในใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ปล่อยวางและไม่สนใจอย่างที่ปากของเธอพูด
“พี่ตง เรื่องนี้พี่ห้ามยื่นมาเข้ามายุ่งเด็ดขาด วันนี้เสี่ยวเชียนจะคอยอยู่ติดตามพวกเรา !”
ฉินเย่แสดงความดื้อรั้นออกมา : “ฉันเองก็อยากจะรู้ว่า พวกไร้สมองของตระกูลฉิน วันนี้ใครจะกล้าไล่น้องเสี่ยวเชียนของฉันออกไป”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน จากนั้นจึงตบไหล่ของฉินเสี่ยวเชียน
“ไปกันเถอะ มีพวกเราอยู่ วันนี้ต่อให้เป็นคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ก็ไม่กล้าไล่เธอออกไปแน่ !”