คุนหลุนตกตะลึง
ริมฝีปากของเขาขยับไปมา คล้ายพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
เฉินตงพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงกดต่ำเคร่งเครียด: “ฉันบอกให้พาตัวเธอไปไงเล่า!”
“พี่ตงจะพาฉันไปไหนงั้นเหรอ?” เฉินหยู่เฟยลุกขึ้นยืน เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
เฉินตงไม่พูดอะไร หันหลังเดินออกไปทันที
ที่ด้านหลัง เฉินหยู่เฟยรีบตามไปอย่างรวดเร็ว
กูหลังที่ถูกทิ้งไว้เป็นคนสุดท้าย เกิดอาการงุนงงเล็กน้อย: “พี่คุนหลุน ท่านเฉินโกรธจริง ๆ แล้วนะ แม่เฉินหยู่เฟยนั่นไม่ได้สังเกตเห็นสักนิดเลยเหรอ?”
“อ๋อ เธอสังเกตเห็นแล้วล่ะ”
คุนหลุนยกยิ้มเย็นชา: “แต่เธอถูกตามใจจนเคยตัวแล้ว เพราะที่แล้วมาได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากคุณหญิงใหญ่ ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่ท่านใหญ่ก็ยังแตะต้องเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้น เธอก็คงจะมองว่า คุณชายเป็นเหมือนกับคนในตระกูลเฉินพวกนั้นนั่นแหละ”
“นี่……”
กูหลังขมวดคิ้วมุ่น เกิดอาการพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ไปกันเถอะ.”
คุนหลุนถอนหายใจ แล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
เขารู้ดีว่า เมื่อนิสัยของใครสักคน ที่เคยตัวจนถูกบิดเบือนจากสามัญสำนึกปกติไปในระดับหนึ่ง จะเย่อหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวใครในสายตา นิสัยของเฉินหยู่เฟยก็เป็นเช่นนั้น
แต่เฉินหยู่เฟยมองข้ามจุดหนึ่งไป นั่นคือเฉินตงไม่เคยอาศัยอยู่ในตระกูลเฉิน อีกทั้งเฉินตงก็เป็นคนที่ มักเก็บซ่อนจุดอ่อนของตัวเองต่อหน้าคนอื่นมาก ๆ อีกด้วย
คำพูดที่ว่า “ไม่มีใครกล้าแตะต้อง” ของเธอ ไม่สามารถใช้ได้กับเฉินตง
เมื่อออกจากร้านอาหาร
เฉินตงไม่ได้ขึ้นรถ แต่กลับเดินเลี้ยวที่หัวมุมถนน เข้าไปในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง
หลังจากเปิดห้องชุดห้องหนึ่ง เขาก็พูดกับเฉินหยู่เฟยอย่างเย็นชาว่า: “เธออยากตามก็ต้องตาม ไม่อยากตามก็ต้องตาม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ตง”
เฉินหยู่เฟยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ มองไปที่เงาด้านหลังของเฉินตง รอยยิ้มเริ่มเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์น้อย ๆ กระซิบพูดเสียงเบาว่า: “ฉันเป็นหลานสาวที่คุณย่ารักที่สุด ก็แค่ตีคนใช้ในบ้านเองไม่ใช่เหรอ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะกล้าทำร้ายฉัน”
เธอยึดเอาความคิดนี้ไว้มั่น
เฉินหยู่เฟยเดินตามเฉินตงเข้าไปในห้องพัก
เธอเดินไปที่หน้าต่างด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้าย แล้วเปิดม่านเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามา
จากนั้นจึงหันกลับมา แล้วเดินไปหาเฉินตงอย่างรังเกียจ: “พี่ตง ต่อให้อยากเปลี่ยนที่มาเฆี่ยนมาตีฉันจริง ๆ ก็น่าจะหาโรงแรมที่มันระดับสูงกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง?”
จู่ ๆ เฉินตงก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่ทำร้ายผู้หญิง”
เฉินหยู่เฟยเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางยกยิ้ม: “แล้วพี่ตงพาฉันมาที่ห้องนี้ทำไมล่ะ?”
เพี๊ยะ!
พูดไม่ทันจบ เงาที่รวดเร็วเกินสายตาจะจับภาพได้ทันสายหนึ่ง ก็ผุดวาบขึ้นกลางอากาศ
แล้วฟาดลงบนใบหน้าของเฉินหยู่เฟยอย่างรุนแรง
เฉินหยู่เฟยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับโซเซ แล้วทรุดล้มลงไปกับพื้น
เธอตกตะลึงจนชะงักไปชั่วขณะ ความเจ็บปวดบนใบหน้า ทำให้เธอถึงกับนึกว่าตัวเองฝันร้ายเลยทีเดียว
เสียงเยือกเย็นดังก้องอยู่ในห้อง: “แต่กับพวกอสรพิษถือเป็นข้อยกเว้น!”
ชั่วขณะนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคุนหลุนกับกูหลัง เดินตามเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นเฉินหยู่เฟยที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้น บนใบหน้าขาวนวลปรากฏรอยนิ้วมือเป็นริ้วอย่างชัดเจน
คุนหลุนก็ถึงกับตกใจจนตาค้าง “คุณชาย…..”
แล้วก็พูดอะไรไม่ออกอีก
สิ่งที่ได้รับมาแทน กลับกลายเป็นดวงตาที่เย็นชาสุดขีดของเฉินตง
“ท่านหลงเป็นคนของฉัน ฉันที่มอบความเคารพให้เขาเอาเวลานี้ ยังนับว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำ ฉันไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องเขา ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ไม่ได้!”
คำพูดที่ดังสนั่น ทำเอาแผ่นหลังของคุนหลุนถึงกับขนลุกเกรียว คำพูดที่กำลังมาถึงที่ปาก จึงมีอันต้องถูกกลืนกลับลงท้องไปอย่างรวดเร็ว
“แก… นี่แกกล้าตบฉันเหรอ? นี่แกถึงกับกล้าตบฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?”
ในที่สุด เฉินหยู่เฟยที่มึนงงไปครู่หนึ่งก็ฟื้นคืนสติ ยกมือที่เรียวยาว ขาวละเอียดดังหยกขึ้นมาลูบแก้ม ความรู้สึกเจ็บปวดทะลุไปจนถึงหัวใจ ทำให้ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
ตั้งแต่เล็กจนโต เพราะความที่คุณหญิงใหญ่เฉินรักใคร่เอ็นดู เธอจึงเป็นดั่งอัญมณีอันแสนมีค่า ที่อยู่ในฝ่ามือของคนทั้งตระกูล
ทั้งตระกูลเฉิน มีใครบ้างที่จะไม่โอบอุ้มเธอไว้ในอุ้งมือราวอัญมณี?
เธออยากเข้าสู่วงการบันเทิง อยากกลายเป็นดาราดังที่ได้รับความนิยมชมชอบ คุณหญิงใหญ่เฉินก็ออกคำสั่ง ให้ตระกูลเฉินใช้พลังอำนาจอันมหาศาล ช่วยให้เธอได้เป็นดาราชั้นแนวหน้าของวงการบันเทิงภายในระยะเวลาเพียงปีเดียวเท่านั้น
เป็นเพราะความรักของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ในตอนที่เธอได้รู้ถึงความโกรธของคุณย่า
เฉินหยู่เฟยถึงได้มาที่นี่ เพราะอยากจะถามคุณหญิงใหญ่เรื่องนี้เพื่อช่วยแก้แค้นแทนให้
แต่ทว่า!
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนอย่างเธอ เฉินหยู่เฟย แค่เฆี่ยนตีคนใช้ในบ้าน กลับต้องได้รับการปฏิบัติแบบนี้กลับมา?
“ไม่เชื่องั้นเหรอ?”
คิ้วของเฉินตงยกสูงชี้ชัน ใบหน้าเย็นชา เต็มไปด้วยแววเกลียดชังรังเกียจ
เขานั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเฉินหยู่เฟยอย่างเย็นชา คว้าคอเสื้อของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วลากตัวเธอไปด้านหน้าด้วยท่าทางพาลพาโลสุดขีด
ทันใดนั้น
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือหนัก ๆ อีกหนึ่งถูกตบลงไปอย่างแรง
สิ้นเสียงตบหน้าที่ดังแจ่มชัด ก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเฉินหยู่เฟย
คุนหลุนกับกูหลังถึงกับอดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้
เฉินตงพูดขึ้นช้า ๆ ราวกับลมหนาวที่พัดมาจากส่วนลึกของนรกก็ไม่ปาน
“มีปัญหาอะไร ให้มาลงที่ฉัน! แต่ถ้าเธอยังกล้ามาแตะต้องคนรอบตัวฉันอีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ ต่อให้เป็นคุณหญิงใหญ่เฉิน คนอย่างฉันเฉินตงก็จะสั่งสอนให้รู้เองว่า พวกไม่มีปัญญา แต่อยากวัดรอยเท้าฉัน จุดจบมันจะเป็นยังไง!”
พลั๊ก!
เฉินตงปล่อยมือจากคอเสื้อเฉินหยู่เฟย ปล่อยให้เจ้าหล่อนร่วงลงไปกองกับพื้น ไม่มีความคิดที่จะรักหยกถนอมบุปผาเลยแม้แต่น้อย
ถ้าคนนอกได้มาเห็นฉากนี้ จะต้องตกตะลึงจนคางร่วง กรามหลุดกันอย่างแน่นอน
ซูเปอร์สตาร์สุดฮอตแห่งวงการบันเทิง ถึงกับถูกคนตบตีจนมีสภาพน่าอนาถถึงขนาดนี้เลย?
“เฉินตง แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แกมันก็แค่ลูกสวะของตระกูลเฉิน นายท่านใหญ่อาจจะปกป้องแก แต่ตระกูลเฉินไม่มีวันปล่อยให้แกลอยนวลแน่!”
เฉินหยู่เฟยกัดฟัน แผดเสียงตะโกนอย่างโกรธเคือง: “แกทำให้คุณย่าโกรธ ฉันในฐานะที่เป็นหลานสาว จะล้างแค้นแทนคุณย่ามันก็ถูกต้องแล้วนี่!”
จู่ๆ เฉินตงก็รู้สึกว่า เรื่องนี้ช่างน่าขำสิ้นดีขึ้นมาซะเฉย ๆ
ล้างแค้น?
ใครกันแน่ที่ควรเป็นฝ่ายล้างแค้น?
ในสายตาของเขา เรื่องที่เฉินหยู่เฟยเฆี่ยนตีท่านหลงในครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรกับพฤติกรรมของเด็กเลวจอมอาละวาดคนหนึ่งเลยสักนิด
เป็นเรื่องยากมากที่จะจินตนาการว่า คนที่มีวุฒิภาวะจนถึงวัยยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่ง จะใช้วิธีการสิ้นคิดอย่างนี้ มาเป็นการแก้แค้นใครสักคนได้จริง ๆ
เขาลูบๆจมูก ยกยิ้มเหยียดหยาม: “คำพูดก็อปกันมาเป๊ะเลยนะ ตอนแรกสองพี่น้องเฉินเทียนเซิงกับเฉินเทียนหย่างก็พูดแบบนี้นี่แหละ มาตอนนี้บาดแผลของพวกนั้นหายดีรึยังล่ะ?”
เฉินหยู่เฟยตกใจจนผงะ
ในดวงตาคู่สวย มีหยาดน้ำตารินไหล
เธอกัดฟันอย่างโกรธแค้น : “อย่าลำพองใจไปหน่อยเลย ฉันจะต้องให้แกชดใช้อย่างสาสมแน่!”
“ฉันชดใช้มามากพอแล้วล่ะ”
เฉินตงยิ้มอย่างฝืดฝืน จู่ ๆ ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นอ้างว้างโดดเดี่ยวขึ้นมาอย่างน่าใจหาย: “นับจากวันนี้ไป ฝ่ายที่มันยั่วโทสะฉัน ถึงเวลาที่จะต้องชดใช้คืนให้ฉันบ้างได้แล้ว”
เขาไม่คิดจะเสียเวลากับเฉินหยู่เฟยอีกต่อไป แค่หันหลังกลับ แล้วเดินออกไปทันที
ขณะที่เขาเดินไปพลาง ก็พูดไปพลางว่า: “ครั้งนี้ถือว่าเป็นแค่คำเตือนนะ ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก ก็อย่ามาโทษที่ฉันตัดบัวไม่ไว้ไยล่ะ!”
“แกกล้าเหรอ!”
เฉินหยู่เฟย ผงกหัวขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งดื้อรั้น: “ฉันคือผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน ถ้าแกกล้าแหกกฎของตระกูล ก็เท่ากับว่าแกอยากลงนรกล่ะสินะ!”
เฉินตงรู้สึกประหลาดใจไปครู่หนึ่งทีเดียว
ต้องยอมรับว่าคุณหญิงใหญ่เฉิน โอ๋เฉินหยู่เฟยราวกับอัญมณีในฝ่ามือจริง ๆ นั่นแหละ
ตระกูลเฉินอันสูงส่ง แม้จะแตกต่างจากตระกูลใหญ่อื่น ๆ แต่ก็ยึดถือศาสตร์ในการเอาตัวรอดการต่อสู้แย่งชิงของบรรดาผู้ที่เหมาะสมที่สุด สุดท้ายผู้ชนะ จึงจะได้เป็นราชามาโดยตลอด
แต่ถ้าผู้หญิงคนหนึ่ง คิดอยากได้สิทธิ์ในการขึ้นเป็นผู้สืบทอดตระกูล นับว่าต้องเป็นเรื่องที่ยากมาก ต่อให้เฉินตงจะไม่สืบสาวลงไปให้ลึก ก็รู้ได้ว่ามันต้องยากเย็นราวกับพลิกแผ่นฟ้าเลยทีเดียว
แต่ทั้ง ๆ ที่เป็นอย่างนั้น เฉินหยู่เฟยกลับมีอภิสิทธิ์ที่ว่านี้!
“คุนหลุน นี่คือสิ่งที่นายคิดจะพูดเมื่อกี๊สินะ?”
ขณะที่เดินไปพลาง เฉินตงก็ถามไปพลาง
คุนหลุนมีท่าทางสับสน พยักหน้ารับอย่างจนใจ: “เธอเป็นหนึ่งในสองคน ที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้เป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของตระกูลเฉิน ด้วยสถานะของเธอ การเฆี่ยนตีท่านหลงครั้งนี้ ในสายตาของเธอแล้ว ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย”
“ยังมีอีกคนงั้นเหรอ?” เฉินตงถึงกับตกใจไปชั่วขณะ
มองดูทั้งสามคนที่จากไป
ในห้อง เฉินหยู่เฟยกัดริมฝีปากสีแดงสดของเธอแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและน้ำตาคลอหน่วย
บนใบหน้าอันงดงาม ยังมีรอยนิ้วสีแดงทั้งห้านิ้วเด่นหราชัดเจน
แต่เมื่อพวกเฉินตงทั้งสาม เดินหายไปหลังทางเดินในโรงแรมแล้วนั่นเอง
มุมปากของเฉินหยู่เฟยก็พลันยกโค้งขึ้นโดยพลัน เผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจอย่างยิ่ง
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วปิดประตู
ชั่วเวลานั้น ทั่วทั้งร่างของเธอ คล้ายมีบรรยากาศแห่งความเย็นเยียบจนหนาวเยือกแผ่ไปจนทั่ว
ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกโกรธแค้น ความชิงชังเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง
เฉินหยู่เฟยเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองไปยังอาคารสูงที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม
มีคนรับสายแล้ว
“ถ่ายไว้ได้ทั้งหมดแล้วใช่มั้ย?” เฉินหยู่เฟย ถามคนที่อยู่ปลายสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แล้วหยุดฟังไปราว ๆ สามสี่วินาที
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ยิ่งแสดงความลำพองใจในชัยชนะมากขึ้นเรื่อย ๆ นิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านแก้มที่มีรอยนิ้วประทับไปอย่างช้า ๆ
“ถ้าอย่างนั้น เราก็เริ่มแผนขั้นต่อไปกันได้แล้วล่ะ.…”