Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 320 อันดับยมราช

การเปลี่ยนแปลงใหม่ ?

จิตใจของเฉินตงดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งในทันที

ท่าทีของท่าหลง แสดงออกอย่างชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก

เฉินตงพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ แล้วถามว่า : “การเปลี่ยนแปลงอะไร ?”

ท่านหลงอยู่ในท่าทีหวาดกลัว เขาหายใจหอบ พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วยื่นให้เฉินตงด้วยมือขวาที่มีอาการสั่นเล็กน้อย

ภาพที่ปรากฏยังคงเหมือนครั้งที่แล้ว

เนื้อหาของเครือข่ายมืดที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนเป็นข้อๆ

เฉินตงขมวดคิ้วแล้วมองหาประกาศเกี่ยวกับการลอบสังหารตนเองขององค์กรhidden killers

เมื่อเห็น คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้นทันที

ในเนื้อหา ปรากฏรูปเคียวเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ยมราชถือเอาไว้

“เคียวนี่หมายความว่าอย่างไร ?” เฉินตงขมวดคิ้วถาม

แววตาของท่านหลงเผยความหวาดกลัวออกมา : “นี่เป็นเคียวของยมราช หมายถึงต้องการเอาชีวิต อีกทั้งหากมีเคียวของยมราชปรากฏขึ้นในการประกาศภารกิจขององค์กรhidden killers นั้นหมายความว่า มีนักฆ่าระดับแนวหน้าที่อยู่ในอันดับยมราชให้ความสนใจ หนึ่งเคียวแทนนักฆ่าระดับแนวหน้าที่อยู่ในอันดับยมราชหนึ่งคน”

เฉินตงรู้สึกตกใจสุดขีด

เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมท่านหลงถึงมีท่าทีที่สงบในทุกๆ ครั้งที่ตื่นตกใจ

มีนักฆ่าระดับแนวหน้าให้ความสนใจ นั่นอาจหมายความได้ว่าอาจจะมีนักฆ่าระดับแนวหน้าบางคนที่เข้าร่วมแล้ว ?

พันล้านดอลลาร์ !

แม้กระทั่งทหารรับจ้างเดดพูลก็ยังดึงดูดมาได้ เสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจนจริงๆ

แล้วนักฆ่าระดับแนวหน้าจะไม่สนใจได้อย่างไร ?

ทันใดนั้น เฉินตงก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา และรู้สึกชาไปทั้งตัว

เขาขมวดคิ้วแน่นจนเป็นรอยย่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ท่านหลง อันดับยมราชนี่คืออะไร ?”

“เป็นรายชื่อนักฆ่าทั้งหมดจากทั่วทุกมุมโลก จากการตัดสินร่วมกันขององค์กรhidden killers จึงได้จัดทำตารางรายชื่อของบรรดานักฆ่าระดับแนวหน้าขึ้นมา ซึ่งมีทั้งหมดหนึ่งร้อยรายชื่อ”

น้ำเสียงของท่านหลงสั่นเครือเล็กน้อย : “คนที่จะได้รับเลือกเข้ามาอยู่ในอันดับยมราช จะต้องเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬ และสามารถจัดการได้เช่นเดียวกับยมราชที่มาเอาชีวิตของคน”

เฉินตงไม่พูดไม่จา

จู่ๆ เขาก็คิดขึ้นได้ว่าคุนหลุนเองก็เคยเป็นนักฆ่า เคยรับภารกิจลอบสังหารมาก่อน

เขาจึงถามว่า : “คุนหลุนอยู่ในอันดับยมราชด้วยไหม ?”

“เคยอยู่ แต่หลังจากที่คุนหลุนติดตามนายท่านแล้ว ก็ปกปิดชื่อและนามสกุล ทำให้ไม่มีรายชื่อของเขาจัดเรียงอยู่ในตารางอันดับยมราชอีกต่อไป”

“เช่นนั้น ตอนที่คุนหลุนสังหาร Rothschild ผู้นั้น เขาถูกจัดอันดับอยู่ที่เท่าไหร่ในอันดับยมราชเหรอ?”

ท่านหลงครุ่นคิด นึกทบทวนความจำอยู่สักครู่ จากนั้นจึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า : “อันดับที่ 23 ส่วนอีกสองคนอยู่ในอันดับที่ 58 และ 31”

“ฮะ !”

ท่าทางของเฉินตงเคร่งขรึมลงทันที เขารู้สึกตกใจจนแทบกลั้นหายใจ

นักฆ่ามือพระกาฬทั้งสามคนที่อยู่ในอันดับยมทูตซึ่งเป็นคนสังหาร Rothschild คุนหลุนถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทั้งสามคน

และในขณะที่ตกตะลึงอยู่นั้น เฉินตงก็รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อกาฬไหลอยู่ที่บริเวณแผ่นหลัง

ความสามารถของคุนหลุนเขารู้ดี แต่ก็ยังถูกจัดอยู่เพียงอันดับที่ 23 ถ้าเช่นนั้น คนที่อยู่เหนือขึ้นไปในอันดับยมทูต จะแข็งแกร่งขนาดไหน ?

และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตระกูลของ Rothschild ก็เป็นตระกูลมั่งคั่งระดับต้นๆ ที่มีประวัติมายาวนานเช่นกัน

จากคำบอกเล่าของคุนหลุนและท่านหลง เฉินตงก็พอจะเดาได้ว่า ตอนนั้นเพื่อที่จะปกป้องคนในตระกูลคนนั้น Rothschild ไม่ลังเลที่จะใช้ทั้งเงินและอำนาจ เมื่อเทียบกับระดับการรักษาความปลอดภัยของเขาในตอนนี้ คาดว่ายังห่างไกลกันลิบลับนัก

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่พวกของคุนหลุนก็ยังคงฝ่าเข้าไป จนสามารถฆ่าเขาได้สำเร็จ

ถ้าหากครั้งนี้คนที่ให้ความสนใจกับภารกิจลอบสังหาร เป็นนักฆ่าระดับพระกาฬในอันดับยมราชล่ะ ?

นักฆ่าที่อยู่ในอันดับที่เหนือกว่าอันดับที่ 23 ของคุนหลุน หากลงมือจริงๆ แล้วละก็……

จู่ๆ เฉินตงก็รู้สึกหวาดกลัวราวกับถูกสัตว์ร้ายโบราณดักเอาไว้

หากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกตามล่า

ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ ความหวาดกลัวเช่นนี้ก็คงปะทุขึ้นอย่างไม่รู้จบแล้ว

สัตว์ร้ายในสมัยโบราณ ย่อมน่ากลัวกว่าฝูงไฮยีน่าหลายเท่า !

“สามารถค้นหาออกมาได้ไหมว่าอันดับยมทูตที่ให้ความสนใจกับภารกิจคือใคร ? หรืออยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ?” เฉินตงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

รู้เขารู้เรา ถึงจะเอาชนะได้

ถ้าหากรู้เพียงแค่ว่ามีอันดับยมราชให้ความสนใจกับภารกิจ นั่นไม่เท่ากับว่าเป็นการนั่งรอยมราชถือเคียวออกมาจากที่มืดหรอกหรือ

“ข่าวนี้ นายท่านเพิ่งจะบอกผมเมื่อครู่ เขากำลังสืบหาอยู่”

ท่านหลงพูดว่า : “เรื่องนี้นายท่านสามารถสืบหาได้ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย คงจะได้ผลลัพธ์ออกมาในไม่ช้า”

เฉินตงเลิกคิ้ว : “ทำไมถึงไม่พูดกับฉันโดยตรง ?”

ท่านหลงพูดขึ้นอย่างหดหู่ : “นายท่านเกรงว่าจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับคุณชาย ดังนั้นจึงให้กระผมเป็นคนบอกต่อน่าจะดีกว่า”

ดีกว่า ?

จู่ๆ เฉินตงก็รู้สึกขำขึ้นมา

สำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

สูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง

สีหน้าที่หวาดกลัวของเฉินตงหายไปทันที กลายเป็นความเงียบสงบ ราวกับบ่อน้ำที่ไม่มีคลื่น

“กินข้าวกันเถอะ”

ท่านหลงผงะไปทันที เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ทำไมสภาพจิตใจของคุณชาย จึงแปลเปลี่ยนเป็นความสงบได้ถึงขนาดนี้ ?

ท่านหลงรู้สึกว่า เขาสามารถฝึกฝนการควบคุมตนเองได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่ทว่าหลังจากที่รู้ข่าวนี้ เขายังไม่อาจควบคุมสติเอาไว้ได้

และทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลาในการขัดเกลาออกมา

คุณชายซึ่งเป็นเป้าหมายในการลอบสังหารในครั้งนี้ เพิ่งจะอายุไม่เท่าไหร่ แต่กลับมีอารมณ์เช่นนี้ ?

เมื่อเห็นท่านหลงชะงักไป เฉินตงก็ยักไหล่ แล้วยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ท่านหลงเลิกยืนอึ้งได้แล้ว ให้กูหลังมาเสิร์ฟอาหาร ฉันหิวแล้ว”

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตง ท่านหลงก็ถามด้วยความประหลาดใจ : “คุณชาย คุณชายยังยิ้มออกอีกหรือครับ ?”

“ไม่ยิ้มแล้วจะให้ทำอะไร ?”

เฉินตงแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย : “อย่างไรเสียฉันเองก็ไม่มีวิธีอื่นอยู่ดี”

ท่านหลง : “……”

เมื่อเห็นท่านหลงพยักหน้าแล้วเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงก็ค่อยๆ จางหาย

กลับเปลี่ยนเป็นความเดียวดายและอ้างว้างเข้ามาแทนที่

เขาไร้ซึ่งหนทาง

ตั้งแต่วินาทีที่ตระกูลหลี่เริ่มประกาศภารกิจในองค์กรhidden killers จากดาร์กเว็บ สถานการณ์ทุกอย่างก็อยู่เหนือการควบคุมของเขา

ลักษณะพิเศษในการรับภารกิจขององค์กรhidden killers ทำให้เขาตกเป็นเป้าสาธารณะ ทำเหมือนกับว่าจะใช้วิธีไหนก็ได้ตามใจเลย!

ไม่ว่าจะเป็นนักฆ่าธรรมดาๆ หรือเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬในอันดับยมราช หรือแม้กระทั่งการมีอยู่ของทหารรับจ้างเดดพูล

ขอเพียงแค่ท้ายที่สุดแล้วใครสามารถฆ่าเฉินตงได้ เขาคนนั้นก็คือคนที่ทำภารกิจสำเร็จ

กฎเกณฑ์ที่เปิดกว้างเช่นนี้ ทำให้เฉินตงทำอะไรไม่ถูกจริงๆ

อาหารเย็นถูกเสิร์ฟขึ้นบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว

กับข้าวสามอย่าง และน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง ทั้งสีสันและกลิ่นหอมชวนรับประทาน

อีกทั้งยังต้องผ่านการตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงจะสามารถเสิร์ฟขึ้นบนโต๊ะได้

ทว่าเฉินตงกลับกินอย่างไร้รสชาติ แต่เพื่อดูแลรักษาสภาวะอารมณ์ของท่านหลงและกูหลัง เขาจึงฝืนใจกินข้าวไปถ้วยใหญ่

เฉินตงรู้ดีว่า เขาคือเสาหลัก

ตอนนี้ใครจะวุ่นวายก็ได้ แต่ตัวเขาห้ามวุ่นวาย

หากเขาวุ่นวาย ทั้งทีมก็จะพลอยโกลาหลตามไปด้วย !

หลังจากมื้ออาหาร กูหลังเก็บกวาดถ้วยชามจนเรียบร้อย

มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาในมือถือของท่านหลง

“นายท่านโทรมาครับ น่าจะมีความคืบหน้า” ท่านหลงหันไปพูดกับเฉินตง จากนั้นจึงรับสายโทรศัพท์

เฉินตงจ้องมองท่านหลงอยู่ตลอดเวลา

เพียงแต่ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สีหน้าของท่านหลงก็หมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นเผยอาการหวาดกลัวออกมา

นั่นมัน……เป็นความหวาดกลัวราบกับเห็นผี !

สภาพจิตใจของเฉินตงจมดิ่งลง ตอนนี้ เกิดความรู้สึกหดหู่และเหนื่อยล้าขึ้นมา

“เฉินตง แกมันเป็นเทพเจ้าแห่งเคราะห์ร้ายจริงๆ”

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง มือทั้งสองข้างประสานอยู่ที่ท้ายทอย เงยหน้าขึ้นมองเพดาน แล้วบ่นพึมพำว่า : “สองวันมานี้ มีข่าวร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่เลวร้ายที่สุด มีแต่เลวร้ายยิ่งขึ้น”

ท่านหลงวางสายโทรศัพท์

ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เขาหันมองเฉินตงอย่างหดหู่

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ริมฝีปากของเขาก็ขยับ และในที่สุดคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอก็โพล่งออกมา

“คุณชาย สืบรู้แน่ชัดแล้วครับ เป็นอับดับยมราชลำดับที่ 20 มีนามแฝงว่า ยายเมิ่ง”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

คุนหลุนอยู่เพียงแค่อันดับที่ 23 ส่วนคนนี้อยู่ในอันดับที่ 20 !

“ฉัน เฉินตง มีดีอะไร ถึงได้ให้เกียรติฉันขนาดนี้ !”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างโดดเดี๋ยว เขาเลิกคิ้วแล้วเหลือบมองท่านหลง : “ยายเมิ่ง ? นี่คือคนที่อยู่ในประเทศของเราใช่ไหม ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset