Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 353 ใครเห็นด้วย? ใครคัดค้าน?

หลังจากเสียงเรียก “เจ้าบ้าน” ที่ดังขึ้นต่อเนื่อง

ภายในห้องอภิปรายก็เงียบสงัดลง

บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด และดูเหมือนทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง

เฉินตงขมวดคิ้วติดกันเป็นปม เขายืนอยู่ด้านหลังเฉินเต้าหลิน ในหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าจงใจร่วมมือกันบีบบังคับ

โดยไม่เหลือทางออกให้พ่อเลยแม้แต่น้อย

เมื่อนึกถึงสิ่งพ่อกำชับเอาไว้ก่อนเข้าห้องอภิปรายเมื่อครู่ เฉินตงก็กัดฟันกรอด ด้วยความโมโหอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น

เฉินเต้าหลินก็หัวเราะออกมา

ห้องอภิปรายที่เงียบสงัด มีเสียงหัวเราะดังก้องกังวาน

ทุกคนต่างหันไปมอง และมีท่าทีที่เปลี่ยนไปในทันที

“ดี ดีมาก! แต่ละคนล้วนแล้วแต่ไม่เห็นเจ้าบ้านคนนี้อยู่ในสายตา คิดที่จะร่วมมือกันบีบบังคับใช่ไหม?”

เฉินเต้าหลินพูดพลางหัวเราะ “ใช่แล้ว ตงเอ๋อของฉันใช้มีดกับคุณน้าสาม ถือว่าทำผิดกฎของตระกูลจริงๆ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังทำร้ายเทียนเซิงและเทียนหย่างสองพี่น้องด้วย ซึ่งถือว่าผิดกฎของตระกูลเช่นกัน”

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

เจ้าบ้านเริ่มเห็นด้วยอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?

ทุกคนต่างจ้องตาเขม็ง

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและเฉินเต้าผิง แววตายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย

ทันทีที่พูดจบ

จู่ๆ เฉินเต้าชินก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ถือว่านายยังรู้จักหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี ในเมื่อต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าลูกชายของนายทำผิดกฎระเบียบ เช่นนั้น ยังจำเป็นจะต้องให้พวกเราบอกอีกหรือว่าควรจะทำเช่นไร?”

“เฉินเต้าชิน นายพูดมากเกินไปหรือเปล่า?”

เฉินเต้าหลินแสยะยิ้มแล้วหันมองเฉินเต้าชิน “หรือจะพูดว่า นายคิดว่าตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถเข็น จะจัดการอะไรนายไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

“นาย……” เฉินเต้าชินโกรธจนหน้าแดง เขากัดฟันแล้วข่มความโกรธเอาไว้

เขามองเฉินเต้าหลินด้วยความกลัวแล้วก้มหน้าก้มตา

วิธีการของเฉินเต้าหลิน ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น เขาเองก็รับรู้อย่างลึกซึ้ง

ไม่สิ!

แต่เป็นทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก และเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น ต่างก็รู้ดีว่าเฉินเต้าหลินดุร้ายแค่ไหน

เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างสูง แต่ก็มีท่าทีที่สงบ

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นำมาอธิบายตัวตนของเฉินเต้าหลินได้ดีที่สุด

หลังจากนั้น เฉินเต้าหลินก็ค่อยๆ กวาดสายตามองดูทุกคน

จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าฉันไม่เห็นด้วย พวกนายคิดจะทำยังไง?”

เขาแสยะยิ้ม แล้วเหลือบมองทุกๆ คน

ทำราวกับว่าไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตา

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินขมวดคิ้ว มือทั้งสองข้างจับพนักแขนเอาไว้แน่น

ทุกคนทั้งตกใจและโกรธ

การละเมิดกฎของตระกูลอย่างโจ่งแจ้ง การพยายามปกป้องอย่างโจ่งแจ้ง นี่เท่ากับว่าไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาแล้วหรือ?

แค่ลูกสวะคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากขนาดนี้?

ถือสิทธิ์ที่เป็นลูกชายของเฉินเต้าหลินอย่างนั้นหรือ?

แต่คำพูดก่นด่าเหล่านี้ ทุกทนได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจเท่านั้น ทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา

“เจ้าบ้านทำเช่นนี้ มันจะมากเกินไปหน่อยหรือไม่?”

เฉินเต้าผิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าหากเจ้าบ้านทำเช่นนี้ ต่อไปตระกูลเฉินจะบริหารปกครองกันได้อย่างไร? เพราะเฉินตงเป็นลูกของนาย จึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้นะหรือ? เช่นนั้นต่อไป ตระกูลเฉินไม่กลายเป็นที่เขตหวงห้ามเฉพาะของนายสองพ่อลูกหรอกหรือ หากเฉินตงอยากจะฆ่าใคร ก็สามารถทำได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นสิ?”

“เกินไปอย่างนั้นหรือ? ได้ ถ้าอย่างนั้น เต้าผิง ไหนนายลองเสนอวิธีจัดการมาซิ?”

เฉินเต้าหลินนั่งอยู่บนรถเข็น เขามองเฉินเต้าผิงด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แววตาเฉียบแหลมราวกับมีด

เฉินเต้าผิงเองก็จ้องตาเขม็งโดยไม่ยอมแพ้ แววตาเต็มไปด้วยความดุดันเช่นเดียวกัน

บรรยากาศน่ากลัวและกดดันที่มองไม่เห็น เกิดขึ้นทั่วทั้งห้องอภิปราย

ทุกคนต่างปิดปากเงียบ และมองดูด้วยความหวาดกลัว

ทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าบ้านและเฉินเต้าผิง

“ฮ่าๆ!”

จู่ๆ เฉินเต้าผิงก็หลุดขำออกมา “ในเมื่อเจ้าบ้านถามแล้ว เช่นนั้นฉันก็จะขอพูดสักหน่อย เพื่อเห็นแก่หน้าเจ้าบ้าน ยกเลิกตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกของลูกคนนี้ซะ และไม่ถือว่าเป็นคนตระกูลเฉินอีกต่อไป เรื่องนี้ก็จะถือว่าจบสิ้นลง!”

เฉินตงรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด

มือทั้งสองข้างจับรถเข็นแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปนขึ้นมา

ความโกรธแค้นที่อยู่ในใจ ดูเหมือนตอนนี้จะคุกรุ่นจนถึงขีดสุด จนแทบจะระเบิดออกมา

แต่ขาด้านขวากลับถูกมือใหญ่กดเอาไว้ เฉินตงจึงสามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้

เขาหันไปมองพ่อ แล้วหันไปมองเฉินเต้าผิงด้วยความโกรธแค้น

คนที่สามารถต่อกรกับพ่อได้ถึงขั้นนี้ ภูมิหลังของคนผู้นี้ในตระกูลเฉิน เกรงว่าจะไม่ได้พึ่งพิงเพียงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ใครเห็นด้วย? ใครคัดค้าน?”

เฉินเต้าหลินเอ่ยปากด้วยท่าทีที่สงบ

ภายในห้องอภิปรายเงียบสงัด

ทุกคนสีหน้าเรียบเฉย

แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้อง

“ดูเหมือนว่า ทุกคนจะเห็นด้วย?”

เฉินเต้าหลินลูบจมูก แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ แต่แววตาของเขากลับค่อยๆ ดุดันขึ้น

ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากพูด

เฉินเต้าชินก็ตะโกนขึ้นมาว่า “นี่ถือเป็นบทลงโทษที่เบาที่สุดสำหรับลูกชายของนายแล้ว”

“ดี!”

เฉินเต้าหลินไม่แสดงความโกรธออกมา แต่กลับหัวเราะ

หลังจากนั้น เขาก็จ้องเขม็งไปที่เฉินเต้าชิน สายตาดูราวกับสามารถปล่อยกระแสไฟออกมาได้

“เฉินเต้าชิน นายมันไร้ซึ่งคุณธรรม คนในตระกูลเฉินต่างรู้ดี นายละโมบโลภมาก แอบยักยอกเงินหลายพันล้านจากบริษัทการเงินของตระกูลเฉินจนหมด นี่ถือว่าทำผิดกฎของตระกูลด้วยหรือไม่?”

คำพูดราวกับเสียงฟ้าผ่า

เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที

เฉินเต้าชิงหน้าซีดราวกับไก่ต้ม

ริมฝีปากของเขาขยับ แล้วพูดออกมาด้วยความตกใจ “นาย นายรู้ได้อย่างไร?”

ตอนที่เอ่ยถามประโยคนี้ออกมา เฉินเต้าชินก็รู้สึกหวาดกลัวจนเสียวสันหลัง เรื่องนี้เขาปิดเป็นความลับสุดยอด ไม่มีทางที่จะมีใครล่วงรู้ได้!

เฉินเต้าหลินหัวเราะเยาะออกมา

จากนั้นจึงหันไปมองเฉินเต้าผิง “เฉินเต้าผิง นายควบคุมสำนักงานของตระกูลเฉินในต่างประเทศ คอยติดต่อกับสมาชิกตระกูลในต่างประเทศ คิดไม่ซื่อกับตระกูลเฉิน แอบใช้ประโยชน์จากฐานะของตนเอง โอนทรัพย์สินของตระกูลเฉินในต่างประเทศให้ผู้อื่น แล้วกอบโกยผลกำไร นี่ถือว่าผิดกฎของตระกูลหรือไม่?”

น้ำเสียงเรียบเฉย

แต่เมื่อได้ยินไปถึงหูของทุกคน กลับเป็นเหมือนเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่น และสั่นสะเทือนไปทั่ว

เสียงของความโกลาหลดังขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาเพียงข้างเดียวของเฉินเต้าผิงฉายแววของความโกรธแค้นออกมา เขากัดฟันและกำหมัดแน่น

แต่เฉินเต้าหลินกลับไม่สนใจ

ยังคงค่อยๆ กวาดสายตามองทุกๆ คน และค่อยๆ หยุดมองทีละคนๆ ราวกับกำลังพูดเรื่องที่ทุกคนต่างก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี

“นาย อาศัยชื่อของตระกูลเฉิน ใช่เล่ห์กลในการฉ้อฉล มีภรรยาทั้งในบ้านและนอกบ้านอยู่นับไม่ถ้วน แม้แต่ลูกนอกกฎหมายก็มีอยู่จำนวนหลายสิบคน เรื่องนี้ ถือว่าผิดกฎของตระกูลหรือไม่?”

“นาย อาศัยชื่อของตระกูลเฉิน วางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอก เดือนที่แล้ว นายออกหน้าหญิงแพศยาคนหนึ่ง ทำลายตระกูลมั่งคั่งเล็กๆ ตระกูลหนึ่งในเมืองหลวง โศกนาฏกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เรื่องนี้ถือว่าผิดกฎของตระกูลด้วยหรือไม่?”

……

วาทศิลป์ที่ชัดเจน แต่กลับแฝงไปด้วยความสงบอย่างแปลกประหลาด

แต่ทุกๆ สายตา ทุกๆ คำพูด ล้วนแล้วแต่ทำให้คนในตระกูลเฉินต่างรู้สึกขนลุก และหวาดกลัว

เฉินตงมองด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเข้าไปในจิตใจอย่างรุนแรง

นี่คือไม้ตายสุดท้ายของพ่ออย่างนั้นหรือ?

เขาจดจำความผิดเหล่านี้เอาไว้ในใจอย่างชัดเจน และถือโอกาสนี้พูดออกมา เพื่อให้ทุกคนตกที่นั่งลำบาก?

ในที่สุด สายตาของเฉินเต้าหลินก็ไปหยุดอยู่ที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน

“นาย นายมองฉันทำไม?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นานแล้ว หากถูกเฉินเต้าหลินเปิดเผยความผิดต่อหน้าทุกคนโดยไม่กล้าโต้แย้ง นั่นเท่ากับว่าเป็นเรื่องจริง

อีกทั้งตอนนี้ เฉินเต้าหลินกำลังจ้องมองเธอ เช่นนั้นความผิด……

“คุณน้าสาม คุณเป็นคนสกุลอื่น ทุกคนต่างให้ความเคารพต่อคุณ เพราะคุณอายุมาก และเป็นเพราะคุณมีคุณูปการต่อตระกูลเฉินในด้านคลอดลูกอบรมสั่งสอนลูก”

เฉินเต้าหลินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่สิ่งที่พูดออกมากลับทำให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินหน้าถอดสี “แต่คุณกลับไม่เคารพตัวเอง มีฐานะที่สูงส่งอยู่ในตระกูลเฉิน แต่กลับอาศัยฐานะนี้กอบโกยผลประโยชน์ แสวงหากำไรให้กับครอบครัวของตนเอง ผมพยายามมองข้ามเรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้คุณน้าสามช่วยสอนผมหน่อยซิว่า เรื่องนี้ถือว่าผิดกฎของตระกูลหรือไม่?”

“นาย……”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโกรธจนหน้าเขียว เธอลุกขึ้นด้วยความโกรธ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก จากนั้นจึงทิ้งตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง

ตอนนี้ คุณหญิงใหญ่ไม่มีท่าที่หยิ่งยโสอย่างเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว แต่กลับดูซึมเศร้าและอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

“เหอะ!”

เฉินเต้าหลินนั่งพิงลงไปบนเก้าอี้ด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม

“ตอนนี้ฉันขอถามอีกครั้ง ใครเห็นด้วย? ใครคัดค้าน?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset