Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 280 การคำนวณ

เมื่อแสงแรกตกกระทบพื้นดินในยามเช้าตรู่

คนในคฤหาสน์ตระกูลฉินต่างสวมใส่ชุดไว้ทุกข์เรียบร้อยแล้ว

บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

ถึงแม้ดวงอาทิตย์จะขึ้นแล้ว แต่คนในตระกูลฉินกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

ตระกูลฉินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ในตอนกลางคืนที่ฉินเห้อเหนียนแบกศพของคุณท่านใหญ่ตระกูลเฉินกลับมาบ้าน ราวกับเป็นการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ใส่ตระกูลฉิน

ทุกคนไม่อาจนอนหลับได้อีกต่อไป

มีเสียงร้องไห้เซ็งแซ่ตลอดทั้งคืน

สามวันก่อน คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเพิ่งจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่

ใครจะไปคิดว่า สามวันให้หลัง กลับลงไปนอนอยู่ในโลง กลายเป็นเพียงศพที่ร่างกายเย็นเฉียบ ?

ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามวัน ฟ้าดินกลับตาลปัตรได้ถึงเพียงนี้

ทุกคนในตระกูลฉิน ไม่มีใครคาดคิดว่า ตระกูลฉินที่ตั้งตระหง่านราวกับภูเขา และเป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่กลงท้องฟ้า จู่ๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้นได้

และในขณะที่ตระกูลฉินกำลังเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

เมืองซีสู่ทั้งเมืองก็กำลังปั่นป่วนอยู่ด้วยเช่นกัน

ตระกูลใหญ่ทุกตระกูล รวบรวมกำลังมาตลอดทั้งคืน ทันทีที่รุ่งสาง พวกเขาก็พุ่งเข้าโจมตีตระกูลฉินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนต่างฉกฉวยโอกาสในครั้งนี้ในการทำลายตระกูลฉิน

ชื่อเสียงของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด ทรัพยากรที่มีอย่างมากมายมหาศาล รวมไปถึงการผูกขาดในอุตสาหกรรมบางประเภท

นี่คือเป้าหมายที่ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลต่างเคยรู้สึกอิจฉาตาร้อน

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ จะเคยมีความปรารถนาบางอย่างอยู่ในใจ แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์อันยิ่งใหญ่อย่างตระกูลฉินแล้ว ทำให้ไม่กล้ากระทำการใดๆ โดยประมาท

แต่ทว่าตอนนี้ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามวัน ตระกูลฉินต้องเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่ และทำให้ท้องฟ้าของซีสู่ต้องเปลี่ยนแปลงไป

ถึงขั้นที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินต้องยอมปลิดชีพตัวเองด้วยดาบเพื่อปกป้องตระกูลฉินเอาไว้

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่รีบลงมือตอนนี้จะให้ลงมือตอนไหน ?

แต่ทว่า

ขณะที่ตระกูลใหญ่ต่างกำลังเตรียมการกันอยู่นั้น กลับต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับรู้ว่า

ตระกูลจูเก่อได้โจมตีธุรกิจใหญ่ของตระกูลฉินทุกธุรกิจเรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ กำลังเตรียมการอยู่นั้น ตระกูลจูเก่อกลับดำเนินการกอบโกยทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้ทำให้ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ได้แต่ตีอกชกตัวและถอนหายใจ

พวกเขารู้ดีว่าทำไมตระกูลจูเก่อถึงสามารถจัดการกับตระกูลฉินได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาดถึงเพียงนี้

หากจะโทษก็คงต้องโทษตัวเองที่ช้าไปหนึ่งก้าว !

ทางด้านตระกูลจูเก่อ

ชายชราผมขาวนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน แต่เขากลับไม่รู้สึกอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ ปากของเขาไม่อาจหุบยิ้มลงได้

“คุณปู่ การเตรียมการทั้งหมดเริ่มดำเนินการแล้ว ครั้งนี้ ตระกูลใหญ่ในซีสู่ทั้งหมดจะต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่นอน” จูเก่อชิงกล่าวรายงานด้วยรอยยิ้ม

ชายชราผมขาวยิ้มแล้วพูดว่า : “ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามโชคชะตา ตระกูลจูเก่อของเรามีประวัติศาสตร์อยู่ในซีสู่มายาวนาน อยู่อย่างสมถะ คนเหล่านั้นคิดว่าผู้กล้าจะต้องมาทีหลัง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้ว ตระกูลจูเก่อของเรา มีความทะเยอทะยานมาช้านาน”

“สิ่งที่ปู่ต้องการก็คือปกติแล้วไม่ทำตัวให้โดดเด่น แต่เมื่อไหร่ที่แสดงตัวออกมาก็สามารถทำให้คนอื่นประหลาดใจได้ทันที !”

“คุณปู่พูดถูก ตระกูลจูเก่อมีประวัติที่สืบทอดกันมาช้านาน ขาดก็เพียงแค่โอกาสเท่านั้น และการปรากฏตัวของเฉินตงในครั้งนี้ ก็ถือเป็นโอกาสของตระกูลจูเก่อเรา ที่จะได้ขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของซีสู่ !”

จูเก่อชิงกล่าวสนับสนุนด้วยรอยยิ้ม : “ขอเพียงแค่มีความทะเยอทะยานและความปรารถนาอันแรงกล้า ! ตอนนี้คนเหล่านั้นคงทำได้เพียงแค่มองตาค้างเท่านั้น”

“ฮ่าๆๆ……ชิงเอ๋อ หลานรีบติดต่อเฉินตงเร็วเข้า วันนี้ปู่จะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่บ้าน และจะเชิญเฉินตงมาเป็นแขกคนสำคัญของงาน !”

ชายชรายิ้มและโบกมือสั่ง

คุณเฉิน ? !

จูเก่อชิงรู้สึกตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคุณปู่เรียกคนอื่นด้วยความเคารพเช่นนี้

ถึงแม้ฐานะของตระกูลจูเก่อในซีสู่ ไม่อาจยิ่งใหญ่เทียบกับตระกูลฉินได้

แต่ในฐานะที่เป็นตระกูลร่ำรวยและมีภูมิหลังที่ยาวนาน ทำให้มีความมั่นใจแทรกซึมอยู่ภายในกระดูก

ในฐานะที่คุณปู่เป็นเจ้าบ้าน น้อยนักที่เขาจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพและให้เกียรติเช่นนี้

อีกไปกว่านั้น เป็นการปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มวัยเพียงยี่สิบกว่าๆ ด้วยแล้ว

“คุณปู่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” จูเก่อชิงรับคำสั่งแล้วจากไป

คฤหาสน์สู่ซาน

พระอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงสว่างสดใส ลมในฤดูใบไม้ผลิพัดมา

เช้าตรู่

เฉินตงนั่งอยู่ที่ระเบียงเงียบๆ แล้วทอดสายตาออกไปมองบรรยากาศโดยรอบของคฤหาสน์สู่ซาน

ที่ขอบฟ้าไกลๆ มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ดูราวกับสีของเลือด

เขาลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา : “ดูเหมือนว่าวันนี้ซีสู่คงจะสงบได้ยาก”

ถึงแม้เขาจะ “มีเมตตา” ต่อตระกูลฉิน แต่ข่าวเรื่องที่ฉินเห้อเหนียนแบกศพกลับตระกูลฉินไปในตอนกลางคืน คงพอจะทำให้ซีสู่เกิดความปั่นป่วนได้ไม่น้อย

ต่อให้ตระกูลฉินไม่ได้ตกต่ำลง แต่ก็ไม่อาจต้านทานความโลภและความต้องการที่จะเข้ายึดครองของตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ได้

แต่ทว่า เขาได้ตัดสินใจร่วมมือกับตระกูลจูเก่อแล้ว ดังนั้นความปั่นป่วนในซีสู่คงไม่เกิดขึ้นนานนัก

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามา” เฉินตงพูด

ฉินเย่ คุนหลุนและเสี่ยวเชียนเดินเข้ามาข้างในพร้อมกัน

“พี่ตง ท้องฟ้าของซีสู่เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้บรรดาตระกูลใหญ่ต่างกำลังรีบดำเนินการ ตระกูลจูเก่อออกนำตระกูลอื่นๆ ไปก่อน” ฉินเย่พูดด้วยรอยยิ้ม

คุนหลุนสีหน้าเรียบเฉย

กลับเป็นเสี่ยวเชียน เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินเย่เล่า สีหน้าก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที เธอหันไปมองฉินเย่ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่พูด

“อืม รอให้ตระกูลฉินส่งสัญญาณการถือหุ้นมาให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อลงนามเสร็จสิ้น เรื่องทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง พวกเราเองก็สามารถเดินทางกลับได้แล้ว”

เฉินตงพยักหน้า

“แต่ว่า ฉันไม่เข้าใจอะไรนิดหน่อย ทำไมครั้งนี้นายถึงยอมยื่นเนื้อชิ้นโตให้ตระกูลจูเก่อฟรีๆ แบบนี้ ?” ฉินเย่รู้สึกสงสัย

หลังจากการเจรจาเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็ร่วมมือกันโดยไม่มีการตกลงพูดคุยเลยแม้แต่น้อย

แต่กลับมีส่วนทำให้ตระกูลจูเก่อได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดได้

ที่สำคัญก็คือ เนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เฉินตงกลับยกให้ฟรีๆ โดยไม่มีอะไรตอบแทนแม้แต่น้อย

“ตอนฉันอยู่ในคุกมืดได้เรียนรู้เรื่องราวมาอย่างหนึ่ง”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างสดใสแล้วหันไปมองคุนหลุน : “คุนหลุน นายเองก็ออกมาจากที่นั่น คงจะเข้าใจกฎเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กดีใช่ไหม ?”

แววตาของคุนหลุนสั่นไหว และเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ในทันที

เขายิ้มแล้วพูดว่า : “กฎของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็จะจัดการกับผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่เมื่อไหร่ที่ยังไม่สามารถออกจากคุกแล้วกลายเป็นหมาป่าได้ แต่กลับทำตัวโดดเด่นเกินไป เมื่อนั้นก็จะกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกรุมโจมตี”

เฉินตงหันมองฉินเย่ด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง : “ตอนนี้เข้าใจหรือยัง ?”

ตอนที่อยู่ในคุกมืด ถ้าไม่ใช่เพราะระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ เขาต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง บวกกับการได้รับความช่วยเหลือจากป่าและเฉินเต้าจูน

ไม่แน่ว่าจุดจบของเขาในตอนนี้ อาจไม่ต่างกับที่คุนหลุนพูดเอาไว้มากนัก

นี่เป็นสิ่งที่เขามองออกตั้งแต่ครั้งแรกที่พ่ายแพ้ให้กับหมียักษ์

“นายให้ตระกูลจูเก่อขึ้นนั่งในตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเพื่อออกรับแทนนาย และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลงมือกับตระกูลฉิน ?” ฉินเย่เข้าใจในทันที

เฉินตงยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร

ถ้าไม่ใช่เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทำไมจู่ๆ มีหรือที่เขาจะยอมยกเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ให้กับตระกูลจูเก่อฟรีๆ ได้ ?

ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ จะสามารถอาศัยอำนาจของตระกูลเฉินได้ และสามารถกดหัวของตระกูลฉินไม่ให้ลืมตาอ้าปากได้ รวมไปถึงบีบบังคับให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินยอมตาย แต่ก็ยังไม่อาจทำตัวให้โดดเด่นเกินไปได้

เฉินตงเข้าในเหตุผลง่ายๆ ที่ผ่านมาข้อนี้ดี

การดำรงอยู่ของตระกูลที่คล้ายคลึงกับตระกูลฉินในประเทศนี้ มีมากมายจนมือทั้งสองข้างของเขาคงนับไม่ถ้วน

อีกทั้งครั้งนี้ที่เขาสามารถอาศัยอำนาจของตระกูลเฉินได้ เป็นเพราะการตายของแม่กระทบกระเทือนถึงความรู้สึกของพ่อ ดังนั้นพ่อจึงจัดการกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

หากเขาทำตัวให้โดดเด่นเกินไป เขาเองก็รู้ว่าต่อไปจะมีโอกาสพึ่งพาอำนาจของตระกูลเฉินได้อีกกี่ครั้ง

ก๊อกๆ !

ตอนนี้เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

“คุณชาย คนของตระกูลฉินมาแล้วครับ” เสียงของ เฉินทงดังขึ้นด้านนอก

มาแล้ว !

เฉินตงค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเหลือบไปมองทุกคน : “ไม่กันเถอะ จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว จะได้เดินทางกลับกัน”

ขณะที่ฉินเย่กำลังจะเดินตามไป กลับถูกฉินเสี่ยวเชียนดึงเอาไว้เงียบๆ

“พี่เย่ พวกเราทำเช่นนี้ เป็นการทรยศต่อตระกูลฉินหรือเปล่า เป็นการอกตัญญูหรือไม่ ?”

ฉินเย่ผงะไป เขาลูกหัวฉินเสี่ยวเชียนด้วยความเอ็นดู แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน : “เด็กโง่ มีพี่เย่อยู่ทั้งคน ต่อให้เป็นการทรยศหักหลัง ก็เป็นฝีมือของพี่เย่เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset