เฉินหยู่เฟยน้ำตาไหลริน เธอกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอ
ความไม่เต็มใจและความคับข้องใจที่รุนแรง ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นลูกใหญ่
เธอไม่ลังเลที่จะใช้ชื่อเสียงของเธอเป็นเครื่องเดิมพัน เพื่อต้องการที่จะโค่นเฉินตงลงให้ได้ในคราวเดียว
จุดประสงค์ก็คือต้องการแก้แค้นแทนคุณย่า และทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ตระกูลเฉิน
แน่นอนว่า ความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องต่อรองอย่างดีในการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านของเธอ
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คุณย่าซึ่งรักและเอ็นดูเธอมาโดยตลอด จะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้
อาชีพนักแสดงชื่อดังของเธอ พื้นฐานที่เธอรู้สึกภาคภูมิใจในวงการบันเทิง กลับไม่มีค่าในสายตาของคุณย่าเลยแม้แต่น้อย กลับถูกมองเป็นเพียงแค่อาชีพที่ต้อยต่ำเท่านั้น !
และยิ่งไปกว่านั้น เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ภายใต้กระแสสังคมที่โจมตีเข้ามาเช่นนี้ เฉินตงยังจะสามารถพลิกสถานการณ์ และกลับมาถือไพ่เหนือกว่าได้
การค้นหาที่เป็นรอยมลทิน เป็นการตั้งใจสาดน้ำสกปรกใส่เธอ แต่เรื่องที่เกี่ยวพันถึงตระกูลเฉิน จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องจริง
ทั้งเรื่องที่แต่งขึ้นและเรื่องจริง ประเดประดังเข้ามาที่เธอพร้อมกัน จนยากที่จะต้านทานได้
หน้าตาของตระกูลเฉินยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า ในเมื่อคุณย่าเป็นคนออกมาห้ามปรามด้วยตนเอง นั่นหมายถึงว่าเธอพ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว !
“คุณย่าคะ……หนูไม่เต็มใจเลยจริง”
น้ำเสียงสั่นเครือและมีเสียงสะอึกสะอื้น
น้ำเสียงของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินในสาย ยิ่งฟังดูเย็นชาขึ้นกว่าเก่า
“เธอไม่เต็มใจ ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำสิ แต่ถ้าหากยังคงดื้อดึงจนทำให้หน้าตาของตระกูลเฉินต้องเสียหายแล้วล่ะก็ อย่าหาว่าย่าใจร้ายก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่อาชีพนักแสดงเลย แม้แต่ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินของเธอ ย่าเองก็คงจะต้องยึดคืนกลับมาเช่นกัน !”
“คุณย่า เรื่องนี้เฉินตงเป็นคนทำ เขาเป็นคนทำให้เรื่องเกี่ยวพันไปถึงตระกูลเฉิน แล้วทำไมจะต้องมาเอาผิดกับหนูแบบนี้ด้วย ?”
เฉินหยู่เฟยน้ำตาไหลริน เนื้อตัวสั่นเทา และเธอยังคงไม่ยอมแพ้ : “คุณย่าสนใจหน้าตาของตระกูลเฉินขนาดนี้ แล้วเจ้าบ้านล่ะ ? ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าบ้าน เขาก็ควรยิ่งกังวลเรื่องหน้าตาไม่ใช่หรือ ?”
ปัง !
เฉินหยู่เฟย ตอนนี้แม้แต่คำพูดของย่าเธอก็ไม่เชื่อฟังแล้วใช่ไหม ? ถูกตามใจจนเคยตัว เธออย่าลืมสิว่า ความรักที่เธอได้ฉันเป็นคนมอบให้ !”
น้ำเสียงเย็นชาและไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้แม้แต่น้อย
เฉินหยู่เฟยรู้สึกสิ้นหวังแล้วจริงๆ
เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้น : “ได้ค่ะ……หนู หนูรับปากคุณย่า……”
หลังจากวางโทรศัพท์
เฉินหยู่เฟยก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วปล่อยโฮออกมา
นิสัยของเธอ ประสบการณ์ของเธอ ฐานะของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยต้องแบกรับความคับข้องใจมากมายเช่นนี้มาก่อน
การทุ่มเทอย่างสุดตัว กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาจบลงด้วยวิธีเช่นนี้
เพื่อหน้าตาของตระกูลเฉิน ไม่เพียงแค่เธอต้องยอมรามือเท่านั้น แต่นี่กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเครื่องต่อรอง
แต่เมื่อเป็นคำพูดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เธอเองก็ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง เพราะถ้าหากไม่เชื่อฟัง สิ่งที่ต้องสูญเสียคงจะมากกว่านี้ !
เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
เฉินตงนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ด้วยความอ่อนล้า แล้วใช้มือลูบดั้งจมูกของเขา
เขาไม่สนใจกระแสของสื่อใหญ่ๆ อีกต่อไป
เพราะมันกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว
เขาไม่สนใจหน้าตาของตระกูลเฉินได้ พ่อก็ยอมที่จะไม่สนใจหน้าตาของตระกูลเฉินเพื่อเขาได้ แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังทำไม่ได้ !
คนที่อาศัยอยู่ในตระกูลเฉินมาเกือบร้อยปี คุ้นชินกับการมีหน้ามีหน้าในสังคมของตระกูลมั่งคั่ง จึงเป็นการยากที่จะยอมให้เธอปล่อยวางได้
ในเมื่อปล่อยวางไม่ได้ เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่ท่ามกลางความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้ จึงจำต้องยุติลง
หลังจากนี้ ก็ทำได้เพียงแค่รอให้เฉินหยู่เฟยยอมปลดอาวุธลงและยอมมอบตัว
“คุณชาย……ในที่สุดพวกเราก็ชนะแล้ว” ท่านหลงถอนหายใจยาว เขาเองก็คอยจับตามองกระแสของสื่อหลักใหญ่ๆ ทุกสื่ออยู่เช่นเดียวกัน
“ใช่แล้ว ในที่สุดก็ชนะแล้ว”
เฉินตงหลับตาลง และตอบกลับด้วยความโล่งใจ : “ครั้งนี้ ต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ”
ท่านหลงยิ้มอย่างสบายใจ : “ทั้งหมดเป็นเพราะตัวคุณชายเองต่างหาก วิธีการเช่นนี้ แม้แต่นายท่านและกระผมก็คิดไม่ออกมาก่อน”
“นี่มันเป็นวิธีการแบบไหนกันแน่ ถึงได้กล้าที่จะดึงจักรพรรดิลงมาจากหลังม้าเช่นนี้”
เฉินตงหัวเราะแหยๆ
ถึงแม้จะเอาชนะเฉินหยู่เฟยได้ แต่ชื่อเสียงของตัวเขาเองก็ถูกทำลายไปไม่น้อย
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉินตงให้ความสนใจมากนัก
สิ่งที่เขาใส่ใจจริงๆ ก็คือ ความคิดและความคับข้องใจที่อยู่ในใจของกู้ชิงหยิ่งต่างหาก
คนบนโลกมากมายนับไม่ถ้วน ก็เทียบไม่ได้กับคนคนเดียว
“รอให้เรื่องนี้ยุติลงแล้ว ฉันคงต้องอธิบายให้เสี่ยวหยิ่งฟังอย่างละเอียดสักครั้ง” เฉินตงถอนหายใจเบาๆ “เธอแบกรับความคับข้องใจเอาไว้มากมายขนาดนี้ก็เพื่อฉัน”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นฉินเย่ก็โทรศัพท์เข้ามา น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก
แต่ตระกูลจางและตระกูลฉู่ก็ยังไม่ยอมวางมือ
เตรียมที่จะผลัดดันเรื่องนี้ให้เข้าไปอยู่จุดที่ไม่อาจควบคุมได้ เพื่อให้เฉินหยู่เฟยไปอยู่ในจุดที่ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีก
นี่เป็นสิ่งที่ฉินเย่ต้องการ
เฉินตงเองก็ไม่ได้คัดค้าน ในทางกลับกัน เขาเลือกที่จะสนับสนุน
ตอนที่เฉินหยู่เฟยจัดการกับเขา ก็ไม่เคยคิดที่จะเมตตา
เขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์ หากคนอื่นจัดการกับเขา ไม่มีทางที่หลังจากที่เขาตอกกลับเรียบร้อยแล้ว จะหันไปยืนพูดด้วยความสุภาพว่า “ขอให้บรรลุธรรม” จากนั้นจึงเดินจากไปอย่างสงบ
การจัดการกับศัตรู ก็ควรใช้วิธีการที่เหมาะกับการจัดการศัตรู
เฉินหยู่เฟยไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนกับเฉินเทียนเซิงและเฉินเทียนหย่าง
ตอนนี้หลังจากที่กระแสทุกอย่างกลับตาลปัตรแล้ว เขาต้องการที่จะเห็นเฉินหยู่เฟย ไม่อาจยืนหยัดขึ้นมาได้อีก ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องดี
เพียงแค่ทำลายชื่อเสียงของผู้สืบทอดมรดกคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นการฆ่าผู้สืบทอดมรดกเสียหน่อย เรื่องนี้กฎเกณฑ์ของตระกูลเฉินจึงไม่อาจจัดการอะไรกับเขาได้
เมื่อตกกลางคืน
ความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
เรื่องเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินหยู่เฟย ถูกเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ชาวเน็ตไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทำให้แฟนคลับที่เคยคลั่งไคล้และจงรักภักดีต่อเฉินหยู่เฟยต้องตกตะลึง
คนที่เคยเป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ ตอนนี้กลับพังทลายลง
แต่ทว่า
ความคิดเห็นของประชาชนก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้
ภายใต้การชี้นำของตระกูลจางและตระกูลฉู่ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง และการสร้างแอคเคาท์ปลอมขึ้นมาเพื่อปั่นกระแสในสื่อรายใหญ่ทุกสื่ออย่างไม่ขาดสาย จนเป็นที่มาของกระแสที่ต้องการให้ “เฉินหยู่เฟยลาออกจากวงการบันเทิง”
ตอนที่ข่าวนี้ปรากฏขึ้นบนสื่อรายใหญ่ต่างๆ
เฉินตงก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เฉินหยู่เฟย……ในที่สุดก็อยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“คุณชาย รีบดูเว่ยป๋อเร็วเข้า !”
หลังจากทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ ท่านหลงก็วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเฉินตงด้วยความตื่นเต้น
เฉินตงเปิดเว่ยป๋อดู ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยทันที
การค้นหายอดนิยมเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินหยู่เฟย ไม่รู้ว่าตกลงไปอยู่ในอันดับสองตั้งแต่เมื่อไหร่
และหัวข้อที่ขึ้นมาแทนที่ก็คือ เฉินหยู่เฟยกล่าวขอโทษ !
เขากดเข้าไปดู
ในการค้นหายอดนิยมไม่เพียงแต่จะมีเนื้อหาและภาพประกอบเท่านั้น แต่ยังมีคลิปวิดีโอที่เฉินหยู่เฟยเป็นคนถ่ายด้วยตนเองอีกด้วย
อีกทั้งเนื้อหาในคลิปวิดีโอ ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ตลอดทั้งคลิปวิดีโอ เฉินหยู่เฟยกล่าวขอโทษด้วยน้ำตา ไม่เพียงแค่อธิบายว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น แต่ยังมีการประกาศทั้งน้ำตาด้วยว่าจะลาออกจากวงการบันเทิงไปตลอดกาล”
การลาออกจากวงการบันเทิง เป็นสิ่งที่เฉินตงคาดการณ์เอาไว้แล้ว และเป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการให้เกิดขึ้น
แต่การที่เฉินหยู่เฟยออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่า เรื่องในคืนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถือเป็นการช่วยล้างมลทินให้เขาทั้งหมดโดยไม่ต้องสงสัย
ในที่สุด คนที่เป็น “ผู้เสียหาย” ของเรื่องนี้ ก็ออกมาพูดด้วยตัวเอง !
บนโลกอินเทอร์เน็ต แม้ว่าจะมีผู้ไม่หวังดี แต่ก็ไม่อาจจะหาประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อีกแล้ว
“เฮ้อ……”
เฉินตงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา แล้วเด้งตัวลุกขึ้น จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องหนังสือไป
“คุณชาย จะไปไหนหรือครับ ?”
ท่านหลงผงะไปชั่วขณะ เขาบอกข่าวเรื่องนี้กับเฉินตง เพื่อให้เฉินตงรู้สึกยินดี
แต่ท่าทางร้อนรนของเฉินตงในตอนนี้ มองไม่ออกเลยว่ารู้สึกยินดี
“ฉันจะไปอธิบายให้เสี่ยวหยิ่งฟัง หากมีคลิปวิดีโอนี้ จะต้องทำให้เธอสามารถคลายปมในใจได้แน่นอน”
เฉินตงดีใจเหมือนเด็กๆ เขาบิดขี้เกียจด้วยความอ่อนล้า : “ในที่สุดคืนนี้ก็นอนหลับสนิทได้เสียที ไม่ต้องนอนที่โซฟาอีกแล้ว”