Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 296 ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงแค่คุณเท่านั้น

ภายในห้องนอน แสงไฟสลัวๆ

มีเพียงแค่โคมไฟตรงหัวเตียงเท่านั้น ที่ส่องแสงสลัวๆ อยู่

กู้ชิงหยิ่งยังคงนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง ใบหน้าที่อ่อนล้าและซีดเซียวของเธอ กลับไม่เผยให้เห็นความง่วงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง

ท่าทีที่ดูหงอยเหงา โศกเศร้า จนทำให้รู้สึกสงสาร

อันที่จริงแล้ว ตลอดระยะเวลาสามวันมานี้ เธออยู่ในท่าทีเช่นนี้แทบจะทั้งคืน

เธอกำลังข่มอารมณ์ กำลังควบคุมอารมณ์ และกำลังอดกลั้น

เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น สำหรับเฉินตงแล้ว ถือเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส

ในเวลาเช่นนี้ หากเธอไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ คงจะทำให้เฉินตงต้องรู้สึกสิ้นหวังเพิ่มขึ้นก็เท่านั้น

หากแม้กระทั่งภรรยาของเขาเองก็ไม่ช่วยเหลือเขา แล้วจะมีใครช่วยเหลือเขาอีก ?

เธอเป็นภรรยาของเฉินตง ด้วยเหตุผลที่มีอยู่ ทำให้เธอรู้ดีว่า ตอนนี้เธอควรจะยืนอยู่ข้างหลังเฉินตงอย่างเงียบๆ และคอยสนับสนุน !

เธอรู้ดีว่าเฉินตงมีทุกวันนี้ได้อย่างไร

ระหว่างทางไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียหยาดเหงื่อเท่านั้น แต่ถึงขั้นต้องสูญเสียเลือดเนื้อด้วย

เธอรักเฉินตง ดังนั้นจึงเต็มใจที่จะรอคอยอย่างยากลำบากเป็นเวลาสามปี

ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะแทงข้างหลังผู้ชายที่ตนเองรัก ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ และทำให้เฉินตงต้องสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

กู้ชิงหยิ่งทำไม่ลงจริงๆ !

เธอรู้นิสัยของเฉินตงดี แต่เรื่องที่เฉินหยู่เฟยเปิดเผยออกมานั้น มีอานุภาพแข็งแกร่งดุจภูเขา

เธอไม่อยากนึกสงสัย แต่เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง และเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกเช่นนี้

อารมณ์ที่ขัดแย้งกันไปมา เป็นเหมือนกับดาบแหลมคม ที่ค่อยๆ ทิ่มแทงทุกโสตประสาทของเธอ จนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

คำสัญญาที่เฉินตงเคยให้ไว้กับเธอ ยังคงดังก้องอยู่ในหู

สิ่งที่เขาพูดในตอนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงหรือไม่ ?

ความคิดเช่นนี้ เอาแต่วนเวียนอยู่ในหัวของกู้ชิงหยิ่งไม่หยุด

แอ๊ด !

ประตูเปิดออก

กู้ชิงหยิ่งยังคงนิ่งเฉย

เพราะเธอรู้ดีว่า สองสามวันมานี้ คนที่จะเข้ามาในห้องของเธอ นอกจากฟ่านลู่แล้ว ก็มีเพียงแค่เฉินตงเท่านั้น

อีกทั้งตอนนี้ ฟ่านลู่ไม่มีทางที่จะมาที่ห้องของเธอแน่นอน

“เสี่ยวหยิ่ง……”

เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่บนเตียง เฉินตงก็รู้สึกสงสารจับใจ

เขาเดินไปที่เตียงด้วยความรู้สึกผิด แล้วคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นออกมา : “ขอบคุณนะ !”

“ฉันไม่เป็นไร คุณไปจัดการธุระของคุณเถอะ” กู้ชิงหยิ่งหันมองเฉินตงแล้วฝืนยิ้มออกมา

แต่ทว่าดวงตาที่เต็มใบด้วยเส้นเลือดสีแดงก่ำ และใบหน้าที่อิดโรย กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดเชือดเฉือนที่หัวใจ

แต่ไหนแต่ไรมา กู้ชิงหยิ่งงดงามที่สุด !

เป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

เผียะ !

เฉินตงตบหน้าตัวเองทันที

เป็นการออกแรงอย่างสุดกำลัง

กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสี : “คุณทำอะไร ?”

ในขณะที่กำลังอุทานด้วยความตกใจอยู่นั้น เธอก็รีบยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของเฉินตงเบาๆ

ถึงกระทั่ง รอยนิ้วมือสีแดงก็บวมเป่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษนะที่หลายวันมานี้ ทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้” เฉินตงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

เขารับปากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เอาไว้ว่าจะทำให้เธอมีความสุข !

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ” กู้ชิงหยิ่งลูบใบหน้าของเฉินตงด้วยความสงสาร พลางส่ายหัวและพูดออกมา

ทันใดนั้น

เฉินตงก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้กู้ชิงหยิ่ง

“พวกเราชนะแล้ว !”

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เขาก็ใช้นิ้วโป้งขวาของเขากดเข้าไปในคลิปวิดีโอกล่าวขอโทษของเฉินหยู่เฟย

กู้ชิงหยิ่งเหม่อลอยไปทันที

เธอไม่สนใจติดตามสื่อต่างๆ มาหลายชั่วโมงแล้ว

หลังจากเสียงกล่าวขอโทษของเฉินหยู่เฟยดังขึ้นจากคลิปวิดีโอ

ร่างกายอันบอบบางของกู้ชิงหยิ่งก็สั่นเทา มืออันเรียวงามของเธอที่ลูบอยู่บนใบหน้าของเฉินตงก็ค่อยๆ ร่วงหล่น

เธอรับโทรศัพท์ไป แล้วจ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

ดวงตาของเธอค่อยๆ เลือนราง มีน้ำตาหยดใสๆ ราวกับคริสทัลไหลรินลงมา

ส่วนร่างกายของเธอก็ยังคงสั่นเทาอยู่เล็กน้อย

หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายจากเฉินหยู่เฟย เกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้นทั้งหมดจากคลิปวิดีโอ

ก็มีหยดน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาทั้งสองข้างของกู้ชิงหยิ่ง

ร่างกายของเธอยิ่งสั่นเทามากยิ่งขึ้น

แต่เธอยังคงฝืนดูคลิปวิดีโอจนจบ

ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินตงแอบมองดูอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา

เขาไม่รีบร้อน

ก็เพียงแค่ได้รับการให้อภัยจากกู้ชิงหยิ่ง สามารถแก้ปมที่ขมวดอยู่ในใจของเธอได้ ต่อให้ต้องใช้เวลานานกว่านี้ เขาก็ยินดีที่จะรอ

ในที่สุด

คลิปวิดีโอก็จบลง

บรรยากาศภายในห้องกลับไปเงียบสงบเหมือนเดิม

กู้ชิงหยิ่งยังคงไม่ขยับเขยื้อน น้ำตาของเธอไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย

เฉินตงหยิบทิชชูขึ้นมา แล้วค่อยๆ ซับน้ำตาให้กับกู้ชิงหยิ่ง พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า : “อันที่จริงแล้ว……”

“ฮือ~”

ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังออกมา

ภาพนี้ทำให้เฉินตงตกใจจนนิ่งไป

ยังไม่ทันจะรอให้มีปฏิกิริยาตอบโต้

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็โผเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินตง แล้วร้องไห้เสียงดังออกมาทันที

“ฮือฮือฮือ……เจ้าคนบ้า เจ้าคนโง่ ฉันรู้อยู่แล้วว่า ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ฮือฮือฮือ…… คุณรู้ไหม สองสามวันมานี้ ฉันทุกข์ทรมานใจแค่ไหน ? ฮือฮือฮือ…… คุณรู้ไหม สองสามวันมานี้ฉันแทบจะทรุดลงไปหลายครั้งแล้ว……”

ฟังเสียงร้องดังลั่นของกู้ชิงหยิ่ง

รับรู้ถึงอาการสั่นเทาของร่างกายที่อยู่ในอ้อมแขน

ทำให้ความคิดในหัวของเฉินตงหายไปในทันที

เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาหลอมละลาย

เขาค่อยๆ กอดกู้ชิงหยิ่ง แล้วใช้มือขวาตบหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ

และพูดปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นว่า : “เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ ทุกอย่างจบลงแล้ว”

เขารู้ดีว่า ภาพของกู้ชิงหยิ่งที่ร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็กที่ปรากฏขึ้นตรงหน้านี้ เป็นผลมาจากอารมณ์ที่ระเบิดออกมาจากการอดทนอดกลั้นเอาไว้จนถึงขีดสุด

มีเพียงแค่การปลดปล่อยอารมณ์ออกมาทั้งหมดเท่านั้น ถึงจะทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้

“ฮือฮือฮือ……”

ขณะที่กู้ชิงหยิ่งร้องไห้อยู่นั้น เธอก็กำหมัดทุบที่หน้าอกของเฉินตงไปพลาง

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น เขาพูดปลอบประโลมกู้ชิงหยิ่งไปพลาง และตบหลังของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ ไปพลาง โดยไม่ได้สนใจหน้าอกที่ถูกทุบตีอยู่เลย

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ

ภายในห้องนอน ก้องกังวานไปด้วยเสียงร้องไห้ของกู้ชิงหยิ่ง

ความเก็บกดและความคับข้องใจตลอดระยะเวลาสามวัน ความชัดเจนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งปลดปล่อยอารมณ์ออกมาหมดสิ้น

เสียงร้องค่อยๆ เบาลง

กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ ผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนของเฉินตง ดวงตาของเธอแดงก่ำและบวมเป่ง เธอหันมองเสื้อที่เปียกชื้นของเฉินตงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“ฉันทำคุณเปียกหมดแล้ว”

เฉินตงก้มหน้าลงไปมองเสื้อที่เปียกโชกอยู่ จากนั้นจึงยิ้มแล้วยักไหล่ : “ใช่แล้ว เปียกพอดูเลย”

ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งแดงก่ำ จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าคำพูดนี้ฟังดูคลุมเคเครือเล็กน้อย

เธอรีบแย่งทิชชูที่อยู่ในมือของเฉินตงมา และเช็ดน้ำตาจนแห้งสนิท

“เวลาฉันร้องไห้คงจะน่าเกลียดมากใช่ไหม ? เหมือนกับเด็กขี้แย คุณจะรังเกียจฉันไหม ?”

“สำหรับผมแล้ว คุณเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่จะต้องคอยทะนุถนอมเอาไว้ในมืออยู่ตลอดเวลา”

เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน มีภรรยาแบบนี้ จะรู้สึกรังเกียจได้อย่างไร ?

กู้ชิงหยิ่งกลอกตา แล้วพูดตัดพ้อว่า : “ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย ใครจะไปรู้ว่าคุณจะไม่พูดกับผู้อีกคนอื่นแบบนี้ด้วย”

เฉินตงรีบปฏิญาณตนในทันที : “ผมขอสาบานกับฟ้า ถ้าหากผม……”

ยังไม่ทันจะพูดออกมา

กู้ชิงหยิ่งก็ยกมืออันเรียวงามของเธอขึ้นมาปิดปากเฉินตงเอาไว้ทันที แล้วพูดอย่างจริงจังว่า : “ฉันไม่ต้องการให้คุณสาบาน ฉันแค่อยากรู้ว่า คุณจะไม่ทรยศต่อความรักที่ฉันมีให้ต่อคุณก็พอ”

เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน

“รีบนอนเถอะ”

กู้ชิงหยิ่งพูดขึ้นเบาๆ

เฉินตงถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง ในที่สุดทุกอย่างก็จบสิ้นลงเสียที

ไฟดวงเดียวที่เปิดอยู่ถูกปิดลง

ภายในห้องนอนมืดสนิท

อาจเป็นเพราะการปลดปล่อยอารมณ์และการร้องไห้อย่างรุนแรงเมื่อครู่

ทำให้กู้ชิงหยิ่งหลับไปในอ้อมแขนของเฉินตงอย่างรวดเร็ว

เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่คงที่และผ่อนคลายของกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ในอ้อมแขน

เฉินตงก็เผยรอยยิ้มอันแสนหวานออกมาภายใต้ความมืด

เขาค่อยๆ ก้มหน้าลง แล้วบรรจงจูบลงไปที่หน้าผากของกู้ชิงหยิ่ง

“ที่รัก ขอบคุณนะ ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงแค่คุณเท่านั้น”

ดูเหมือนว่าการจูบจะรบกวนการนอนหลับลึกของกู้ชิงหยิ่งเข้า

กู้ชิงหยิ่งส่งเสียงครางออกมาแล้วพลิกตัว จากนั้นจึงมุดหัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเฉินตงเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆ

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset