Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 337 เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ

สายลมค่อยๆ พัดผ่านไป

พัดใบไม้ในลานจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ สัมผัสถึงศิลปะที่งดงาม

บนโต๊ะกินในลานเล็ก มีธูปไม้จันทน์ที่ส่งกลิ่นโชยหอมวางอยู่ พร้อมด้วยน้ำชาหนึ่งกา

เฉินตงไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มานานแล้ว

เขาค่อยๆ จิบน้ำชา และมองไปยังเฉินเต้าจูนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกปลอดภัยที่เขาคนนั้นมอบให้กับเขา

“คุณลุง เรื่องนี้ของผมพอจะมีวิธีจัดการไหมครับ?” เฉินตงเอ่ยถาม

ตระกูลหลี่งัดไม้ตาย ประกาศภารกิจลอบฆ่ากับองค์กร hidden killers ในดาร์กเว็บ แม้กระทั่งคุณพ่อเองก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้

วิธีการแบบเดิมใช้ไม่ได้ผล จึงหวังเพียงว่าเฉินเต้าจูนจะพอมีวิธีที่แตกต่างจากวิธีการทั่วไป

หากมัวแต่หลบซ่อนต่อไป เอาแต่หดหัวอยู่ในคลับสี่ยิ่นเช่นนี้ ต้องให้คนคอยคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนา

เกรงว่า ถึงแม้จะมีอยู่ชีวิตอยู่ต่อได้อย่างปลอดภัย แต่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินล่ะ จะทำเช่นไร ?

โครงการของบริษัทต่างๆ ได้รับการขยายแล้ว แต่เนื่องด้วยเขาต้องคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในคลับสี่ยิ่น ทำให้ทุกอย่างแทบจะหยุดชะงักลงทั้งหมด

เช่นนี้ จะส่งกระดาษคำตอบที่คะแนนเต็มให้ตระกูลเฉินได้อย่างไร ?

เขาเผชิญอุปสรรคมามากมายขนาดนี้ อย่างไรเสีย ก็ต้องคว้ามงกุฎพระราชาของตระกูลเฉินมาให้ได้ !

เฉินเต้าจูนวางแก้วน้ำชาลง และยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย : “จัดการปัญหาไม่ได้ แล้วจัดการกับคนที่สร้างปัญหาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”

เฉินตงรู้สึกตกใจทันที ราวกับมีความคิดอะไรบางอย่าง

แต่กลับยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “ภารกิจลอบฆ่าในองค์กร hidden killers เมื่อประกาศออกไปแล้ว ต่อให้ฆ่าล้างตระกูลหลี่ยกตระกูล ก็ไม่อาจยกเลิกภารกิจได้ เรื่องนี้คุณพ่อเองก็ได้พิจารณามานานแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น ก็ฆ่าคนขององค์กร hidden killers ก็พอแล้วนี่?”

เฉินเต้าจูนพูดออกมาลอยๆ แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ

ฆ่าคนขององค์กร hidden killers ?

ล้อเล่นอะไรกัน !

เฉินตงอึ้งไป

“คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”

เฉินเต้าจูนแสยะยิ้มออกมา แล้วหันมองเฉินตง

เฉินตงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล องค์กร hidden killers เป็นการรวมตัวกันของนักฆ่าระดับพระกาฬจากทั่วทุกมุมโลก องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่ และมีความสามารถที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

หากจะพูดโดยไม่เกรงใจก็คือ หัวหน้าขององค์กร hidden killers ไม่ต่างอะไรกับพ่อ เป็นคนที่อยู่สูงส่งเหนือผู้ใด และมองข้ามชีวิตของผู้อื่น

แล้วจะฆ่าเขาได้อย่างไร ?

“ฮ่าฮ่า……ฉันกำลังล้อเล่นอยู่จริงๆ” เฉินเต้าจูนพิงลงบนเก้าอี้ แล้วหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน ซึ่งพบเห็นได้ยากยิ่ง

เฉินตง : “……”

“วันนี้เป็นวันที่สามแล้วสินะ?” จู่ๆ เฉินเต้าจูนก็เลิกคิ้วแล้วถามออกมา

เฉินตงผงะไป แล้วพยักหน้า

อาจเป็นเพราะเรื่องการลงมือฆ่านักฆ่ากว่าสิบคนของเฉินเต้าจูน ที่หน้าหลุมศพของแม่ ถูกแพร่งพรายออกไป

ทำให้ระยะเวลาเพียงสามวัน คลับสี่ยิ่นก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความรู้สึก จนลืมแม้กระทั่งเวลา

“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปแล้ว” เฉินเต้าจูนบิดขี้เกียจ แล้วเหลือบมองเฉินง: “เฉินตงน้อยเอ๋ย หากนายอยากขึ้นไปนั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน นายจะต้องดึงเอาความกล้าหาญและไม่กลัวตายเหมือนเช่นตอนที่อยู่ในคุกมืดออกมาใช้”

“ตระกูลมั่งคั่ง ล้วนแล้วแต่เป็นที่ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อคน คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ล้วนแล้วแต่เป็นปีศาจที่อยู่ในคราบของมนุษย์ทั้งนั้น หากนายสามารถชั่วร้ายได้มากกว่าพวกเขา นายถึงจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้”

“การหลบซ่อนตัวด้วยความกลัวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ปีศาจเหล่านี้ได้ใจ และสุดท้ายก็จะต้อนนายจนมุม แล้วนายก็จะถูกพวกเขากลืนกินลงไปในที่สุด”

น้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นการพูดเตือนจากใจจริง

“ขอบคุณครับคุณลุง”

เฉินตงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ เรื่องที่เฉินเต้าจูนและพ่อเคยแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น ในเมื่อเขากล่าวเตือนเช่นนี้ เขาจะต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน

“นายเข้าใจก็ดีแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเต้าจูนจางหายไป จู่ๆ ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงแผ่ซ่านออกมาทันที

ทำให้เฉินตงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขามองสำรวจอย่างระแวดระวัง และรู้สึกว่าบรรยากาศอึมครึมขึ้นทันที

วินาทีถัดมา

เฉินเต้าจูนหยิบแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า : “ในเมื่อมาถึงนี่แล้ว ก็ปรากฏตัวออกมาเถอะ ฉันจะขอต้อนรับด้วยน้ำชามัวแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่อย่างนี้ คิดว่าคนตระกูลเฉินไม่ต้อนรับแขกหรืออย่างไร ?”

มีคนอื่น ? !

เฉินตงตกใจเป็นอย่างมาก เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขาปูดโปนขึ้นมา

เขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

แม้แต่ฟ่านลู่และกูหลังซึ่งคอยควบคุมดูแลทีมรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดทั้งหมดอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้สักนิด !

ทันทีที่พูดจบ

จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เดินมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ

เฉินตงหันมองตามเสียงด้วยความหวาดกลัวทันที ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจจนถึงขีดสุด และรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

ประตูของลานเล็กเปิดออก

ชายผู้ซึ่งพันผ้าเอาไว้รอบตัวค่อยๆ เดินเข้ามา

เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาทั้งสองข้าง เป็นแววตาที่ดูดุร้ายราวกับงูพิษ และฉายแววของความอำมหิตออกมา

ความโหดเหี้ยมแผ่ซ่านออกมาจากตัว

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?

แล้วพวกฟ่านลู่ คุนหลุน กูหลังล่ะ ?

เฉินตงรู้สึกราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ในใจ มีความคิดมากมายปรากฏขึ้น

เขาคิดที่จะหลบซ่อนตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินเต้าจูนกำชับเมื่อครู่

เขาก็กัดฟัน แสร้งนั่งด้วยท่าทีสงบอยู่บนม้าหิน แล้วสำรวจดูชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง

ตอนที่อยู่ห่างกันในระยะสิบก้าว

จู่ๆ มือขวาของเฉินเต้าจูนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาปัดถาดน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะหินออกไป และลอยไปใส่ชายที่พันผ้าคนนั้น

ฉึบ !

ชายที่พันผ้าคนนั้นยกมือขึ้นจับถามน้ำชาเอาไว้ได้

“รินเอง” เฉินเต้าจูนพูดด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาอยู่ในท่าทีที่สบายๆ

ชายที่พันผ้าคนนั้น หยิบกาน้ำชาและถ้วยน้ำชาขึ้นมา จากนั้นจึงปล่อยให้ถาดน้ำชาที่อยู่ในมือหล่นลงบนพื้น หลังจากรินน้ำชาหนึ่งถ้วยแล้ว ก็ดื่มจนหมด

จากนั้น เขาก็หันมองเฉินเต้าจูน : “ชาดี !”

“แน่นอน” เฉินเต้าจูนยิ้มอย่างภูมิใจ “หลานของฉันต้อนรับแขกด้วยความเต็มใจมาโดยตลอด”

“หลาน……”

จู่ๆ ชายที่พันผ้าก็ยิ้มออกมา

จากนั้น ในขณะที่เฉินตงกำลังมองดูด้วยความตกใจจนอ้าปากค้าง เขาก็ค่อยๆ โน้มตัวลงคารวะ

“ผู้อาวุโส ยิวหมินมารบกสนแล้ว ลาก่อน”

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป

เปรี้ยง !

มีเสียงดังกระหึ่มเกิดขึ้นในหัวของเฉินตง ทันใดนั้นสมองของเขาก็ว่างเปล่า

ราวกับคอมพิวเตอร์ที่หยุดทำงาน สูญเสียความสามารถในการประมวลผลไปชั่วขณะ

ไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ?

เขามองดูยิวหมินเดินจากไป

เฉินตงรู้สึกเหมือนลำคอตีบตัน และในปากแห้งผาก

นักฆ่าระดับพระกาฬซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 ของอันดับยมราช การพบกันครั้งที่สอง ก็เพื่อที่จะมาขอดื่มน้ำชาที่อยู่ในมือของลุงเต้าจูนสักแก้วอย่างนั้นเหรอ?

กว่าที่เฉินตงจะตั้งสติได้ ยิวหมินก็หายไปแล้ว

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฉินตงก็ยังรู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความฝันอยู่ดี

“ไปแล้ว จริงๆเหรอ?”

เฉินเต้าจูนหัวเราะออกมา แล้วลุกขึ้นพลางพูดว่า : “ฉันเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน”

ขณะที่พูด เขาก็เดินตรงไปด้านนอก

“ลุงเต้าจูน!”

เฉินตงตะโกนเรียก

เฉินเต้าจูนหยุดเดิน : “จำคำของลุงเอาไว้ ดึงเอาพลังเมื่อตอนที่เธออยู่ในคุกมืดออกมาใช้ ลูกผู้ชาย เมื่อเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว ต้องแบกรับความกล้าหาญของโลกใบนี้เอาไว้ และไม่ย่อท้อ”

เหมือนกับคุณลุง ?

เฉินตงตระหนักได้ในทันที

“จริงสิ เรียกคนให้พาพวกของหลานสะใภ้ไปส่งโรงพยาบาลด้วย ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

เมื่อเดินไปถึงประตู จู่ๆ เฉินเต้าหลินก็พูดขึ้นมา : “นายนี่นะ ไม่ทันสังเกตเลยหรือว่าตอนที่พวกเราดื่มน้ำชากัน ทุกอย่างเงียบผิดปกติ ?”

เฉินตงตัวสั่นในทันที เขาได้สติกลับมาจากความคิดที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่ภายในหัวทันที

เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย และรีบวิ่งตรงไปยังห้องโถงทันที

สิ่งที่เขาเห็น เป็นเหมือนค้อนอันหนังอึ้ง ที่ทุบเข้ามาที่ลูกตาของเขาอย่างแรง

ภายในห้องโถง กู้ชิงหยิ่ง และท่านหลง กำลังนอนหมดสติอยู่บนโต๊ะ

ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

เฉินตงรีบวิ่งไปที่ด้านนอกของลานป่าไผ่

เฉินเต้าจูนจากไปแล้ว

แต่บนพื้น มีคุนหลุน ฟ่านลู่ กูหลัง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกกลุ่มหนึ่ง นอนระเนระนาดอยู่……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset