Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 297 ผู้หญิงร้ายกาจ!

ไม่มีคำพูดจาใดๆ ตลอดทั้งคืน

คืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกู้ชิงหยิ่งหรือเฉินตง ต่างก็นอนหลับสนิทและหลับลึกเป็นพิเศษ

ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน

ทั้งสองต้องแบกรับความกดดันที่คาดไม่ถึงเอาไว้

ตอนนี้ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้สึกผ่อนคลายลง

เช้าตรู่

ฟ่านลู่เตรียมอาหารมื้อเช้ามื้อใหญ่อย่างมีความสุข

เธอรู้ดีว่า สองสามวันมานี้ ไม่มีใครสักคนในบ้าน ที่ได้รับประทานอาหารอย่างเป็นสุขเลย

ตอนนี้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว ถึงเวลาที่เธอควรจะต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับทุกคนแล้ว

คุนหลุนกับท่านหลงลงมาชั้นล่างแทบจะพร้อมกัน

เมื่อเห็นอาหารเช้าที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ท่านหลงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง : “ลำบากเสี่ยวลู่แล้ว รู้ว่าช่วงนี้ทุกคนไม่ได้กินข้าวอย่างเป็นสุข วันนี้จึงได้เตรียมอาหารอันโอชะมากมายขนาดนี้”

“ท่านหลงกล่าวเกินไปแล้ว สองสามวันมานี้เห็นทุกคนต่างร้อนใจ ฉันเองก็พลอยร้อนใจไปด้วย แต่ฉันก็ทำได้เพียงแค่ทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ เพื่อคอยสนับสนุนด้านปากท้องเท่านั้น” ฟ่านลู่พูดด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย

สองสามวันมานี้ทุกคนต่างวิ่งวุ่นด้วยเรื่องของเฉินตง

ส่วนเธอทำได้เพียงแค่มองดู สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

ชีวิตของเธอในตอนนี้ เฉินตงเป็นผู้มอบให้ เฉินตงเองก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นเพียงแค่พี่เลี้ยงเลย มีใครสักกี่คนที่จะสามารถทำได้เช่นนี้ ? ความเมตตาเหล่านี้ ฟ่านลู่จดจำได้อย่างชัดเจนอยู่เสมอ

และด้วยเหตุนี้ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

“การสนับสนุนด้านปากท้อง ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกันนี่”

คุนหลุนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายใจ แล้วหยิบปาท่องโก๋ใส่เข้าปาก

“ฮ่าฮ่า……นับวันคุนหลุนจะยิ่งรู้จักพูดมากขึ้นนะ” ท่านหลงยิ้มแล้วนั่งลง

แต่ฟ่านลู่กลับหันไปมองคุนหลุนอย่างตำหนิ : “คุณเฉินกับคุณหนูกู้ยังไม่ลงมาเลยนะ ทำไมคุณถึงรีบกินก่อน ?”

“ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวลู่ เกรงว่าหากยังไม่ถึงเที่ยง คุณชายกับคุณผู้หญิงคงจะยังไม่ลงมาง่ายๆ” ท่านหลงออกปากแทนคุนหลุน

ฟ่านลู่ผงะไป แล้วไปหน้าอันงดงามของเธอก็แดงก่ำ

ฟ่านลู่เหลือบไปมองคุนหลุนที่กำลังตกตะลึงและคาบปาท่องโก๋เอาไว้ในปาก จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจว่า : “กินๆ ไปเถอะ อันที่จริงแล้วก็เตรียมเอาไว้ให้คุณนั่นแหละ”

คุนหลุนยิ้มและทานอาหารต่ออย่างเอร็ดอร่อย

ท่านหลงยิ้มแล้วมองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า จากนั้นจึงกินอาหารเช้าต่ออย่างเงียบๆ

“พี่เสี่ยวลู่ ทำของอร่อยไว้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ ?”

น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความประหลาดใจเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทั้งสามหันไปมองพร้อมกัน เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกำลังเดินจูงมือกันลงมาชั้นล่าง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

ทั้งสามตกตะลึงไปพร้อมกัน

จากนั้น คุนหลุนและฟ่านลู่ก็หันไปมองท่านหลงโดยพร้อมเพรียงกัน

ไหนบอกว่าตอนเที่ยงถึงจะลงมาไม่ใช่หรือ ?

เมื่อรับรู้ถึงสายตาของทั้งสองคนที่มองมา ท่านหลงก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย

ท่านหลงกระแอมออกมาหนึ่งครั้ง แล้วพูดว่า : “เสี่ยวลู่ ยังไม่รีบไปเตรียมถ้วยกับตะเกียบให้คุณชายกับคุณผู้หญิงอีก”

ขณะที่พูด เขาก็ลุกขึ้นแล้วหันไปหาเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง

“คุณชาย คุณผู้หญิง ทำไมถึงลงมาเช้าขนาดนี้ล่ะครับ ?”

“ตื่นแล้วก็ลงมาสิ” เฉินตงพูดอย่างไม่พอใจ

ใบหน้าของท่านหลงยิ่งแดงก่ำมากขึ้น เขาแอบถอนหายใจ มาตกม้าตายเอาตอนแก่เสียแล้ว

บรรยากาศอาหารเช้าไม่อึมครึมเหมือนช่วงก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เฉินตงก็ยังไม่คิดที่จะเข้าบริษัททันที

แต่เขากลับพากู้ชิงหยิ่งไปเดินเล่น

งานของเขายุ่งมาก ยุ่งจนกระทั่งเท้าแทบจะไม่ได้แตะพื้นดิน เขาจึงไปไหมมาไหนกับกู้ชิงหยิ่งน้อยครั้งมาก

ถึงแม้ว่ากูชิงหยิ่งจะยุ่งอยู่กับกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ในฐานะสามีภรรยา ก็ควรที่จะมีเวลาอยู่ร่วมกันบ้าง

ถึงแม้เหตุการณ์ในครั้งนี้ เฉินหยู่เฟยเกือบจะทำให้เฉินตงเดินไปถึงทางตัน

แต่หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว บริษัททั้งหมดที่อยู่ในมือของเฉินตงก็ยังไม่อาจกลับมาดำเนินการเป็นปกติได้ในทันที นั่นทำให้เฉินตงมีเวลาที่จะอยู่เป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่งเพิ่มขึ้น

โอกาสเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ จึงต้องเห็นคุณค่าให้มาก

ส่วนกระแสสังคมในโลกอินเทอร์เน็ต เฉินตงไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว

ทั้งเรื่องที่แต่งครึ่ง และเรื่องจริงที่เข้าโจมตีเป็นระลอก ก็เพียงพอที่จะเอาชนะเฉินหยู่เฟยได้แล้ว

คลิปวิดีโอกล่าวขอโทษของเฉินหยู่เฟย ก็ทำให้เกิดกระแสบนโลกอินเทอร์เน็ตเช่นกัน

แนวโน้มของความคิดเห็นที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของฉินเย่ กับตระกูลจางและตระกูลเฉิน ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถประมาณการได้

ในการต่อสู้ครั้งนี้ เฉินหยู่เฟยได้รับบาดเจ็บมากขนาดไหน เฉินตงเองก็ไม่คิดที่จะสนใจ

เขาเอาชนะได้แล้ว

ความเข้าใจผิดที่มีกับกู้ชิงหยิ่งก็คลี่คลายลงแล้ว

นี่ก็เพียงพอแล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามมาอีก

พวกเขาขับรถปอร์เช่ 911 ของกู้ชิงหยิ่งเข้าไปที่ศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

ที่นี่คือศูนย์การค้าครบวงจร CBD ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับยี่เคอกรุ๊ป

ซึ่งมีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่กินหรือที่เที่ยวเล่นสนุกสนาน

มีผู้คนในเมืองนี้หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากทุกวัน

หลังจากจอดรถในลานจอดรถเรียบร้อยแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็ลากเฉินตงออกไปด้านนอกศูนย์การค้า

“เสี่ยวหยิ่ง ที่นี่มีลิฟต์ สามารถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าโดยตรงได้” เฉินตงทำหน้างุนงง

“ไม่เอา จะเข้าทางประตูใหญ่ คุณบอกฉันเองว่าจะเดินเล่นเป็นเพื่อนฉัน ดังนั้นต้องเชื่อฟังฉัน วันนี้คุณต้องเดินกับฉันให้ครบทุกร้าน ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างมีความสุข

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มอย่างมีความสุขในรอบหลายวัน

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เฉินตงก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน และไม่ซักถามให้มากความอีก

ประตูใหญ่ของศูนย์การค้า มีผู้คนจำนวนมากเดินผ่านไปมา

กู้ชิงหยิ่งผายมือทั้งสองข้างออก แล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เธอยิ้มอย่างสบายใจ แล้วพึมพำว่า : “ไม่ได้เดินเล่นนานแล้ว คนโง่ วันนี้จะลงโทษคุณด้วยการซื้อของที่นี่ทั้งหมด……”

“ไม่ดีมั้ง ?”

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

กู้ชิงหยิ่งหันเหลือบมองเฉินตงด้วยท่าทีประหลาดใจ : “คุณเป็นคนรับปากเองนะ ห้ามเสียใจทีหลังเด็ดขาด”

“ก็ได้”

เฉินตงยิ้มอย่างจนใจ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ภาพที่เห็นทำให้กู้ชิงหยิ่งผงะไป : “คุณจะทำอะไร ?”

“คุณบอกให้ผมซื้อที่นี่ให้คุณไม่ใช่หรือ ?”

เฉินตงค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของท่านหลงไปพลาง ตอบกลับไปพลาง : “ดูเหมือนว่าจะไม่เคยให้อะไรคุณเลย ห้างสรรพสินค้านี้ ถือเสียว่ามอบให้คุณเป็นของขวัญก็แล้วกัน ถึงแม้จะดูอวดร่ำอวดรวยไปหน่อย แต่ขอแค่คุณมีความสุข ถึงต้องอวดรวยก็ไม่เป็นไร”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันที

คนโง่นี่……

เมื่อเห็นเฉินตงยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

เผียะ !

กู้ชิงหยิ่งตบหน้าผากของเฉินตงหนึ่งครั้งด้วยความหงุดหงิด : “คุณบ้าไปแล้วหรือยังไง ? ฉันแค่จะให้คุณซื้อกระเป๋า ซื้อเสื้อผ้าให้ฉัน ไม่ใช่ซื้อห้างสรรพสินค้าแห่งนี้”

“ร้านพวกนั้นนะหรือ ?” เฉินตงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมจะให้ท่านหลงกับคุนหลุนมาช่วยตรวจนับแล้วเหมากลับไปให้หมด”

กู้ชิงหยิ่งกระทืบเท้าด้วยความโมโห : “มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ? ตามฉันมา เจ้าคนโง่ !”

ขณะที่พูด เธอก็จูงมือของเฉินตง แล้วเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างรวดเร็ว

เดิมทีเฉินตงคิดว่าการเดินเล่นเป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่งหนึ่งวัน ต่อให้ต้องเหนื่อยสักหน่อยก็มีความสุขมากอยู่ดี

เพราะอย่างไรเสีย ประสบการณ์ในการเดินเล่นเป็นเพื่อนผู้หญิง เขาเองก็ต้องประสบพบเจอมาตลอดสามปี ในขณะที่ใช้ชีวิตร่วมกับหวางหนันหนัน

แต่ทว่า หลังจากเดินเป็นเพื่อนไปได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เฉินตงก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงเสียแล้ว

แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ดูร่าเริงและมีความสุขของกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงก็กัดฟันและพยายามเดินต่อไป

ยอมทุกอย่างเพื่อที่จะให้ภรรยามีความสุข

เดินเป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่งไปทีละชั้นๆ และทีละร้านๆ

ราวกับเป็นการทำความสะอาดที่ครบทุกซอกทุกมุมจริงๆ

เฉินตงเองก็กลายเป็นเหมือนพนักงานขนย้าย เดินตามหลังกู้ชิงหยิ่งมาโดยมีของทั้งถุงเล็กถุงใหญ่อยู่ในมือ และทำท่าทางเหมือนกลไกอัตโนมัติซ้ำไปซ้ำมา

ชอบ ?

รูดบัตร !

ร้านต่อไป !

สองชั่วโมงต่อมา

เฉินตงไม่อาจทนฝืนได้อีกแล้ว เขาให้กู้ชิงหยิ่งเดินเข้าไปในร้านค้าด้วยตัวเอง ส่วนเขาก็นั่งพักผ่อนอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอกทางเดิน

เฉินตงวางผลงานของกู้ชิงหยิ่งลง จากนั้นจึงเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าผาก แล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบ

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง มีผู้ชายกำลังอุ้มลูกสุนัขด้วยความเป็นห่วง เพราะมันกำลังน้ำลายฟูมปากอยู่

เฉินตงพูดอย่างเป็นกันเอง : “พี่ชาย สุนัขตัวนี้น้ำลายฟูมปากแล้ว ต้องรีบพาไปส่งโรงพยาบาลสัตว์”

“ไม่เป็นไร”

ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างคนนั้น โบกมืออย่างไม่แยแสนัก ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ แล้วพูดว่า : “น้องชายอายุยังน้อย เลยยังไม่เข้าใจ สุนัขของฉันเดินเล่นเป็นเพื่อนภรรยาฉันจนเหนื่อย อีกเดี๋ยวมันก็คงจะหายดี”

เฉินตง : “……”

เขารู้สึกตกใจมาก

จากนั้นจึงหันมองสุนัขที่น้ำลายฟูมปากด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

ผู้หญิง……ร้ายกาจจริงๆ !

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset