Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 315 คุณนี่แรดจริงๆ !

ลมยามค่ำคืนหนาวเหน็บ

คุนหลุนนอนอยู่บนที่นั่งข้างคนขับด้วยลมหายใจที่รวยริน การสูญเสียเลือดมากเกินไปทำให้เขาอ่อนแออย่างมาก

บางครั้งสติของเขาก็ชัดเจน บางครั้งก็เลือนราง

เขาต้องการที่จะขัดขวางคุณชายไม่ให้พาเขาไปโรงพยาบาล ในที่สาธารณะมีผู้คนมากมาย หากคุณชายพาเขาไปโรงพยาบาล นั่นเท่ากับคุณชายเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตรายด้วย

แต่เขากลับไม่ได้เอ่ยปากพูด เพราะเขารู้ดี

ถ้าหากคุณชายยอมฟังคำเตือนของเขา เพื่อครู่ก็คงไม่หันหลังกลับมาช่วยเขาเอาไว้ และไม่มีทางเสี่ยงชีวิตขับรถฝ่าวงล้อมออกมาเพื่อที่จะช่วยเขา

“ผม คุนหลุน……มีดีอะไรถึงได้รับบุญนี้ ?”

เมื่อเผชิญกับสายลมยามค่ำคืนที่โชยพัดมา ริมฝีปากที่ซีดเผือดของคุนหลุน ก็เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาตรงมุมปาก

โรงพยาบาลลี่จิง

ในฐานะที่เป็นโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมือง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ก็ยังคงเปิดไฟสว่างไสวอยู่ตลอดเวลา

และมีเสียงสัญญาณฉุกเฉินของรถพยาบาลที่ดังสนั่น วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ตลอดเวลา

เอี๊ยด !

รถพอร์เชอที่ได้รับความเสียหาย สะบัดท้ายรถเข้าจอดในลานจอดรถของโรงพยาบาล หลังจากลงจากรถแล้ว เฉินตงก็ทนฝืนต่ออาการบาดเจ็บบนแขนซ้ายของตนเอง แล้วรีบแบกคุนหลุนขึ้นบนหลัง วิ่งตรงเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว

มีคุณหมอมองเห็นมาจากที่ไกลๆ จึงได้รีบเรียกให้คนไปนำเปลออกมาอย่างรวดเร็ว

คุนหลุนถูกส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว

ส่วนเฉินตงเองก็ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพื่อจัดการกับบาดแผลที่ถูกยิงบนแขนข้างซ้าย

ถึงแม้จะเป็นเวลากลางดึก แต่อาการบาดเจ็บของทั้งสองคนสาหัสเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังเป็นบาดแผลจากการถูกยิง จึงเพียงพอที่จะทำให้โรงพยาบาลลี่จิงทั้งโรงพยาบาล เกิดความตื่นตระหนกขึ้น

ตอนที่เฉินตงยังคงนอนอยู่บนเตียงกู้ชีพภายในห้องฉุกเฉิน ผู้อำนวยการหลิวก็รีบมาในทันที

“ตงเอ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

ผู้อำนวยการหลิวรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขามองไปที่บาดแผลบนแขนซ้ายของเฉินตง แววตาของเขาดูจริงจังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“เจอเรื่องที่รับมือยากครับ ผมจะติดต่อคนให้ไปจัดการเรื่องนี้”

เฉินตงรู้ดีว่าคำพูดและแววตาของผู้อำนวยการหลิวสื่อถึงอะไร จึงได้ฝืนยิ้มออกมา

ท่าทีของผู้อำนวยการหลิวอ่อนโยนลงเล็กน้อย และได้สอบถามถึงอาการของเฉินตงกับหมอเจ้าของไข้

ถึงแม้บาดแผลจากกระสุนจะรุนแรง แต่เคราะห์ดีที่กระสุนเจาะทะลุแขนโดยตรง จึงช่วยลดทอนความยุ่งยากในการนำลูกกระสุนออกมา ทำให้อาการบาดเจ็บของเฉินตงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก

หลังจากแน่ใจว่าเฉินตงไม่มีปัญหาร้ายแรงใดๆ ผู้อำนวยการหลิวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ : “เจ้าเด็กคนนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แล้วจะให้ฉันไปบอกพี่กู้กับเสี่ยวหยิ่งว่าอย่างไร”

“ลุงหลิว เพื่อนของผมเป็นอย่างไรบ้างครับ ?” เฉินตงเอ่ยถาม

เมื่อได้ยิน สีหน้าของผู้อำนวยการหลิวก็หมองหม่นลง

การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก

ผู้อำนวยการหลิวส่ายหัว : “อาการแย่มาก ฉันได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจากแผนกต่างๆ เข้าไปทั้งหมดแล้ว อีกเดี๋ยวฉันเองก็จะเข้าไป แต่ว่า……คงต้องแล้วแต่โชคชะตา”

คำว่าแล้วแต่โชคชะตา ทำให้สภาพจิตใจของเฉินตงจมดิ่งลงถึงขีดสุด

คุนหลุน……เพื่อที่จะช่วยฉันแท้ๆ

ภาพเมื่อครู่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ อยู่ในสมองของเขา เฉินตงรู้สึกโทษตัวเองอย่างรุนแรง

ถ้าไม่ใช่เพื่อเขา จะเกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าอย่างเศร้าอย่างเมื่อครู่ได้อย่างไร ?

คุนหลุนตั้งใจที่จะยอมสละชีวิตอยู่แล้ว !

เมื่อมองดูผู้อำนวยการหลิวเดินจากไป แววตาของเฉินตงก็สั่นคลอนขึ้นมา จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องอะไรบางอย่าง จึงได้เรียกผู้อำนวยการหลิวเอาไว้

“ลุงหลิว เรื่องนี้ห้ามบอกพวกเสี่ยวหยิ่งนะครับ เสี่ยวหยิ่งกลับไปอยู่กับพ่อแม่แล้ว ผมกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง”

ผู้อำนวยการหลิวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า : “วางใจเถอะ”

อาการบาดเจ็บบนแขนข้างซ้ายถูกจัดการจนแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว

เฉินตงถูกส่งตัวไปพักฟื้นยังห้องผู้ป่วย VIP

มีกลิ่นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อ

ภายในห้อง มีเสียงดนตรีดังกังวานอยู่

เฉินตงนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ

ภาพที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

การลอบสังหาร ที่ดึงดูดการโจมตีขั้นรุนแรงจากกลุ่มทหารรับจ้าง

ฉากที่ควรจะอยู่แต่ในภาพยนตร์ แต่กลับเกิดขึ้นกับตัวเขาทั้งหมด

และตอนนี้ คุนหลุนก็ยังถูกยื้อชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉิน

จะเป็นหรือได้ ต้องแล้วแต่โชคชะตา

สิ่งนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ถึงแม้ตอนนี้ตนเองจะนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ความอ่อนล้าจากอาการบาดเจ็บก็ยังคงวนเวียนเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่เขากลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย

“พี่ชาย ต้องผ่านมันไปให้ได้นะ !”

เฉินตงถอนหายใจแรงออกมาหนึ่งครั้ง และเอามือขวาลูบเข้าที่กระเป๋ากางเกงโดยไม่รู้ตัว กลับพบบุหรี่ที่ถูกแกะเอาไว้แล้วหนึ่งซอง

ช่วงเวลาหลังจากที่แม่ของเขาจากไป เขาติดบุหรี่และเหล้าอย่างหนัก

การชี้ทางสว่างของฉินเย่ ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านสภาวะที่หดหู่นี้ออกมาได้

แต่การลอบสังหารที่ตึงเครียดตลอดสองวันมานี้ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่น่าหวาดกลัว ทำให้เขาหยิบบุหรี่อีกครึ่งซองที่เหลือ มาใส่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง

เพียงแค่ไม่เคยจุดไฟเลยสักม้วน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ขึ้นขนาดนี้

ฉ่า !

เปลวไฟลุกโชนขึ้นจากไฟแช็ก และจุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งม้วน

ควันอันเข้มข้นของบุหรี่ไหลลงสู่ปอด แต่ยังคงยากที่จะปิดบังความประหม่าและวิตกกังวลเอาไว้ได้

ที่กล่าวกันว่าบุหรี่ช่วยบรรเทาความกังวล บรรเทาความเหนื่อยล้า ล้วนไร้สาระทั้งสิ้น

มันก็เป็นเพียงแค่การปลอบประโลมจิตใจเท่านั้น

ทว่าเฉินตงในตอนนี้ นอกจากจะหาสิ่งที่พอช่วยปลอบประโลมจิตใจเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะช่วยให้คุนหลุนดีขึ้นมาได้

เฉินตงคาบบุหรี่เอาไว้ แล้วจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีเคร่งขรึม

ในตอนนี้เอง

ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดออก

มีพยาบาลเข็นรถเข็นเดินเข้ามาในห้อง บนรถเข็นมีขวดน้ำเกลือวางอยู่

“คุณเฉินคะ มาให้น้ำเกลือคุณค่ะ”

พยาบาลสาวที่สวมหน้ากากอนามัยอยู่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เฉินตงผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองขวดน้ำเกลือที่แขวนเอาไว้อยู่แล้ว

นี่ก็ให้น้ำเกลืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

พยาบาลสาวจัดการกับขวดน้ำเกลือไปพลาง พูดคุยกับเฉินตงไปพลาง : “ที่ให้เมื่อครู่คือยาแก้อักเสบ ส่วนนี่คือน้ำเกลือที่ช่วยดูแลร่างกาย รวมไปถึงตัวยาที่ใช้ในการรักษาที่แพทย์สั่งให้ภายหลังด้วยค่ะ”

“ครับ”

เฉินตงพยักหน้าพลางคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก จากนั้นจึงพ่นควันบุหรี่ออกมา

เขามองดูพยาบาลสาวที่แขวนขวดน้ำเกลืออย่างเชี่ยวชาญ เพราะต้องเขย่งเท้า ทำให้ส่วนเว้าส่วนโค้งภายใต้เสื้อสีขาวของเธอดูโดดเด่นและน่าเย้ายวนมากเป็นพิเศษ

จากมุมที่เฉินตงนั่งอยู่ ยิ่งทำให้ดูพิเศษมากขึ้น

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกขึ้นว่า : “คุณพยาบาล คุณช่างรูปร่างดีจริงๆ !”

“คุณเฉินคะ กรุณาให้เกียรติด้วยค่ะ” พยาบาลสาวโกรธจนตัวสั่น

แต่เฉินตงกลับยักไหล่อย่างไม่แยแส เขาใช้มือขวาหยิบบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากลง จากนั้นจึงพ่นควันบุหรี่ออกมาพลางพูดว่า : “ไม่สิไม่สิ คุณนี่แรดจริงๆ !”

พยาบาลสาวขมวดคิ้วแน่น เธอจัดการกับน้ำเกลืออย่างคล่องแคล่ว จากนั้นจึงหยิบเข็มฉีดยาออกมาและตรวจสอบดูสักพัก

จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “คุณเฉิน คุณมีเงิน แต่มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ? ขอให้คุณช่วยให้เกียรติพยาบาลอย่างพวกเราด้วย !”

น้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้ง

ในขณะเดียวกัน พยาบาลหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา และเตรียมที่จะฉีดเข้าไปในถุงน้ำเกลือ

เฉินตงก็ตีปากของเขาและหัวเราะเยาะออกมา : “มีเงินคิดจะทำอะไรก็ได้จริงๆ สาวงามที่รูปร่างดีเช่นนี้อย่างคุณ ก็คิดที่จะฆ่าคนเพื่อเงินด้วยไม่ใช่เหรอ?”

ทันใดนั้น

ภายในห้องพักผู้ป่วยก็เงียบสงัดลง

บรรยากาศหนาวเหน็บราวกับอุณหภูมิลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

ส่วนพยาบาลสาวก็หยุดการเคลื่อนไหวลง

เพียะ!

เฉินตงใช้ก้นบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือ จิ้มเข้าไปที่ใบหน้าของพยาบาลสาว

ตอนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางหายไป กลายเป็นความเย็นชาและน่าสะพรึงกลัวเข้ามาแทนที่

“บุคลากรทางการแพทย์มีข้อห้ามอย่างเคร่งครัดไม่ให้ผู้ป่วยสูบบุหรี่ ผมคาบบุหรี่เอาไว้นานขนาดนี้ คุณเข้ามากลับไม่ถามไถ่ คุณมันเป็นพยาบาลที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ !”

พยาบาลสาวโกรธจนตัวสั่นอีกครั้ง

ดวงตาทั้งสองข้างลุกโชนไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงทันที

มีความโกรธปะทุออกมาภายใต้หน้ากากอนามัย

“ตายซะเถอะ !”

ฟิ้ว !

แทบจะในเวลาเดียวกัน พยาบาลสาวโถมตัวเข้าไปในทันที เธอใช้มือซ้ายจับหน้าอกของเฉินตงเอาไว้ ส่วนเข็มฉีดยาที่ส่องประกายแวววาวในมือขวาของเธอ ก็แทงลงไปที่ดวงตาของเฉินตงด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset