Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 278 ฆ่าตัวตาย

คฤหาสน์สู่ซาน

แสงไฟสว่างไสวงดงาม

ในฐานะที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จึงสามารถจัดแสดงนิทรรศการศิลปะชั้นนำของซีสู่ได้ทั้งหมด

ถึงแม้จะเป็นแสงสว่างในตอนกลางคืน ก็ยังคงงดงามชวนฝัน

ที่หน้าระเบียง

เฉินตง ฉินเย่ และคุนหลุน นั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะกลมตัวเล็กๆ พวกเขานั่งรับสายลมยามค่ำคืนพร้อมกับมองดูทิวทัศน์และบรรยากาศในช่วงค่ำของคฤหาสน์

“สายลมวันนี้ช่างพัดเย็นจริงๆ”

จู่ๆ ฉินเย่ก็พูดติดตลกออกมา ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบตรงระเบียง

“คุณแน่ใจหรือว่าพวกเขาจะมา ?” คุนหลุนถาม

ฉินเย่หันไปมองเฉินตง แล้วยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร

จะมาไหม ?

อันที่จริงแล้วเฉินตงเองก็ไม่แน่ใจ เขาเองก็กำลังรออยู่

แต่เห็นได้ชัดว่า เงื่อนไขที่เขาเสนอให้นั้น ถือว่า “ชัดเจน” อย่างยิ่งแล้ว

ข้อแรกคือให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือดาบมาขอโทษด้วยตัวเอง กับข้อที่สองชีวิตของตระกูลฉินทั้งตระกูล

คำถามที่ต้องเลือกคำตอบเช่นนี้ ชายชราที่เชื่องช้าอย่างเขา จะไม่รู้หรือว่าควรจะเลือกข้อไหน ?

ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์ให้พันธมิตรหันมาต่อสู้กันเอง เขาคงไม่เหลือทางเลือกให้กับตระกูลฉินเช่นนี้

แม่คือทุกอย่างของเขา เป็นเหมือนต่อมโมโหของเขา

ต่อมโมโหของมังกร ใครกล้าแตะต้องผู้นั้นต้องตาย !

เขายังอุตส่าห์เมตตาหลงเหลือทางรอดให้แก่ตระกูลฉิน !

ในสมองของเขาปรากฏภาพของแม่ซ้ำไปซ้ำมา

ท่าทางของเฉินตงค่อยๆ ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

ไฟแค้นปะทุขึ้นมาในแววตาของเขา

ฉินเย่และคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างรับรู้ได้ถึงความอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง

ทั้งสองหันมองหน้ากัน คุนหลุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “ฉินเย่ อย่างไรเสียเขาก็เป็นปู่ของคุณ คุณไม่รู้สึกเสียใจบ้างเลยหรือ ?”

“เชอะ……”

ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างดูถูก “ตอนที่แม่ของฉันและน้องชายของฉันต้องตายอย่างน่าอนาถ ตระกูลฉินของพวกเขาไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากตอนนั้นฉันไม่ฆ่าพ่อที่สมควรตายของฉัน เขาก็คงเสวยสุขอยู่ในตระกูลฉินต่อไป ตระกูลฉินที่กินเลือดกินเนื้อคนเช่นนี้ สมควรที่จะได้รับความเห็นใจจากฉันด้วยหรือ ?”

มีความโกรธแค้นแฝงอยู่ในคำพูดที่เอ่ยออกมา

การที่ต้องเห็นแม่ตายอย่างน่าอนาถต่อหน้าต่อตา วัยเด็กที่มืดมนเช่นนี้ คงไม่ต่างกับสิ่งที่เฉินตงเพิ่งจะประสบมามากนัก

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

จากนั้น เสียงของเฉินทงก็ดังเข้ามาจากด้านนอกห้อง

“คุณชายครับ เจ้าบ้านตระกูลฉินและลูกชายคนโตฉินเห้อเหนียนมาขอเข้าพบครับ”

เลือกได้แล้วหรือ ?

เฉินตงดูนาฬิกา เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว

เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก

คุนหลุนกับฉินเย่ลุกขึ้นแล้วเดินตามไป

สายลมยามค่ำคืนพัดเย็น

ถึงแม้ห้องรับแขกจะไม่ใหญ่มาก แต่แสงไฟก็สว่างไสว

เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างภายในห้องโถง ล้วนได้รับการออกแบบและจัดวางอย่างพิถีพิถัน เป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินถือดาบยาวเดินเข้ามาอย่างโดดเดี่ยว เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้

เส้นผมของเขาขาวโพลน ใบหน้าของเขาบูดบึ้งดูราวกับคนที่กำลังใกล้จะตาย

หลังจากที่ความหวังทุกอย่างพังทลายลง แผ่นหลังที่เคยยืดตรงอย่างสง่างามของเขา ก็ไม่อาจยืดตรงได้อีกต่อไป

ฉินเห้อเหนียนยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ

การเปลี่ยนแปลงในแววตา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้ส่วนลึกในใจของเขาอาจสงบลงได้เลยแม้แต่น้อย

ไม่เต็มใจ โกรธ สิ้นหวัง ไร้ที่พึ่ง ความรู้สึกทุกอย่างประเดประดังเข้ามา แต่กลับทำได้เพียงต้องข่มความรู้สึกเอาไว้

“เห้อเหนียน”

จู่ๆ คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็ส่งเสียงแหบพร่าออกมา

“พ่อครับ ผมอยู่นี่” ฉินเห้อเหนียนรีบตอบรับ

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเลิกคิ้วแล้วพูดว่า : “อีกเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แกคอยดูอยู่เฉยๆ ก็พอ ห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด”

“พ่อครับ……” ฉินเห้อเหนียนรู้สึกร้อนใจมาก “หรือว่าพวกเราจะยอมสู้ให้ถึงที่สุดครับ ?”

“เหอะ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เขาจำได้ดีว่าเสียงของผู้ชายที่ดังขึ้นในโทรศัพท์ของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินนั้นคือเสียงของใคร

เฉินเต้าหลิน !

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว

เฉินตงมาที่นี่โดยมีตระกูลเฉินคอยหนุนหลัง คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินถูกเฉินเต้าหลินเชิญให้เข้าไปสวดมนต์อยู่ในห้องพระ พ่อลูกร่วมมือกัน แล้วตระกูลฉินจะมีโอกาสอะไรได้อีก ?

ทันใดนั้น

เสียงที่เย็นชาก็ดังเข้ามาจากด้านนอกห้องรับแขก

“หากตระกูลฉินคิดจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดจริง ฉันจะขอเป็นคนร่วมต่อสู้ไปจนสุดทางเอง”

น้ำเสียงเย็นชาและทรงพลัง

ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียน หันไปมองด้วยความตกตะลึงพร้อมกัน

เฉินตงค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องรับแขก

ก้าวเดินอย่างสบายใจ ไม่รีบร้อน แต่บนใบหน้าที่สงบกลับเผยให้เห็นถึงความอำมหิตและเย็นชา

ทุกท่วงท่าของเขาทำให้คนรู้สึกตกตะลึง

แม้กระทั่งคุนหลุนและฉินเย่ที่เดินตามมาทางด้านหลัง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ

ทั้งสองหันมองหน้ากัน ต่างก็เห็นความหวาดกลัวในแววตาของกันและกัน

เฉินตง……เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ !

“คุณชายเฉิน”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินรีบลุกขึ้น เขายิ้มออกมาอย่างโดดเดี่ยว แล้วหันไปคารวะเฉินตง

เฉินตงนั่งลงตรงที่นั่งหลักโดยไม่ได้สนใจ เขาเลิกคิ้วแล้วหันไปมองคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียน

ในที่สุด แววตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ดาบเล่มยาวที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกอดเอาไว้อยู่

จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า : “ในเมื่อนำดาบมาแล้ว ก็ฆ่าตัวตายเองเถอะ”

คำพูดที่ตรงไปตรงมา ทำให้บรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

คำพูดที่ตรงไปตรงมา จนไม่เหลือที่ว่างให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบเลย

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกตะลึงไปพร้อมๆ กัน

ถึงแม้จะคาดการมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

ถึงแม้เขาจะยอมปล่อยวางทุกอย่างแล้ว แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงเจ้าบ้านผู้สูงส่งของตระกูลฉินเชียวนะ !

“คุณชายเฉิน……”

ฉินเห้อเหนียนรู้สึกไม่เต็มใจ เขาพยายามเอ่ยปากวิงวอน

แต่เฉินตงกลับเหลือบไปมองด้วยสายตาอำมหิต ทำให้ฉินเห้อเหนียนรู้สึกกลัวจนขนหัวลุกในทันที คำพูดที่อยากจะพูดออกมาเหมือนติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดออกมาได้

เผียะ !

เสียงตบหน้าดังก้องกังวาน

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตบหน้าฉินเห้อเหนียนจนเขาเดินโซเซถอยหลังไป พลางพูดออกมาด้วยความโกรธว่า : “เจ้าโง่ แกมีสิทธิ์พูดที่นี่หรือยังไง ?”

จากนั้น

เขาก็หันหลังกลับไปอย่างเดียวดาย ในขณะที่จ้องมองเฉินตง ใบหน้าอันหงอยเหงาและแก่ชราของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ดูถูกเยาะเย้ยออกมา

“คุณชายเฉินผู้มีเกียรติ เห้อเหนียนอายุยังน้อย ไม่รู้ประสีประสา ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

หลังจากได้ยิน แววตาของเฉินตงก็เย็นชาขึ้นทันที

“พรวด !”

ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา : “ไอ้แก่ แกใช้ฐานะมาจัดลำดับความอาวุโส กดขี่ทายาทนอกสมรสให้อยู่ต่ำลงไปขั้นหนึ่ง พ่อของฉันแก่กว่าไอ้หมอนี่สักหน่อย แต่ฉันกลับต้องเรียกมันว่าลุง นี่หรือที่แกบอกฉันว่าเขาเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา ?”

“ฉินเย่ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินโกรธจนหน้าแดง เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “ถือว่าตระกูลฉินของเราเมตตากับแกมาก เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ถ้าฉันไม่หลงเหลือความเมตตาให้แกแล้วล่ะก็ หากเรื่องเกิดขึ้นในตระกูลอื่น แกคงต้องตายสถานเดียว !”

“เลิกพูดถึงคุณธรรมจอมปลอมนั่นเสียที !”

ฉินเย่โต้กลับอย่างรุนแรง : “ถ้าฉันไม่มีเงินหมื่นล้าน ที่สามารถใช้ค้ำจุนฐานะของตระกูลฉินอยู่ในมือแล้วล่ะก็ ฉันจะมีชีวิตรอดอยู่อย่างนี้หรือ ?”

“แก……” ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป

ก๊อกๆ !

เฉินตงเคาะโต๊ะเบาๆ

“เจ้าบ้านตระกูลฉิน คุณมาเพื่อชดใช้หนี้ให้ผม หรือมาเพื่อพูดคุยกับผมกันแน่ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตัวสั่นเทา เขาโค้งคำนับแล้วพูดว่า : “มาชดใช้หนี้อย่างแน่นอน !”

“หากจะชดใช้หนี้ก็เร็วเข้า หากยังมีอะไรจะพูดคุยอีกล่ะก็ รอให้ลงไปเมื่อไหร่ จงไปตามหาแม่ของฉันที่ปรโลก แล้วตั้งใจคุกเข่าขอโทษเธอสักครั้ง !”

เฉินตงลุกขึ้น ตอนนี้ เจตนาฆ่าของเขารุนแรงราวกับคลื่นลูกใหญ่ ที่กำลังซัดสาดเข้าไปหาคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน

ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “หน้าที่ของฉันก็คือ ส่งแกลงไปพบแม่ของฉัน !”

“รับทราบ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินมีท่าทีแน่วแน่ เขาโบกมือทั้งสองข้าง

ฉึบ !

เขาชักดาบเล่มยาวออกจากฝัก ส่องแสงสะท้อนวิบวับ

“พ่อครับ……”

ฉินเห้อเหนียนยกมือขึ้นมาปิดหน้าครึ่งหนึ่งแล้วร้องไห้ออกมา

“หุบปากเดี๋ยวนี้ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตะโกนดุออกมาอย่างรุนแรง

เขารู้ดีว่า เหตุการณ์ในคืนนี้นากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว

พ่อลูกตระกูลเฉินร่วมมือกัน ตั้งใจจะให้เขาตาย หากเขาไม่ตาย คนที่ต้องตายคือตระกูลฉินทั้งตระกูล !

ขณะที่ดาบเชือดลงไปบนคอ คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา

หากรู้ว่าวันนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลือกที่จะยอมแพ้ เขาคงไม่มีทางร่วมมือเพื่อจัดการกับเฉินตงตั้งแต่แรกแน่นอน

แต่ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว !

“คุณชายเฉิน นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมชดใช้ให้แก่คุณ หนึ่งชีวิตชดใช้ให้กับหนึ่งชีวิต !”

แต่ทว่า

ขณะที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกำลังจะฆ่าตัวตายนั้น

ก็มีมือใหญ่มือหนึ่งยื่นเข้าไปจับดาบเอาไว้

จากนั้น น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาและเต็มไปด้วยความดูถูกก็ดังก้องขึ้นในหูของเขา

“หนึ่งชีวิตชดใช้หนึ่งชีวิต ? ชีวิตน่าอนาถของแกชีวิตนี้ จะเทียบกับชีวิตที่มีฆ่าดั่งทองคำของแม่ฉันได้อย่างไร ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset