Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 277 ถือดาบสามฟุตจากไป

เปรี้ยง !

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินรู้สึกตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า

หลังจากที่อีกฝ่ายวางสาย เสียงในโทรศัพท์ก็เงียบสนิท

แต่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินไม่ได้วางโทรศัพท์ลง เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับรูปปั้น

“พ่อครับ……”

ฉินเห้อเหนียนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

ตุ๊บ……

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตัวสั่นเทา โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงไปบนโต๊ะ

ทันใดนั้น ดวงตาที่แดงก่ำก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาทันที

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ริมฝีปากสั่นเทา และตัวของเขาก็ค่อยๆ ทรุดลงไปที่พื้น

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังออกมาจากปากของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน

ภาพนี้ทำให้ฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกใจจนหน้าถอดสี

“พ่อครับ พ่อพูดอะไรหน่อสิครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พ่ออย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้สิครับ !”

ตั้งแต่ฉินเห้อเหนียนจำความได้ ภาพลักษณ์ของพ่อในสายตาของเขานั้นดูสง่างามและมั่นคงมาโดยตลอด ไม่เคยดูเหมือน “เด็ก” อย่างเช่นตอนนี้มาก่อน“

เจ้าบ้านตระกูลฉินผู้สูงส่ง ถ้าปล่อยให้คนนอกมาเห็นท่าทางที่เขาร้องห่มร้องไห้ดูราวกับเด็กเช่นนี้ คงจะทำให้ซึสู่ต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

“ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้ ! ให้ฉันอยู่คนเดียวเงียบๆ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหันมองฉินเห้อเหนียนด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา จากนั้นจึงตะโกนออกมาเสียงดัง

ฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกใจจนไม่กล้าเอ่ยถามอะไรต่อ เขารีบออกไปอย่างลุกลี้ลุกลนทันที

ตุ้บ !

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ภายใต้แสงไฟสลัว น้ำตาของเขาไหลรินออกมาเป็นสาย และตัวของเขาก็สั่นเทา

หลังจากปิดประตูแล้ว

ฉินเห้อเหนียนยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขาเดินออกไปด้านนอกด้วยความงุนงง

ทันทีที่เขาเดินออกมาถึงลานเล็ก บรรดาพี่น้องต่างก็กรูกันเข้ามาหาเขา

“พี่ใหญ่ ตกลงว่าพ่อตัดสินใจหรือยัง ?”

“เส้นตายมาถึงแล้ว คิดจะจัดการอย่างไรกับเฉินตง คงจะได้ข้อสรุปแล้วใช่ไหม ?”

“หลายวันมานี้ในตระกูลเกิดเรื่องวุ่นวาย ทุกคนในบ้านล้วนกังวลใจ หากให้ฉันเสนอ พวกเราก็จัดการเฉินตงเสียให้สิ้นซาก จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข !”

……

เสียงของพี่น้องที่ยืนอยู่รอบข้างดังก้อนในหู

ฉินเห้อเหนียนที่รู้สึกกังวลใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกราวกับว่ามียุงนับไม่ถ้วนมาบินวนเวียนอยู่ข้างหู

“หุบปากให้หมดเดี๋ยวนี้ !”

เขาตะโกนออกมาด้วยความโมโห ทำให้ทุกคนเงียบลงในทันที

ฉินเห้อเหนียนสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง เขากำลังกัดฟันกรอด พร้อมทั้งมีสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก

“ทุกคนให้รออยู่นอกลาน รอฟังการตัดสินใจของคุณพ่อ !”

เขาในตอนนี้ รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ในหัวของเขาเอาแต่ปรากฏภาพของพ่อที่กำลังสิ้นหวังและร้องไห้ออกมาอยู่ตลอดเวลา

สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกหวาดกลัวและประหม่า

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกมั่นใจ

นั่นก็คือ……ตระกูลฉิน……ถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินทอดทิ้งแล้ว !

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินละทิ้งพันธมิตรในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ !

“หญิงชราผู้นี้ ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ !” ฉินเห้อเหนียนกัดฟันและกร่นด่าออกมา

แต่นี่กลับยิ่งทำให้บรรดาพี่น้องที่อยู่ข้างๆ รู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

เวลาค่อยๆ ผ่านไป

บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบายราวกับสายน้ำ

มีลมเย็นพัดโชยมา

ลมเย็นที่พัดมานี้ ยิ่งทำให้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่อยู่ด้านนอกลาน ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าสายลมในคืนนี้ ช่างเหน็บหนาวจนเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูกเสียจริงๆ

แอ๊ด……

ในที่สุด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

“พ่อออกมาแล้ว !”

แววตาของฉินเห้อเหนียนเป็นประกาย เขารีบเดินตรงเข้าไปในลานทันที

ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ก็รีบเดินตามไปติดๆ

ภายใต้แสงจันทร์

แสงสลัวๆ ทำให้เงาของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินที่กำลังเดินออกมาทอดยาวออกไป

เมื่อพวกของฉินเห้อเหนียนได้เห็นหน้าคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ก็หยุดเดินอย่างกะทันหันในทันที และรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ผมของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินขาวโพลน ราวกับว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เขาแก่ลงไปสิบกว่าปี เขาดูซีดเซียวและอ้างว้าง

อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน มีเพียงแค่ผมหงอกแซมอยู่บ้าง

“เหอะ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินมองดูบรรดาลูกชาย แล้วหัวเราะออกมาอย่างอ้างว้างและขมขื่น

ในดวงตาบวมเป่งและแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

เขาพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า : “เห้อเหนียน ไปเอาดาบสามฟุตที่พ่อใช้ฝึกทุกวันตอนเช้ามา”

เปรี้ยง !

พวกของฉินเห้อเหนียนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ต่างก็หน้าถอดสีทันที

บนใบหน้าของฉินเห้อเหนียนปรากฏรอยยิ้มที่ดูอ้างว้างและขมขื่นเช่นเดียวกับของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินออกมา

ส่วนคนที่เหลือ ก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้นมา

“พ่อครับ นี่พ่อกำลังจะ……”

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนก

เป็นเพราะ ในงานเลี้ยงวันนั้น เฉินตงพูดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือดาบยาวสามฟุตไปขอโทษเขาที่หน้าประตู

ถ้าหากตัดสินใจจะลงมือกับเฉินตงจริง จะทำเพียงแค่ถือดาบสามฟุตไปง่ายๆ อย่างนี้หรือ ?

“ไปสิ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตะคอกออกมา

“พี่ใหญ่ อย่าไปนะ ตระกูลฉินของเราไม่เคยยอมก้มหัวง่ายๆ เช่นนี้มาก่อน !”

“ถูกต้อง ! อย่างมากก็แค่ตายพร้อมกัน หากปล่อยให้พ่อถือดาบสามฟุตไปขอโทษถึงหน้าประตูเช่นนี้ แล้วตระกูลฉินของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?”

“พ่อครับ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ตระกูลฉินของพวกเราเป็นถึงตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ ต่อให้เฉินตงจะเป็นลูกชายของเฉินเต้าหลิน แต่พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวเขา ?”

ทุกคนค่อยๆ ตะโกนออกมาด้วยความโมโห

ตระกูลฉิน ไม่ต้องพูดถึงตอนหลังจากที่ได้รับตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ แม้กระทั่งตอนที่เริ่มก่อตั้งตระกูลขึ้นมาใหม่ๆ ก็ไม่เคยต้องรู้สึกตกต่ำถึงเพียงนี้

ศักดิ์ศรีและหน้าตาของวงศ์ตระกูล ทำให้พวกเขาไม่อาจทำเช่นนี้ได้ !

ถ้าหากต้องถือดาบสามฟุตไปขอโทษถึงหน้าประตูจริง ก็ควรที่จะเป็นคนอื่นมาขอโทษพวกเขาที่ตระกูลถึงจะถูก

“หุบปากให้หมด ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ทำตัวเหมือนขยะที่ดีแต่เห่าไปวันๆ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกระทืบเท้าด้วยความโมโห ทำให้บรรยากาศภายในลานกลับมาสงบอีกครั้ง

ฉินเห้อเหนียนหันหลังเดินจากไป ไม่ช้าเขาก็กลับมาที่ลานอีกครั้ง อีกทั้งในมือของเขาก็มีดาบติดมาด้วยอีกหนึ่งเล่ม

นี่คือดาบที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินใช้ฝึกฝนร่างกายในทุกๆ เช้า

ไม่เหมือนกับดาบที่ใช้ฝึกฝนร่างกายทั่วๆ ไป ดาบเล่มนี้คมกว่าปกติ สามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดโคลน

“พ่อครับ ตัดสินใจดีแล้วหรือครับ ?”

ฉินเห้อเหนียนรู้สึกลังเล เขาเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างจากบรรดาพี่น้องคนอื่นๆ ?

แต่เมื่อเขาได้ประสบกับความทุกข์ทรมานมาตลอดสามวันด้วยตัวของเขาเอง และยิ่งรับรู้ถึงท่าทีของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ทำให้เขาต้องทนกัดฟัน ข่มความเย่อหยิ่งที่เขามีเช่นเดียวกับที่น้องชายของเขาเอาไว้

“แกไปกับพ่อ”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินพูดขึ้นช้าๆ

เขาค่อยๆ กวาดแววตาขุ่นมัวของเขาไปที่ทุกคน

และถอนหายใจออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา : “พ่อไปครั้งนี้ ภูเขาช่างสูงชันและหนทางช่างห่างไกลนัก ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี”

เปรี้ยง !

คำพูดประโยคนี้ช่างฟังดูน่ากลัว

ทำให้บรรดาทายาทรุ่นที่สองของตระกูลฉิน รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ทุกคนต่างรู้สึกตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

“เห้อเหนียน ในฐานะที่แกเป็นพี่ใหญ่ จงจำสิ่งที่พ่อเคยสั่งแกเอาไว้ก่อนหน้านี้”

“รู้แล้วครับพ่อ” ฉินเห้อเหนียนก้มหน้าก้มตาด้วยความหดหู่

ทุกคนคอยส่งพวกเขาจากไป

สองพ่อลูกอาศัยความมืดมิดยามค่ำคืน ขับรถออกไปจากตระกูลฉิน โดยไม่รบกวนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้าน

ในเวลาเดียวกันนี้

ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลในซีสู่ก็กำลังเคลื่อนไหว

“คุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน พาลูกชายคนโตฉินเห้อเหนียนออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน !”

“ให้ตายเถอะ ตระกูลฉินต้องล้มลงต่อหน้าเฉินตงจริงๆ หรือ ?”

“ถือดาบสามฟุตออกจากตระกูลดั่งเช่นที่พูดเอาไว้ในงานวันนั้นจริงๆ ? นี่คือตระกูลฉินแห่งซีสู่ที่ฉันรู้จักจริงๆ หรือนี่ ?”

……

ข่าวสารค่อยๆ ทยอยวางลงบนโต๊ะทำงานของเจ้าบ้านตระกูลใหญ่แต่ละตระกูล ราวกับฝนห่าใหญ่ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ทุกคนต่างกำลังรู้สึกตื่นตกใจ

หลังจากที่ตระกูลจูเก่อรู้เรื่องที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินพาฉินเห้อเหนียนออกจากคฤหาสน์แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก

“ชิงเอ๋อ ประกาศออกไป ให้ตระกูลจูเก่อเตรียมการ หลังจากฟ้าสาง ตระกูลจูเก่อจะขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองซีสู่ !”

เมื่อได้เห็นชายชราที่ผมขาวและใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้จูเก่อชิงเองก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นดีใจออกมา

เขารีบคารวะ : “รับทราบครับ คุณปู่”

“ฮ่าๆๆ……ตระกูลฉินที่ครอบงำซีสู่มาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ต้องล้มเหลวลงจนได้” ชายชราผมขาวเงยหน้าแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “ตระกูลจูเก่อของพวกเรา หากไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในซีสู่ คงถือเป็นการผิดต่อบรรพชนอย่างใหญ่หลวง คงต้องรู้สึกละอายที่ตั้งรกรากในเมืองซีสู่มานานขนาดนี้ ?”

คืนนี้

ซีสู่ เกิดการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินขึ้นจริงๆ……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset