บรรยากาศภายในห้องโถงด้านหน้าของตระกูลฉินเงียบสงัด
สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังกลุ่มคนที่เดินจากไปอย่างหวาดกลัว
ไม่มีใครกล้าขวาง !
ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่า วันนี้ตระกูลฉินแพ้อย่างราบคาบแล้ว
เป็นการกดหัวของตระกูลฉินจนจบดินอย่างเรียบง่ายและหยาบคาย
ภาพที่ปรากฏขึ้นในวันนี้ หากถูกเผยแพร่ออกไป จะต้องเกิดการระส่ำระสายขึ้นในซีสู่อย่างแน่นอน
แม้กระทั่งแขกที่มาร่วมงานที่เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเอง ก็ยังรู้สึกตกใจราวกับว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝัน ไม่ใช่ความจริง
ตระกูลฉินแห่งซีสู่ ถูกคนอื่นเหยียบย่ำจนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ?
สมาชิกของตระกูลฉินทุกคนต่างรู้สึกอับอาย พวกเขากัดฟันแน่น แววตาเต็มไปด้วยความมืดหม่น แต่ละคนดูราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธเกรี้ยว
บนพื้น ฉินซวนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เสียงดังสนั่น
ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินดูมืดหม่น เขากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ
มือทั้งสองข้างที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อที่ยาวของเขากำหมัดแน่น จนเส้นเลือดปูดโปนออกมา
ร่างกายของเขาค่อยๆ สั่นเทา
แม้กระทั่งฉินเห้อเหนียนเอง ตอนนี้ก็แทบจะไม่กล้าหายใจ
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ตอนนี้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด
ทันใดนั้น
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็เดินโซเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ลำคอของเขาขยับ มีเสียงครางอู้อี้อยู่ในปากของเขา
หลังจากนั้น เลือดสีแดงสดก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากปากของเขา
“พ่อครับ !”
“คุณปู่ !”
สมาชิกทุกคนในตระกูลฉินต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
แขกที่มาร่วมงานเองต่างก็อุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ
“เห้อเหนียน ประคองพ่อกลับห้องโถงด้านหลัง ส่วนคนอื่นๆ ในตระกูลฉินที่เหลือ อยู่ต้อนรับแขกและทำให้งานเลี้ยงดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ฉินเห้อเหนียนรีบประคองคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกลับไปที่โถงด้านหลัง
ตลอดทาง บรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างหลีกทางให้ด้วยความตื่นตระหนก
ภายใต้งานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน และภายใต้ความโกรธแค้นที่คุกรุ่น ทำให้กระอักเลือดสีแดงสดออกมา
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่มีตระกูลมั่งคั่งตระกูลไหนคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ
ท้องฟ้าของเมืองซีสู่……กำลังจะเปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นหรือ ?
จิตใจที่แข็งแกร่งเริ่มที่จะหวั่นไหวไปชั่วขณะหนึ่ง
ฉินเห้อเหนียนประคองคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกลับโถงด้านหลังไป
ตอนนี้ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินซีดเผือด ดูราวกับว่าเขาดูแก่ลงไปหลายสิบปีในทันที
แต่ความโกรธแค้นที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขายังคงเห็นได้อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เขาพยายามข่มอารมณ์จนถึงที่สุดแล้ว
หลังจากนั่งลงแล้ว คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็กำมือแน่น จนส่งเสียง “กรวบกราบ” ออกมา ถึงขั้นได้ยินเสียงฟันของเขาที่กำลังขบเคี้ยวกันอยู่
“พ่อครับ เรื่องนี้ผมว่าเราควรแจ้งให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินทราบนะครับ หากมีเธอคอยหนุนหลังน่าจะดีกว่า”
สีหน้าของฉินเห้อเหนียนเคร่งเครียด ถึงแม้ความสามารถของเขาจะมีไม่มากนัก แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลา : “เฉินตงกล่าวว่าที่เขามาก็เพื่อแก้แค้นให้กับแม่ จึงมาลงดาบกับตระกูลฉิน แต่เรื่องนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างตระกูลฉินกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ดังนั้นคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจึงควรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบด้วย”
“เหอะๆ แกนี่มันฉลาดจริงๆ”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินแสยะยิ้มออกมา : “เมื่อรู้ดีว่าไม่อาจลงโทษคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ จึงมาลงที่ตระกูลฉินของพวกเรา เขาคงคิดว่าตระกูลฉินของเราสามารถรังแกได้ง่ายๆ ?”
“วันนี้เขาก่อเรื่องวุ่นวาย ทำให้ตระกูลฉินของเราต้องอับอายขายหน้า ถ้าหากไม่ฆ่าเฉินตง ต่อไปตระกูลฉินของพวกเรา จะมีหน้าอยู่ต่อในซีสู่ได้อย่างไร หากแม้แต่ลูกหมาลูกแมวตัวเล็กๆ ก็กล้ามาดูถูกตระกูลฉินของเราได้” ฉินเห้อเหนียนกัดฟัน
“เฉินตงตัวเล็กๆ ก็เป็นแค่สัตว์ป่าธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง คิดว่าตัวเองเป็นลูกชายของเฉินเต้าหลิน จึงอยู่เหนือกฎหมายอย่างนั้นหรือ ?”
ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเต็มไปด้วยความดูถูก แววตาของเขาแฝงไปด้วยความอำมหิต : “ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะว่าฉันควบคุมสถานการณ์เอาไว้ ตอนนี้เขาคงจะตายอยู่ในบ้าน มดตัวเล็กๆ ที่พยายามสั่นคลอนภูเขาทั้งสองลูกอย่างตระกูลฉินและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ช่างไม่รู้จักประมาณตนเสียจริงๆ !”
จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง
ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินค่อยๆ กลับมาเป็นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง ลมหายใจของเขาก็เริ่มสงบลงอย่างมาก
เมื่อครู่ตอนที่ทุกคนอยู่ที่นั่น เขาพยายามกลั้นหายใจเอาไว้ ไม่ใช่เพราะกลัวเฉินตง ด้วยความสามารถของเฉินตงในตอนนี้ เมื่อเทียบกับตระกูลฉินแล้ว ถือว่าตระกูลฉินยังคงเป็นเหมือนกับภูเขาที่ไม่อาจสั่นคลอนได้
ทุกสิ่งที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินทำ ก็เพื่อไม่ให้มีผลกระทบที่รุนแรง
ถ้าหากตระกูลฉินลงมือฆ่าลูกชายของเฉินเต้าหลินต่อหน้าทุกคนจริง เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็เพียงพอที่จะให้เฉินเต้าหลินใช้เป็นเหตุผลในการจัดการกับตระกูลฉินอย่างถึงที่สุดได้แล้ว
ถ้าหากแอบใช้วิธีลอบทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฉินหรือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ก็เพียงพอที่จะบดขยี้มดตัวเล็กๆ ตัวนี้ได้
หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มปอด คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็แสยะยิ้มออกมา : “เห้อเหนียน แกพูดถูก เรื่องนี้ควรจะให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเป็นคนออกหน้า ในตระกูลมีบุตรชายที่อกตัญญูเช่นนี้ ถ้าหากเธอ ในฐานะที่เป็นคุณหญิงใหญ่ยังคงเพิกเฉย เช่นนั้นการที่จะร่วมมือกับตระกูลฉินก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”
“ผมจะติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเดี๋ยวนี้” ฉินเห้อเหนียนแสยะยิ้ม
“เฉินตง แกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้ามาทำลายหน้าตาของตระกูลฉินเราอย่างนั้นหรือ ? เช่นนั้นฉันจะให้แกได้เห็นว่า ภายใต้ท้องฟ้าที่กลับตาลปัตอยู่นี้ สำหรับแกแล้วมันน่ากลัวขนาดไหนกัน !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกัดฟันแน่น เจตนาฆ่าของเขารุนแรงอย่างมาก : “ถ้าฉันกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการฆ่าแก แม้แต่เฉินเต้าหลินพ่อของแก ก็ทำได้แค่ยืนมองตาปริบๆ เท่านั้น !”
หลังจากพูดจบ บรรยากาศภายในห้องก็เย็นเยือกราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็งทันที
……
ออกจากตระกูลฉิน
พวกของเฉินตงก็เดินทางกลับเข้าไปในเมือง
“พี่ตง ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะเข้มแข็งขนาดนี้”
ฉินเย่พูดด้วยความตื่นเต้น : “ฉันคิดว่านายจะแค่ต่อปากต่อคำกับตระกูลฉินเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะจู่โจมโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้”
เฉินตงลูบจมูก : “พวงหรีดก็ส่งไปแล้ว นายคิดว่าตระกูลฉินจะมาต่อล้อต่อเถียงกับนายอยู่อีกหรือ ?”
ฉินเย่กลอกตาแล้วยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “คิดว่าในตอนนั้นไอ้แก่นั่นคงจะอยากกัดนายให้ตายไปเสีย”
“แต่ว่า……”
จู่ๆ เสียงที่ฟังดูหวาดกลัวก็ดังขึ้น
เป็นฉินเสี่ยวเชียน
หลังจากออกมาจากตระกูลฉิน ฉินเสี่ยวเชียนก็ตกอยู่ในสภาพที่งุนงงและสับสน
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ เรื่องทั้งหมดจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายในตอนนั้น ทำให้เธอรู้สึกตกใจจนหน้าถอดสี สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถึงแม้ตอนนี้จะสงบลงแล้ว แต่เธอก็ยังคงรู้สึกประหม่า
เฉินตง ฉินเย่และคุนหลุน ค่อยๆ หันไปมองฉินเสี่ยวเชียน
ฉินเสี่ยวเชียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เอกลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก แล้วพูดออกมาว่า : “แต่เมื่อครู่คุณปู่ก็รินเหล้าให้พี่ตงแล้วไม่ใช่หรือ ?”
หลังจากได้ยิน
เฉินตงก็หัวเราะออกมาทันที
ฉินเย่และคุนหลุนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา
เสียงหัวเราะของทั้งสามคน ทำให้ฉินเสี่ยวเชียนรู้สึกงุนงงยิ่งขึ้น
ฉินเย่เอ่ยปากพูดว่า : “เสี่ยวเชียน เธอยังอ่อนหัดนัก ความสามารถมีเพียงพอแล้ว แต่กลอุบายนั้นยังมีไม่มากพอ เธอคิดจริงๆ หรือว่าเมื่อครู่ไอ้แก่นั่นคิดที่จะต้อนรับเราอย่างมีมารยาทจริงๆ ?”
ฉินเสี่ยวเชียนพยักหน้าอย่างงุนงง
“ไอ้แก่นั่นจะใจดีขนาดนั้นเลยเชียวหรือ เขาก็แค่เห็นผู้มีเกียรติร่วมอยู่ในงานเป็นจำนวนมาก จึงไม่อยากจะทำให้เรื่องราวบานปลายจนต้องกระทบต่อส่วนรวม”
ฉินเย่กล่าวอธิบาย : “ถ้าไม่มีคนนอกจำนวนมากขนาดนั้นอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วยแล้วล่ะก็ คิดว่าไอ้แก่นั่นคงจะใช้วิธีปิดประตูตีแมวไปแล้ว ที่ที่กินเลือดกินเนื้อคนอย่างตระกูลฉิน เธอคิดว่าทายาทนอกสมรสอย่างพวกเรา จะมีฐานะสูงส่งในตระกูลฉินได้แค่ไหนกัน ?”
ฉินเสี่ยวเชียนกะพริบตาอย่างครุ่นคิด
จากนั้น ฉินเย่ก็ถอนหายใจออกมา เขาลูบหัวของฉินเสี่ยวเชียนด้วยความสงสาร
“เด็กคนนี้ อายุ 18 ก็ก่อตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง ต่อสู้ดิ้นรนขยายบริษัทจนใหญ่โต แต่อย่างไรเสียประสบการณ์ของเธอก็ยังถือว่าน้อยนัก ตระกูลฉินพูดดีด้วยแค่สองสามประโยค เธอก็คิดว่าพวกเขาเป็นคนดีแล้วอย่างนั้นหรือ ? แผนการชั่วร้ายของพวกเขา อย่าว่าแต่เธอเลย แม้กระทั่งตอนที่ฉันอายุเท่าเธอก็ยังเอาไม่ออก”
ฉินเสี่ยวเชียนเลิกคิ้ว แล้วหันมองฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ : “พี่เย่ สิ่งที่พี่พูด มีความหมายอย่างอื่นหรือเปล่า ?”
แม้แต่เฉินตงและคุนหลุน ก็ยังมองไปที่ฉินเสี่ยวเชียนด้วยความสงสัย
ฉินเย่ผงะไป จากนั้นจึงหัวเราะเสียงดังออกมา : “เปล่านี่ มีอะไรที่ไหนกัน ?”
เมื่อเห็นฉินเสี่ยวเชียนยังคงจ้องมองตนเองอยู่ ฉินเย่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็คอยติดตามพี่กับพี่ตงเถอะ อย่างไรเสียพี่ก็ลงหลักปักฐานกับพี่ตงแล้ว เปิดบริษัทการเงินขึ้นมาแห่งหนึ่ง ต่อไปเธอก็มาดูแลบริษัทกับพี่ !”
ฉินเสี่ยวเชียนไม่ได้รับปากในทันที แต่กลับยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาครุ่นคิด
ภาพนี้ทำให้ฉินเย่ต้องยิ้มค้าง
เฉินตงลูบจมูก เขาเหลือบมองสองพี่น้องด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
ฉินเย่มีอะไรบางอย่างที่ปิดบังฉินเสี่ยวเชียนอยู่แน่นอน