Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – # ตอนที่ 179 ลูกเขยไม่ชอบ ผมก็ไม่ชอบ

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ใบหูของเธออ่อนระทวยไปหมด

เมื่อเรียกสติกลับมาได้เธอจึงถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า : “อยู่ไหน ?”

แต่ทันทีที่พูดออกไป กลับเห็นรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดของเฉินตง

กู้ชิงหยิ่งผงะไป และรู้สึกตัวในทันที

ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเป็นสีแดงก่ำ

เธอพูดด้วยความโมโหว่า : “คนลามก คิดอะไรของคุณเนี่ย ? พ่อแม่ฉัน คุณลุงคุณอาก็อยู่ที่นี่นะ !”

“แล้วถ้าไม่อยู่ล่ะ ?” เฉินตงยิ้มพลางลูบดั้งจมูกของกู้ชิงหยิ่ง

ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งแดงจนเป็นลูกตำลึง เธอก้มหน้าก้มตาด้วยความอาย ไม่พูดไม่จา

เฉินตงหัวเราะออกมา ไม่คิดที่จะหยอกล้อกู้ชิงหยิ่งอีก : “ไปกันเถอะ ผมจะเข้าไปทักทายคุณลุงคุณป้าในบ้านสักหน่อย เรื่องเมื่อกี้น่าอายจริงๆ”

“คนลามก นับวันจะยิ่งลามกใหญ่แล้ว” กู้ชิงหยิ่งยืนอยู่ที่เดิม แล้วหันมองเฉินตงที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านด้วยแววตาตำหนิ

คำพูดนี้ถูกคุนหลุนที่เดินตามมาด้านหลังได้ยินเข้า

เขายิ้มแล้วพูดว่า : “คุณชายลามกกับภรรยาของตัวเอง จะเรียกว่าลามกไม่ได้หรอกครับ”

“คุนหลุน ห้ามคุณพูดนะ” กู้ชิงหยิ่งกระทืบเท้าของเธอด้วยความเขินอาย

คุนหลุนหดคอแล้วยิ้มอย่างทะเล้น แล้วรีบเดินตามเฉินตงเข้าไปข้างใน

มีเพียงกู้ชิงหยิ่งที่ยืนเอามือประสานกันอยู่ที่เดิม และบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ว่า : “ไม่เรียกว่าลามก แล้วจะเรียกว่าอะไร ?”

เฉินตงเดินเข้าไปในห้องรับแขก

กู้โก๋ฮั๋วกำลังดื่มน้ำชาร่วมกับท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิว

เมื่อเห็นเฉินตงเดินเข้ามาในบ้าน

ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวก็ลุกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นจึงยิ้มอย่างเก้อเขิน

“ตงเอ๋อ เรื่องเมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ

ท่านเมิ่งรีบพูดขึ้นก่อน : “โทษที่ฉันเองไม่ยอมถามไถ่ให้ดีเสียก่อน”

เฉินตงยิ้มจากนั้นจึงโบกมือ : “ลุงเมิ่งกังวลเกินไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ อันที่จริงต้องขอบคุณลุงเมิ่งกับอาหลิวด้วยซ้ำที่สนับสนุนผม”

หลังจากได้ยิน

ท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก

ต่อให้เฉินตงจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินก็ตาม แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะช่วยเฉินตงอยู่ดี

อย่างไรเสียนี่ก็คือลูกเขยของครอบครัว

บริษัทชิงหยิ่งไม่กลัวตระกูลหลี่ที่อยู่ในเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย

อีกทั้งพวกเขาทั้งสอง คนหนึ่งก็เป็นถึงผู้ที่อิทธิพล ส่วนอีกคนก็เป็นถึงยักษ์ใหญ่แห่งวงการแพทย์ แล้วทำไมจะต้องยอมก้มหัวให้กับตระกูลหลี่ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลแสนไกลด้วย

“เรื่องเข้าใจผิด หากพูดกันให้เข้าใจแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก”

กู้โก๋ฮั๋วพูดไปพลางยิ้มไปพลาง จากนั้นจึงกวักมือให้ทั้งสามคนนั่งลง

รอจนกระทั่งเฉินตงนั่งลงเรียบร้อยแล้ว กู้โก๋ฮั๋วถึงได้เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย : “ตงเอ๋อ เธอเป็นหลานชายของตระกูลหลี่จริงหรือ ?”

หลังจากได้ยิน

ท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเฉินตงด้วยความสงสัย

ถึงแม้จะผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มาแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้อยู่ดี

เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เกิดและเติบโตอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตกับมารดาตามประสาลูกกำพร้าและหญิงม่ายอย่างยากลำบากมากว่า 20 ปี จู่ๆ ก็กลายมาเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงมากพอแล้ว

มาบัดนี้กลับมีฐานะหลานชายของตระกูลหลี่ซึ่งร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเพิ่มเข้ามาอีก

ความลับที่ซ่อนอยู่ภายใน ต่อให้เป็นคนระดับกู้โก๋ฮั๋ว ท่านเมิ่ง หรือแม้กระทั่งผู้อำนวยการหลิวเองก็ยังอยากรู้อยากเห็น

เฉินตงพยักหน้าเพื่อเป็นการยอมรับ

เขายักไหล่แล้วยิ้มอย่างขมขื่น : “มันคือเรื่องจริง แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ผมลืมตาดูโลกก็ไม่ใช่อีกแล้ว”

“หมายความว่าอย่างไร” กู้โก๋ฮั๋วเป็นพ่อตาในอนาคตของเฉินตง ฐานะของเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินตงมากกว่าท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกลังเลที่จะเอ่ยถาม

“ผมกับแม่ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมายี่สิบกว่าปี ดังนั้นความลำบากทั้งหมดในชีวิต ต้องขอบคุณตระกูลหลี่ที่เป็นผู้มอบให้ !”

เฉินตงไม่คิดที่จะพูดให้มากความ เรื่องนี้อย่าว่าแต่มารดาของเขาที่ไม่อยากจะหวนรำลึกถึงอีก แม้กระทั่งตัวเขาซึ่งเป็นลูกและไม่ได้ประสบเหตุการณ์โดยตรง ก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเท่าไหร่นัก

ตา ?

ทุเรศ !

เขาเคยคิดว่า คำว่าพ่อ ถือเป็นคำที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับเขาแล้ว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า คำว่าตา น่ารังเกียจยิ่งกว่าคำว่าพ่อเสียอีก

พวกของกู้โก๋ฮั๋วรู้สึกตกตะลึงไปพร้อมกัน

จากนั้น เฉินตงก็พูดต่อว่า : “เรื่องที่ผมเป็นหลานชายของตระกูลหลี่นั้นคือเรื่องจริง แต่เรื่องที่ผมและแม่ต้องตกระกำลำบากกว่ามายี่สิบปีก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ตระกูลหลี่กดขี่ข่มเหง ขูดเลือดขูดเนื้อ ผมกับแม่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลหลี่อีกต่อไป”

ถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา แต่กลับเป็นคำพูดที่ดุดันและทรงพลัง

ทำให้ความสงสัยในแววตาของพวกกู้โก๋ฮั๋วยิ่งมีมากขึ้นไปอีก

เฉินตงไม่คิดที่จะอยู่ต่อ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวลา จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินจากไป

ภายในห้องรับแขก

พวกของกู้โก๋ฮั๋วหันมองหน้ากัน

สักพักใหญ่

จู่ๆ กู้โก๋ฮั๋วก็พูดบ่นท่านเมิ่งขึ้นมา : “พี่เมิ่ง พี่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในเมืองนี้ อดีตของเฉินตง พี่ไม่รู้บ้างเลยหรือ ?”

ท่านเมิ่งส่ายหัวด้วยคงามงุนงง : “ถึงฉันจะเป็นคนในพื้นที่ แต่เมื่อก่อนฉันเองก็ไม่รู้ว่าเฉินตงคือลูกชายของเจ้าบ้านตระกูลเฉินนี่”

ผู้อำนวยการหลิวยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “พี่กู้ พี่ก็อย่าไปบ่นพี่เมิ่งเลย คนรวยระดับพวกเรา หากเดินทางไปที่เมืองอื่น ก็ต้องพยายามที่จะปกปิดฐานะและที่อยู่ เพราะเกรงว่าคนอื่นจะล่วงรู้เหมือนกันไม่ใช่หรือ ?”

กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะพรวดออกมา จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

เฉินตงเป็นคนในพื้นที่นั้นคือเรื่องจริง

แต่ตอนนั้นพ่อและแม่ของเขาไม่ใช้คนในพื้นที่เสียหน่อย

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉินหรือตระกูลหลี่ ล้วนแล้วแต่อยู่ห่างไกลทั้งนั้น ราวกับยืนหยัดอยู่บนท้องฟ้า

ต่อให้เดินทางมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็ไม่มีทำอย่างเอิกเกริก คงจะต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะปกปิดตนเองเอาไว้

คนระดับนี้หากคิดที่จะหลบซ่อนตัวแล้ว ยากที่คนอื่นจะล่วงรู้ได้

“แล้วเรื่องของตระกูลหลี่จะทำเช่นไร ?” จู่ๆ กู้โก๋ฮั๋วก็เอ่ยถามขึ้นมา โดยที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ท่านเมิ่ง

ท่านเมิ่งเป็นคนเปิดคลับสี่ยิ่นและเป็นเจ้าของที่นี่ ดังนั้นจึงควรให้เขาตัดสินใจ

ท่านเมิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองกู้โก๋ฮั๋ว : “นายอย่ามาถามฉันว่าควรทำอย่างไรดี นายควรจะพูดว่านายคิดจะทำอย่างไร ?”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มเล็กน้อย แต่แววตาของเขากลับดูเฉียบแหลมขึ้นมา : “ในเมื่อลูกเขยคนดีของผมไม่ชอบ ผมในฐานะพ่อตาที่ดีก็ย่อมไม่ชอบเช่นกัน”

“เข้าใจแล้ว” ท่านเมิ่งพยักหน้า

หลังจากท่านเมิ่งและผู้อำนวยการหลิวกลับไปแล้ว

กู้โก๋ฮั๋วกลับนั่งนึ่ง แววตาลูกซึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

ฐานะของเฉินตง ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่น้อย

เขาทำได้เพียงแค่เฝ้ามองตระกูลเฉิน ต่อให้เป็นตระกูลหลี่ ก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างจากเขาเช่นกัน

การได้มายืนอยู่ในฐานะทั้งสองอย่างนี้ ถึงแม้เฉินตงจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากว่ายี่สิบปี แต่สุดท้ายก็ถูกเลือกโดยลูกสาวของเขาเอง

พรหมลิขิตเช่นนี้ ต่อให้เป็นกู้โก๋ฮั๋วก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออยู่ดี

“พ่อคะ……เฉินตงพูดอะไรบ้างหรือเปล่า ?” กู้ชิงหยิ่งเดินเข้ามา

“พูดแล้ว แต่เขาพูดกำกวม ไม่เป็นชัดเจน”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มอย่างเบิกบาน จากนั้นจึงเหลือบไปมอกู้ชิงหยิ่ง : “เสี่ยวหยิ่ง พ่ออยากรู้จริงๆ ลูกรู้ภูมิหลังของเฉินตงตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ถึงได้เต็มใจรอเขาถึงสามปี ไม่ถือสาถึงแม้จะเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของเขา ?”

“พ่อคะ พ่อพูดเหลวไหลอะไรกัน ?” สีแดงบนใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งยังไม่ทันจางหาย ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงยิ่งขึ้นไปอีก

กู้โก๋ฮั๋วหัวเราะเสียงดัง : “กำไรแล้ว ถือว่าได้กำไรก้อนใหญ่จริงๆ ! ต้องขอบคุณที่ตอนนั้นลูกยืนยันที่จะไม่ไปดูตัวกับลูกหลานของพวกเศรษฐีไร้การศึกษาพวกนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องขาดทุนย่อยยับแน่ๆ !”

หลังจากเฉินตงออกจากคลับสี่ยิ่นแล้ว

ก็ให้คุนหลุนพาเขาไปส่งที่บริษัท

เขาไม่เห็นตระกูลหลี่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

ต่อให้คุณท่านใหญ่หลี่จะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา สำหรับเขานั่นก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นเท่านั้น

เขาแสดงขีดความอดทนออกมาให้เห็นแล้ว คิดว่าคุณท่านใหญ่หลี่คงจะยอมถอย

ทันทีที่ถึงบริษัท เสี่ยวหม่าก็วิ่งตรงมาหาเขาอย่างมีความสุข

“พี่ตง ตึกใหญ่ทั้งสี่แห่งขายเกือบหมดแล้ว ระลอกนี้ บริษัทของเราสามารถทำเงินได้มากมายมหาศาล ในอนาคต ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของโจวเย่นชิวและโจวจุนหลง พวกเราก็กล้าที่จะยืนหยัดและต่อสู้ได้อย่างเต็มที่แล้ว”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “มีรายได้เท่าไหร่ ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset