น้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินรู้สึกหายใจไม่ออก
ส่วนฉินเห้อเหนียนก็ยิ่งรู้สึกโกรธจนหน้าแดง
เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “เฉินตง แก แกจะเอายังไงอีก ? ตระกูลฉินของเรายอมก้มหัวถึงขั้นนี้แล้ว แกคงไม่คิดจะรังแกคนอื่นให้มันมากเกินไปหรอกนะ !”
“หากไม่รังแกให้ถึงที่สุด แล้วฉันจะรังแกไปทำไม ?”
เฉินตงเหลือบไปมองฉินเห้อเหนียนด้วยแววตาที่เฉียบคม : “พวกแกร่วมมือกันลอบฆ่าฉัน ตอนที่ฆ่าแม่ของฉันตาย เคยพูดว่ารังแกมากเกินไปหรือเปล่าล่ะ ?”
“แก……” ฉินเห้อเหนียนโกรธจนหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก
บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบสงัด
เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นลงบนพื้นได้
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหันไปจ้องฉินเห้อเหนียนตาเขม็ง จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า : “คุณเฉิน พูดออกมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ !”
เฉินตงค่อยๆ พูดออกมาอย่างมีอำนาจ : “ฉันต้องการหุ้นของกิจการทั้งหมดของตระกูลฉินครึ่งหนึ่งรวมไปถึงอำนาจในการควบคุมด้วย !”
เปรี้ยง !
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนยืนนิ่งไปราวกับถูกฟ้าผ่า
ตระกูลฉินมีธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน
พวกเขาต้องอาศัยธุรกิจพวกนี้จึงจะสามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดของเมืองซีสู่ได้
แต่ทว่าตอนนี้ เฉินตงกลับเอ่ยปากขอหุ้นครึ่งหนึ่งของธุรกิจทั้งหมด รวมไปถึงอำนาจในการควบคุมด้วย ? !
หุ้นครึ่งหนึ่งก็มีมูลค่ามากมายมหาศาลแล้ว
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คืออำนาจในการควบคุม หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า หากยอมตกลง ธุรกิจของตระกูลฉินเหล่านี้ ก็จะถูกเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะใช้แช่เฉิน ไม่ใช่แซ่ฉิน !
และตระกูลฉิน ก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของตระกูลเฉิน
“คุณเฉิน นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ ?”
แม้กระทั่งคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินที่เตรียมตัวเตรียมใจจะฆ่าตัวตายเอาไว้แล้ว มาบัดนี้ก็ยังจ้องมองเฉินตงด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและแววตาที่โกรธเคือง
เขายินดีที่จะตายเพื่อปกป้องตระกูลฉินเอาไว้
แต่ทว่าข้อเรียกร้องของเฉินตงในตอนนี้ กลับไม่ต่างจากการฆ่าล้างตระกูลฉินเลยแม้แต่น้อย ?
“ถ้าสิงโตไม่เขมือบคำโต แล้วจะถือว่าเป็นเจ้าป่าได้อย่างไรกัน ?”
เฉินตงเหลือบมองคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน น้ำเสียงอันน่าเกรงขามของเขาทำให้รู้สึกได้ถึงความโหดเหี้ยม
แรงกดดันอันมหาศาลนี้ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนรู้สึกกลัวจนขนลุก
ส่วนฉินเย่ คุนหลุนและเฉินทงก็ยืนดูอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร
หากต้องการให้พันธมิตรแตกคอกันเอง ในเมื่อปล่อยเสืออย่างคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไปแล้ว ก็จำต้องกลืนหมาป่าอย่างตระกูลฉินลงไป
คุณชาย……เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
คุนหลุนจ้องมองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง
หากเป็นเฉินตงในอดีต ไม่มีทางทำถึงขนาดนี้ได้
เมื่อครั้งที่ยึดครองอสังหาริมทรัพย์ของโจวจุนหลง ยังต้องดำเนินการซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง จนท้ายที่สุดท่านหลงต้องออกโรงจัดการทุกอย่างอย่างเด็ดขาดด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้ เฉินตงกลับกำลังเลียนแบบท่านหลง โดยไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย ทั้งเด็ดขาดและโหดเหี้ยม
หากดูผิวเผิน เฉินตงก็ยังเป็นเฉินตงอยู่ แต่หลังจากที่ผ่านคุกมืดและเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียแม่มา คุนหลุนก็สามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของเฉินตงได้อย่างชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้คุนหลุนรู้สึกดีใจ
เขารู้ดีว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาเฉินตงไปสู่ตำแหน่งเจ้าบ้าน
“เฉินตง……” ฉินเห้อเหนียนกัดฟันกรอด
แต่ยังไม่ทันที่จะพูดออกมา กลับถูกคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตะคอกใส่ด้วยความโมโห ทำให้เขาต้องหยุดพูด
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหันไปมองเฉินตงด้วยความขมขื่น น้ำตาของเขาหลั่งรินออกมา : “หากยอมทำเช่นนี้แล้ว คุณจะยอมปล่อยตระกูลฉินไปไหม ?”
“ผมเพียงแค่บอกให้คุณรับรู้ ส่วนเรื่องที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยนั้น ขึ้นอยู่กับว่าต่อไปตระกูลฉินจะทำเช่นไร”
ท่าทีของเฉินตงเย็นชา แววตาของเขาเฉียบคม ตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากเจตนาฆ่าที่รุนแรงแล้ว เขาก็ไม่เผยความรู้สึกอื่นใดออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ในหัวของเขาปรากฏภาพและน้ำเสียของแม่เขาขึ้นมาไม่หยุด
หากไม่ใช่เพราะเขาต้องการสวมมงกุฎของราชาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีวันยอมให้โอกาสเช่นนี้กับตระกูลฉินเป็นอันขาด
“เฮ้อ……”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วก็พูดออกมาทันทีว่า : “เห้อเหนียน จงจำเอาไว้ให้ดี ตระกูลฉินได้ยกหุ้นของกิจการทั้งหมดครึ่งหนึ่งพร้อมทั้งอำนาจในการควบคุม ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป แกจะกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน คอยตักเตือนคนในครอบครัว ทำแต่ความดี ต่างคนต่างดูแลตนเองให้ดี”
“พ่อครับ……”
หลังจากคำพูดนี้ดังออกมาฉินเห้อเหนียนก็ลงไปนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น
ตระกูลฉินผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่งเหนือใครในซีสู่ ต่อให้เป็นความฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่า ตระกูลฉินจะถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้
คำพูดของพ่อ ทุกคำทุกประโยค ราวกับก้อนหินอันหนักอึ้ง ค่อยๆ ทับลงมาบนอกของเขา ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
“คุณเฉิน ผมยอมรับปากแล้ว !”
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินมองดูเฉินตงด้วยแววตาที่มืดหม่นแน่วแน่อย่างมาก : “ตอนนี้ ผมจากไปได้หรือยัง ?”
“ผมจะส่งคุณเอง !”
น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้น
ภายใต้แสงสว่างของห้องรับแขก
คอของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินวางพาดอยู่บนดาบ ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ดาบส่องแสงสะท้อนเป็นประกายออกมา
ฉึบ !
เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา
ฉินเห้อเหนียนที่กำลังร้องไห้อยู่ตัวแข็งทื่อในทันที เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของเขาเปียกชื้นและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง เขายกมือขวาขึ้นไปลูบใบหน้าด้วยอาการสั่นเทา สิ่งที่เขาเห็นคือสีแดงสด
“หา !”
สมองของฉินเห้อเหนียนว่างเปล่าทันที เขารู้สึกเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา
ตุ้บ !
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ โดยไร้ซึ่งความโกรธแค้นอีกต่อไป
อีกด้านหนึ่ง เฉินตงกำลังถือดาบเล่มยาวชี้ลงบนพื้น เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลลงมาที่ปลายดาบ จนในที่สุดก็หยดลงสู่พื้นดิน
ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เฉินตงใช้ดาบของเขาจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในคราวเดียว
เพล้ง !
เขาโยนดาบที่ถืออยู่ในมือลง แล้วหันไปมองฉินเห้อเหนียนที่กำลังโศกเศร้าเสียใจด้วยแววตาที่เย็นชา : “พาออกไป พรุ่งนี้ ฉันต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ครับ ครับ ครับ !”
ฉินเห้อเหนียนสีหน้าซีดเผือด ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและคราบเลือด เขากัดฟันพูดคำว่าครับออกมาติดๆ กันสามครั้ง
จากนั้น เขาก็โซเซลุกขึ้นยืน แล้วแบกคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินขึ้นบนหลัง พร้อมทั้งก้มเก็บดาบขึ้นมา แล้วค่อยๆ เดินออกจากห้องรับแขกไป
ลมเย็นยามค่ำคืนโชยพัดมา
แสงสว่างทำให้เงาของฉินเห้อเหนียนทอดยาวออกไปไกล
“เฉินทง เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย อีกเรื่อง พรุ่งนี้จัดการคนไปดำเนินเรื่องโอนหุ้นกับตระกูลฉินให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับ ได้ครับ คุณชาย”
เฉินทงที่กำลังเหม่อลอย เมื่อได้สติก็รีบก้มหน้าตอบรับในทันที
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เขามองดูเฉินตงที่เดินจากไปด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่หลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ เจตนาฆ่าที่รุนแรงที่เฉินตงแสดงออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้หัวหน้าใหญ่ของสำนักงานตระกูลเฉินแห่งซีสู่ผู้นี้ ต้องรู้สึกกลัวจนขนลุก
ในงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลฉิน เขาติดตามเฉินตงไปด้วย การแสดงออกของเฉินตงในตอนนั้นก็ทำให้เขารู้สึกตกใจมากพอแล้ว แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า เมื่อนำมาเทียบกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เฉินตงตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงของตระกูลฉิน ถือว่าสะกดกั้นอารมณ์เอาไว้อย่างมากแล้ว
เฉินทงจ้องมองกองเลือดที่พื้นอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเองว่า : “นี่ คือคุณชายที่เติบโตอยู่ข้างนอกมากว่ายี่สิบปีจริงๆ หรือ ?”
เฉินทงคอยควบคุมดูแลภายในพื้นที่เมืองซีสู่ ผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินในรุ่นนี้ เขามีโอกาสได้พบเจอมาหลายต่อหลายคน แต่ไม่มีใครที่จะทำให้เขารู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้เลยสักคน
ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สืบทอดมรดกที่ถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีในตระกูลเฉิน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งกลับเป็นผู้สืบทอดมรดกที่เติบโตมาในโลกภายนอกและถูกคนอื่นเรียกขานว่า “ลูกสวะ” ทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยประสบการณ์ของเฉินทง ทำให้เขาสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน
เมื่อกลับไปถึงห้อง
เฉินตงกลับไม่ได้เข้านอน
แต่เขากลับสั่งให้คุนหลุนไปจัดหาเครื่องหอมและจัดห้องโถงไว้ทุกข์ขึ้นอย่างเรียบง่ายในห้องรับแขก จากนั้นจึงตั้งรูปถ่ายของหลี่หลาน
“แม่ครับ ผมอกตัญญู”
เฉินตงคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นจึงค่อยๆ เทเหล้าในแก้วลงบนพื้น แล้วโขกหัวคำนับสามครั้ง
ขณะที่เขายกหัวขึ้นมา ดวงตาของเขากลับฉาบไปด้วยคราบน้ำตา : “เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว แม้แต่ความแค้นของแม่ ผมก็ไม่อาจสะสางให้สมบูรณ์ได้”
พูดจบ เขาก็เทเหล้าในแก้วลงบนพื้นอีกครั้ง พร้อมกับคำนับอีกสามครั้ง
หลังจากเทเหล้าสามแก้ว คุกเข่าสามครั้ง และคำนับอีกเก้าครั้ง เฉินตงก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น แต่กลับนั่งมองรูปถ่ายของหลี่หลาน แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ เขากัดริมฝีปากจนห้อเลือด และไม่ส่งเสียงร้องไห้ออกมาให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
ตระกูลใหญ่ทั้งหมดในซีสู่ต่างจับจ้องไปที่ตระกูลฉิน
ตอนที่ฉินเห้อเหนียนแบกศพออกมาจากคฤหาสน์สู่ซาน
ตระกูลใหญ่ในซีสู่ ต่างรู้สึกตกตะลึงไปตามๆ กัน !
และในเวลาเดียวกันนี้ ก็มีพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรวดเร็วในยามค่ำคืน……