Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 300 ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

โรงแรมคาร์ลตัน

โรงแรมระดับสี่ดาวแห่งหนึ่ง

ถึงแม้บรรยากาศโดยรอบ การตกแต่ง และการบริการต่างๆ ล้วนไร้ที่ติ แต่เมื่อเทียบกับโรงแรมระดับห้าดาวอย่างโรงแรมไท่ซาน อย่างไรเสียก็ยังขาดไปหนึ่งดาวอยู่ดี

ต่างกันเพียงหนึ่งดาว ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดินแล้ว !

เฉินตงคิดไม่ถึงเลยว่า คนคนนั้นจะยอมเข้าพักโรงแรมเช่นนี้ได้

หลังจากจอดรถเสร็จ เฉินตงก็ค่อยๆ เดินเข้าโรงแรมด้วยท่าทีเคร่งขรึม

เขาไม่รู้ว่าทำไมคนคนนั้นถึงมาในเวลานี้ แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาพบหน้า

ยิ่งไปกว่านั้น ก็เป็นการทำเพื่อมารดาผู้ล่วงลับ

ติ๊งต่อง !

ประตูลิฟต์เปิดออก

เฉินตงเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วเดินไปตามทางเดิน จนพบเข้ากับห้องชุดหมายเลข99999

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เพียงครู่เดียว ประตูก็เปิดออก

คนที่เปิดประตูก็คือหลี่เต๋อซาน หลังจากที่พบกันที่เมืองหลวงเมื่อคราวก่อน ดูเหมือนว่าตอนนี้หลี่เต๋อซานจะซีดเซียวลงไปไม่น้อย ดูมีความเฉียบแหลมน้อยลงจากวันที่พบกับเฉินตงวันนั้นมาก

“มาแล้วหรือ ?”

หลี่เต๋อซานหลีกทางให้ด้วยท่าทีเรียบเฉย : “เชิญเข้ามาข้างใน”

เฉินตงเดินเข้าไปในห้อง มีกลิ่นไม้จันทน์ลอยเตะจมูก

มีเสียงสวดมนต์ดังก้องกังวานไปทั่วห้อง

ในห้องรับแขก มีคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ซึ่งสวมใส่เสื้อคลุมสีเทานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ในมือถือลูกประคำ แล้วปิดตาพึมพำอยู่

“คุณเริ่มเชื่อในพระพุทธศาสนาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”

เฉินตงหลุดขำออกมา รู้สึกว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องน่าขำ

ตระกูลหลี่ที่เห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง กล้ากินเลือดกินเนื้อคน

แต่คุณท่านใหญ่ของตระกูลหลี่ผู้ซึ่งกุมอำนาจอยู่ กลับเชื่อในพระพุทธศาสนา ?

คุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ ?

“เงียบก่อน รอให้เจ้าบ้านสวดมนต์เสร็จ แล้วจะมาพูดกับนายเอง”

หลี่เต๋อซานพูดด้วยนำเสียงเคร่งขรึม หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเมืองหลวง พ่อที่เคร่งครัดและจริงจังของเขา ก็ดูจะมีความเมตตาขึ้นมาก

และในขณะเดียวกัน ก็มีการสวดมนต์เพิ่มเข้ามาเป็นกิจวัตรประจำวัน

ตอนนี้ ในขณะที่คุณท่านใหญ่สวดมนต์ ห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวน ได้กลายเป็นกฎเกณฑ์ของตระกูลหลี่ไปเสียแล้ว

“อ่อ ถ้าเช่นนั้นผมคงไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”

เฉินตงหันหลังและเตรียมจะเดินจากไป

“นาย……” หลี่เต๋อซานทำสีหน้าบึ้งตึงด้วยความโมโห

“เดี๋ยวก่อน !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ซึ่งกำลังปิดตาสวดมนต์อยู่ ได้ลืมตาขึ้นมา แล้วตะโกนเรียก : “อย่างไรเสียฉันก็เป็นปู่ของนาย หรือแม้กระทั่งความอดทนในการรอคอยเช่นนี้ นายก็ไม่มีเลยหรืออย่างไร ?”

“ความอดทนผมมีให้เฉพาะคนที่ผมรู้สึกว่าสมควรจะได้รับ ซึ่งคุณไม่ใช่หนึ่งในนั้น”

ท่าทีของเฉินตงเย็นชา เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดกับแม่มานานกว่ายี่สิบปี ความชั่วร้ายต่างๆ นานาที่ตระกูลหลี่ทำไว้กับแม่ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่วันนั้น

ชาตินี้เขาไม่มีวันลืมได้ลง !

เขาไม่ใช่คนลังเล เขาถือคติที่ว่า หากคุณให้สิ่งมีค่ากับฉันมา ฉันก็จะตอบแทนสิ่งมีค่าให้กับคุณ

ความอดทนที่มากที่สุดที่เขาจะมอบให้ตระกูลหลี่ได้ก็คือ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องข้องเกี่ยวกัน

แต่ถ้าหากคิดที่จะเข้ามาใกล้ชิดเพราะเหตุผลของความสัมพันธ์ทางสายเลือด เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน !

“เฮ้อ……”

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ถอนหายใจออกมา เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและปิดเสียงบทสวดมนต์ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฉินตง พลางนับลูกประคำไปด้วย : “ครั้งนี้ที่มา ก็มาเพื่อแม่ของนาย”

เฉินตงเหลือบไปมองคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ในตอนนี้ ทำให้คนที่พบเห็นเกิดความรู้สึกหดหู่ ร่างกายของเขาดูซีดเซียวลงไปมาก ถึงขั้นที่ทำให้ใบหน้าของเขา ดูไม่น่าเกรงขามอย่างเช่นแต่ก่อนอีกต่อไป

จะว่าไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นไม่เมืองหลวง ก็คงส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อย !

ในใจของเฉินตงคิดถึงคำพูดของแม่สองคำ ในที่สุดจึงสงบสติอารมณ์ลง และนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ

ภาพนี้ทำให้หลี่ต๋อซานรู้สึกตกใจ และโมโหมากยิ่งขึ้น

คนที่ดื้อรั้นและอกตัญญูเช่นนี้ ทำไมพ่อถึงตัดเขาไม่ลงเสียที ?

ผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ถึงสองคน แต่เขากลับนั่งลงก่อน ช่างไร้มารยาทสิ้นดี !

“เต๋อซาน ชงชามา”

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ไม่ได้ถือสา เขานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ เฉินตง

“พ่อครับ……” หลี่เต๋อซานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

แต่หลังจากที่คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่เหลือบไปมอง แล้วพูดว่า “อืม” เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาชงชาทันที

“พูดมาสิ มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับแม่ของผม”

เฉินตงพูดขึ้นอย่างสงบ เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

ถึงแม้แม่จะล่วงลับไปแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวกับแม่ ในฐานะที่เขาเป็นลูก จะไม่สนใจก็คงไม่ได้

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ไม่ได้รีบร้อน ใบหน้าที่แก่ชราของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ก็ยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นอยู่ตลอดเวลา

หลังจากที่หลี่เต๋อซานวางน้ำชาลงบนโต๊ะแล้ว เขาก็ค่อยๆ พูดขึ้นว่า : “แม่ของนายจากไปแล้ว แต่อย่างไรเสียแม่ของนายก็เป็นคนของตระกูลหลี่……”

“เธอไม่ใช่คนตระกูลหลี่ของคุณตั้งนานแล้ว”

เส้นเลือดบริเวณหางตาของเฉินตงปูดโปนขึ้นมา ในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น : “แม่ของผมเป็นคนของตระกูลเฉิน”

“เหอะๆ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่หัวเราะออกมาอย่างไม่แยแส เขานับลูกประคำไปพลาง พูดไปพลาง : “แต่อย่างไรเสีย เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของแม่นายก็คือเลือดของฉัน เธอยังคงใช้แซ่หลี่อยู่”

“แล้วยังไง ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่จางหายไป กลายเป็นความเงียบเหงาและเศร้าหมองเข้ามาแทนที่

“อันที่จริงแล้ว ฉันน่าจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่แม่ของนายถูกฝัง แต่ตอนนั้นนายกับพ่อมีสภาพจิตใจและอารมณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉันจึงได้แต่อดกลั้นเอาไว้”

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่มองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง : “แม่ของนายเป็นคนของตระกูลหลี่ เกิดมาก็เป็นคนของตระกูลหลี่ ตายไปก็เป็นวิญญาณของตระกูลหลี่ สิ่งที่เคยทำกับเธอทั้งหมดในตอนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของฉันเอง แต่ตอนนี้เธอได้ตายจากไปแล้ว เพื่อชดเชยความผิดพลาดตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาของฉัน ฉันอยากให้นำแม่ของนายมาไว้ในศาลบรรพชนของตระกูลหลี่ เพื่อรับการสักการะจากตระกูลหลี่ ซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน”

ที่มาไกลถึงที่นี่ ก็เพื่อที่จะมาพูดเรื่องนี้ ?

เฉินตงมองดูคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ด้วยท่าทีที่สงบ และไม่พูดอะไร

เมื่อเห็นเช่นนี้ แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หลี่เต๋อซานอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา : “เฉินตง ถ้านายไม่รู้ว่าการที่จะเข้ามาอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ได้นั้น เป็นเรื่องยากขนาดไหนแล้วล่ะก็ ฉัน ในฐานะที่เป็นลุง ก็อยากจะขอพูดให้นายได้ฟังสักหน่อย”

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา แล้วหันไปมองหลี่เต๋อซานด้วยรอยยิ้ม

หลี่เต๋อซานแสดงความภูมิใจออกมาเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่สั่งสมมาหลายปี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในฐานะตระกูลที่มั่งคั่ง

ต่อให้ตอนนี้ตระกูลหลี่จะประสบกับวิกฤติ แต่ก็ไม่อาจลบล้างความภาคภูมิใจนี้ออกไปได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

“ศาลบรรพชนตระกูลหลี่ มีไว้เพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ที่เกิดมาถูกต้องตามจารีตเท่านั้น หากเป็นลูกนอกสมรส ต่อให้จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่อาจเข้ามาอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ได้”

“หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ คนที่มีสิทธิ์เข้ามาอยู่ในศาลบรรพชน และได้รับการสักการะจากตระกูลหลี่นั้น สำหรับคนในตระกูลหลี่แล้ว ถือเป็นเกียรติอันสูงสุด และถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังความตายอีกด้วย”

“อย่าว่าแต่แม่ของเธอเลย แม้แต่ฉัน หากท้ายที่สุดไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งของเจ้าบ้านได้ หรือไม่อาจสร้างคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้กับตระกูลหลี่ได้ ต่อจากนี้อีกร้อยปี ก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ได้”

พูดถึงตรงนี้ หลี่เต๋อซานก็เชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ

คำพูดและท่าทางของเขา แสดงออกถึงความภาคภูมิใจอย่างชัดเจน

เขาหันมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกาย : “ดังนั้น เธอคงรู้แล้วสินะว่า ที่เจ้าบ้านตัดสินใจทำเพื่อแม่ของเธอขนาดนี้ ถือเป็นการให้เกียรติแม่ของเธอแค่ไหน ?”

ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยการพรรณนาของหลี่เต๋อซาน ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมา

แต่ทว่า

ทันทีที่พูดจบ

เฉินตงกลับหัวเราะออกมาทันที

เขาแสดงท่าทีเยาะเย้ยออกมาโดยไม่แยแส

ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่และหลี่เต๋อซานผงะไปพร้อมกัน

“ช่างเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่จริงๆ !”

เฉินตงยักไหล่ จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วโบกมือ : “เกียรติยศสูงสุดสำหรับคนตระกูลหลี่อย่างพวกคุณ ก็ควรจะเก็บเอาไว้ให้พวกคุณใช้กันเอง ผมจะกล้าให้แม่ผู้ล่วงลับของผม ซึ่งทำลายแสงสว่างของตระกูลหลี่ เข้าไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลี่ของพวกคุณได้อย่างไร ?”

การดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง ทั้งคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่และหลี่เต๋อซานต่างฟังออกอย่างชัดเจน

แต่การดูถูกนี้ กลับทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสับสนในเวลาเดียวกัน

ยอมทำถึงขนาดนี้แล้ว เฉินตงยังไม่พอใจอีกหรือ ?

คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ตั้งสติกลับมาได้ก่อน เขาเรียกเฉินตงที่กำลังจะเดินจากไปเอาไว้ : “ตงเอ๋อ นี่คือการรำลึกถึงและการให้เกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ปู่จะสามารถมอบให้กับแม่ของหลานได้แล้ว !”

“เก็บการให้เกียรติกับการรำลึกถึงของคุณเอาไว้เถอะ !”

เฉินตงลูบจมูก แล้วหลุดขำออกมา : “ศาลบรรพชนตระกูลหลี่ของคุณ ไม่คู่ควรกับแม่ผู้ล่วงลับของผม ตอนนี้แม่ของผมถูกฝังเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น สักวัน ผมจะพาเธอเข้าไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลเฉินให้ได้ เพื่อรับการสักการะชั่วลูกชั่วหลาน ! นั่นถึงจะเป็นเกียรติที่แม่ของผมสมควรจะได้รับ !”

“เมื่อนำตระกูลหลี่ของคุณมาเทียบกับตระกูลเฉิน พวกคุณมีค่าแค่ไหนกัน ?”

คำพูดดูถูกเหยียดหยามตระกูลหลี่ที่ดังก้องกังวานและทรงพลัง ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนรู้สึกตื่นตะลึงได้

เป็นเหมือนกับคำสาบาน !

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset