Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 332 ลุงเต้าจูนของฉันกลับมาแล้ว!

ลานป่าไผ่

บรรยากาศเงียบสงัด

เฉินตงแทบจะนั่งไม่ติด

กูชิงหยิ่งช่วยประคองเขานั่งลงบนรถเข็น แล้วเข็นเข้าไปในห้องนั่งเล่น

กูชิงหยิ่งชงน้ำชาหลงจิ่งเกรดดีหนึ่งกา พร้อมทั้งจุดธูปไม้จันทน์ขึ้นมาหนึ่งก้าน

ส่วนคุนหลุนและท่านหลงนั่งรออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ

รสสัมผัสอ่อนๆ ของชา

และบรรยากาศที่เงียบสงบ

“น่าจะกลับมาแล้วนะ?”

เฉินตงจิบชาและเอ่ยถามอย่างใจเย็น

“ไปครึ่งชั่วโมงแล้ว น่าจะกลับมาแล้วนะครับ” ท่านหลงพยักหน้า

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย แล้ววางแก้วชาลง : “คิดไม่ถึงเลยว่า ระยะเพียงแค่สามวัน เคียวของยมราชจะมาแล้ว ครั้งนี้เป็นใครกัน ?”

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา : “ไม่รู้ว่าหากเขาพบกับพี่เสี่ยวลู่เข้า เขาจะตกใจหรือไม่ ?”

อาการบาดเจ็บของฟ่านลู่นั้นไม่รุนแรง ถึงแม้พลังในการต่อสู้จะลดลง แต่ก็ยังเหลือพลังเพียงพอในการต่อสู้อีกหนึ่งครั้ง

กูหลังมีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้น้อยเกินไป จึงยากที่จะวางใจได้

ทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถึงแม้จะมีจำนวนคนอยู่มาก และมีการประสานงานที่ดี แต่อย่างไรเสียก็ขาดหัวหน้าไปหนึ่งคน จึงยากที่จะแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วงวิกฤตได้

การลอบสังหารในช่วงกลางดึกของชินโกะ โดโมโตะเมื่อคราวก่อน ถือเป็นตัวอย่างได้อย่างดีที่สุด

ตอนนี้ ฟ่านลู่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าของทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ไม่ว่าจะความสามารถ หรือด้วยเห็นแก่หน้าคุนหลุน คนของทีมรักษาความปลอดภัยคงไม่กล้าสบประมาทได้

หลังจากพูดจบ

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกลาน

ฟ่านลู่และกูหลังเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“คุณเฉิน จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ” ฟ่านลู่รายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ขณะที่โจมตีกลับ ฉันพบว่ายังมีอีกคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ น่าจะเป็นคนที่อยู่ในอันดับยมราชคนนั้น แต่หลังจากที่โจมตีกลับได้สำเร็จแล้ว คนคนนั้นก็ล่าถอยออกไป”

“มีพี่เสี่ยวลู่อยู่ คนคนนั้นคงตกใจจนหัวหด”

เฉินตงยิ้มออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย และไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ฐานะ “ยายเมิ่ง” ของฟ่านลู่จะถูกปกปิดมานาน แต่ความสามารถในการต่อสู้ที่เธอมีอยู่ ก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

นักฆ่าระดับท้ายๆ ของระดับยมราชสองคนร่วมมือกันเพื่อรุมฆ่า แต่เมื่อได้เห็นนักฆ่าระดับพระกาฬอย่างฟ่านลู่ อีกคนกลับตกใจกลัวจนวิ่งหนีไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

“คุณเฉินกล่าวเกินไปแล้ว”

ฟ่านลู่ยังคงมีท่าทีเรียบเฉย ใบหน้าของเธอดูน่าเกรงขาม เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่เย็นชาและเคร่งขรึม

ยากที่จะเชื่อเหลือเกินว่า ฟ่านลู่ที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ปกติแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คือพี่เสี่ยวลู่คนที่วันๆ ง่วงอยู่กับงานบ้าน

เฉินตงลูบจมูก : “ถ้าเช่นนั้น นักฆ่าระดับพระกาฬที่เรารู้ตัวแล้วตอนนี้ ก็เหลือเพียงแค่ยิวหมินที่อยู่ในระดับยมราชแล้วสิ”

ทันทีที่ได้เย็น

ใบหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งขรึมลง

นักฆ่าในระดับยมราชทั้งสองคนเมื่อครู่ ไม่มีใครให้ความสำคัญเลยแม้แต่น้อย

ด้วยความสามารถของทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉิน คงมีเพียงนักฆ่าระดับพระกาฬที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของอันดับยมราชเท่านั้น พี่พอจะมาดหมายเอาชีวิตเฉินตงได้จริงๆ

ยิวหมิน……ไม่มีใครกล้าประมาทจริงๆ !

นักฆ่าที่สามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สิบของอันดับยมราชได้ เพียงแค่ลงมือ จะต้องเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและแม่นยำอย่างแน่นอน และต้องน่ากลัวกว่าชินโกะ โดโมโตะคนก่อนหน้านี้แน่นอน

และสิ่งที่ยิ่งทำให้รู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้นก็คือ คุนหลุนและฟ่านลู่ซึ่งถือเป็นที่พึ่งเดียวที่พอจะรับมือกับยิวหมินได้ คนหนึ่งก็นั่งอยู่บนรถเข็น ส่วนอีกคนก็มีพลังในการต่อสู้ที่อ่อนแอ

ส่วนทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ไม่เพียงแค่เฉินตง แม้แต่ท่านหลง หรือแม้กระทั่งกู้ชิงหยิ่งเองก็รู้ดี

หากยอดฝีมือมาถึงจริงๆ เทคโนโลยีและอาวุธที่ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ ก็จะกลายเป็นเพียงแค่ของเด็กเล่นเท่านั้น

เหมือนกับการปรากฏตัวขึ้นของชินโกะ โดโมโตะ

“ท่านหลง ทางฝั่งคุณพ่อมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?” เฉินตงหรี่ตาแล้วเอ่ยถาม

ท่านหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูดว่า : “คุณชาย เหมือนที่กระผมคาดไว้ตั้งแต่ต้น เรื่องการชี้นำในการลอบสังหารครั้งนี้ ไม่พบร่องรอยการลงมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเลยแม้แต่น้อย”

“ไม่ใช่เธอ แล้วยังจะมีใครอีก?” เฉินตงลูบจมูก แล้วก้มหน้าก้มตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ในตอนนี้เอง

มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาในโทรศัพท์

เฉินตงรับโทรศัพท์

เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายเป็นเสียงที่แหบพร่า และทรงพลังอย่างยิ่ง : “ออกมาแล้ว !”

เฉินตงตัวสั่นและผงะไปในทันที

เสียงนี้……เฉินเต้าจูน ? !

เฉินตงรู้สึกปั่นป่วนภายในจิตใจขึ้นมาทันที

เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า : “คุณออกมาจากที่นั่นแล้ว? ที่นั่น……”

“ฉันอยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ ในโลกนี้ มีใครกล้าขังฉัน เฉินเต้าจูนบ้าง?”

ประโยคนี้แสดงออกถึงความหยิ่งผยองอย่างชัดเจน

แต่เฉินตงรู้ดีว่า ผู้ชายที่สามารถควบคุมคุกทั้งหมดเอาไว้ในมือได้ ย่อมที่จะมีความมั่นใจที่จะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา !

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง เริ่มมีความคิดต่างๆ เกิดขึ้นในสมองของเขา รวมไปถึงรู้สึกปีติยินดีอยู่ลึกๆ

เขารีบถามว่า : “อยู่ที่ไหน ?”

“หน้าหลุมศพของแม่นาย!”

ตู้ด !

โทรศัพท์ถูกตัดสาย

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “ท่านหลง เตรียมรถให้ผมหน่อย ผมจะไปไหว้แม่”

เปรี้ยง !

ราวกับเสียงฟ้าผ่า

ทุกคนต่างตกตะลึงไปพร้อมกัน

เสียสติไปแล้วเหรอ?

มีอันตรายอยู่รอบด้านเช่นนี้ อีกทั้งยังมีนักฆ่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยจ้องจะลอบสังหารอยู่ แล้วยังคิดจะออกไปข้างนอกอีกเหรอ?

นี่ไม่เท่ากับว่าส่งตัวเองออกไปเป็นเป้านิ่งต่อหน้านักฆ่าทุกคนที่กำลังจ้องจะเล่นงานอยู่อย่างนั้นเหรอ?

“เฉินตง ออกไปไม่ได้นะ!” กู้ชิงหยิ่งพูดขึ้นทันที

ส่วนพวกของท่านหลงและคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็แสดงท่าทีเห็นด้วย

โดยเฉพาะท่านหลง เอ่ยเตือนขึ้นด้วยความหวังดีว่า : “คุณชายคิดให้ดีๆ ก่อนเถอะครับ ! มีอันตรายอยู่รอบด้านเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังมียอดฝีมืออย่างยิวหมินที่พร้อมจะปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่ออีก แม้กระทั่งพักอยู่ในคลับสี่ยิ่น ก็ยังไม่ถือว่าปลอดภัยมากพอ แล้วตอนนี้คุณชายจะไปไหว้นายหญิงอีก นี่มัน……”

คำพูดในตอนท้ายว่า “รนหาที่ตาย” ท่านหลงไม่ได้พูดออกมา

เพราะว่าเข้าเป็นบ่าว ส่วนเฉินตงนั้นเป็นนาย หากพูดเช่นนี้ออกไป เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

“รนหาที่ตายใช่ไหม?” เฉินตงแสยะยิ้มออกมา เขากวาดสายตามองทุกคน และสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่กู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เบิกบานว่า : “ถ้าฉันบอกว่า การที่ฉันออกไปครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเอาชีวิตรอดกลับมาได้ แต่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ความเป็นความตายที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ได้ด้วยล่ะ ?”

อะไรนะ ? !

ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง

ทั้งไม่ทันที่ทุกคนจะได้พูดอะไร

เฉินตงก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า : “ฉันหาคนที่จะรับมือกับยิวหมินเจอแล้ว !”

……

สิบนาทีผ่านไป

รถโรลส์-รอยซ์ที่ถูกดัดแปลงให้กันกระสุน ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากคลับสี่ยิ่น

ด้านหลังของรถโรลส์-รอยซ์ มีรถบีเอ็มดับเบิลยูอีกยี่สิบคันขับตามหลังมาติดๆ

ขบวนรถวิ่งไปอย่างแข็งแกร่งและทรงพลัง

เฉินตงมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นขบวนรถที่ยาวสุดลูกหูลูกตาที่ตามมาทางด้านหลัง แล้วพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า : “ท่านหลง ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งไม่เป็นการบอกให้คนอื่นรู้หรือว่า ฉัน เฉินตงออกมาจากคลับสี่ยิ่นแล้ว ? ตกลงต้องการคุ้มกันฉันจริงๆ หรือต้องการดึงดูดให้นักฆ่ามาฆ่าฉันกันแน่ ?”

ท่านหลงซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับหน้าแดงขึ้นมา พร้อมยิ้มอย่างหดหู่ และพูดว่า : “กระผมเองก็จนใจ ถึงแม้จะรู้ว่าทำเช่นนี้ไม่สมควรนัก แต่นี่ถือเป็นวิธีที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับคุณชายได้อย่างดีที่สุดแล้ว”

เฉินตงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เขาเหลือบมองฟ่านลู่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม รวมไปถึงกูหลังที่ขับรถไปพลาง และคอยระแวดระวังไปพลางอยู่ตลอดเวลา

สถานการณ์เช่นนี้ ดูแล้วเหมือนมีอันตรายอยู่รอบด้านจริงๆ !

แต่ตอนนี้ระแวดระวังไว้ถือเป็นเรื่องดีที่สุด

“คุณชาย ครั้งนี้คุณใช้เรื่องไปไหว้คุณแม่เป็นข้ออ้าง จริงๆ แล้วคุณไปหาใครกันแน่?” จู่ๆ ท่านหลงก็เอ่ยถามขึ้นมา

กูหลังและฟ่านลู่เองก็แสดงท่าทีสงสัยออกมาพร้อมกัน

พวกเขารู้นิสัยของเฉินตงดี

สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างเช่นตอนนี้ คนที่จะทำให้เฉินตงยอมเสี่ยงชีวิตออกไปพบได้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน !

“ท่านหลงน่าจะรู้จัก”

เฉินตงลูบจมูก จากนั้นจึงยิ้มแล้วหันมองไปนอกหน้าต่าง น้ำเสียงเผยให้เห็นถึงความสบายใจที่หาได้ยากยิ่งในช่วงที่ผ่านมา : “ลุงเต้าจูนของฉันกลับมาแล้ว”

คำพูดที่ฟังดูสบายๆ แต่กลับทำให้ท่านหลงซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งข้างคนขับ รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาตัวเกร็งด้วยความตกใจทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset