Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 355 ความมั่นใจของเฉินตง

ระหว่างทางกลับคฤหาสน์หลัก

พวกของท่านหลงทั้งสามคน สังเกตได้ถึงความผิดปกติของเฉินตงและเฉินเต้าหลิน หลังออกมาจากห้องอภิปราย

แต่ทั้งสามก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม

ด้วยฐานะแล้ว ไม่ควรถาม

ใบหน้าของเฉินเต้าหลินเย็นชา แววตาดูลึกซึ้ง

เฉินตงที่กำลังเข็นรถเข็นอยู่นั้น ก็หรี่ตาลงด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมเช่นกัน

ระยะเวลาหนึ่งปี เป็นเวลาที่สั้นจริงๆ

โครงการหลายอย่างของเขา เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน รวมไปถึงภารกิจลอบฆ่าขององค์กรhidden killers ก็ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปไม่น้อยเช่นกัน

เมื่อเทียบกับผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ ของตระกูลเฉินแล้ว เขายังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องเดิน

ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหน แต่ไม่อาจขจัดความพยายามของผู้อื่นที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปี หลายสิบปี ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้นได้

ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเป็นผู้สืบทอดมรดกระดับหัวกะทิ ที่ถูกตระกูลเฉินฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินบีบบังคับให้พ่อกำหนดเวลา “หนึ่งปี” เห็นได้ชัดว่าเป็นการโจมตีเขา

แต่ต่อให้รู้ดี ก็ไม่อาจโต้แย้งได้

เพราะพ่อใช้ประโยชน์จากการบีบบังคับ เพื่อควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไปแล้ว

ถ้าหากตอนนี้ ยังไม่ยอมถอยแม้เพียงครึ่งก้าวอีก สถานการณ์อาจนำมาซึ่งความไม่พอใจของสมาชิกระดับสูงของตระกูลเฉินได้ ถึงขั้นอาจทำให้เกิดการต่อต้านขึ้นมา

เฉินตงรู้สึกหดหู่ภายในจิตใจ ระยะเวลาเพียงหนึ่งปี จะเพียงพอจริงหรือ?

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์หลัก

ในที่สุดเฉินเต้าหลินก็เอ่ยปากพูด

“ตงเอ๋อ ลูกจะโทษพ่อไหม?”

เฉินตงส่ายหัว ถึงแม้เขาจะรู้สึกหดหู่ แต่ก็ยังส่ายหัวแล้วพูดว่า “เป็นการใช้ทั้งบุญคุณและการข่มขู่ในเวลาเดียวกัน นี่ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการเล่นงานผม การกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีก็เพื่อที่จะโจมตีผม ถ้าหากพ่อยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ อาจทำให้สถานการณ์ที่ดี ต้องพังทลายลงไปกับตาก็ได้”

แววตาของเฉินเต้าหลินสั่นคลอน และเปล่งประกายออกมา

เขามองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีชื่นชมออกมา

สามารถมองทุกอย่างออกได้ถึงขั้นนี้ สมแล้วที่เป็นลูกชายของเฉินเต้าหลิน

“ลูกไม่โทษพ่อก็ดีแล้ว” เฉินเต้าหลินถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “เห็นได้ชัดว่ายัยแก่นั่น จงใจที่จะใช้กลอุบายเล่นงานเราสองพ่อลูก โดยอ้างชื่อของบรรพบุรุษ รวมไปถึงผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวโยงกันภายในตระกูล กำหนดเวลาหนึ่งปีนี้ หากพ่อไม่รับปากก็คงไม่ได้”

เฉินตงยังคงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ในใจนั้นรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก

กลอุบายนั้นไม่น่ากลัว แต่ความกลัวนั่นแหละคือกลอุบาย

เมื่อเผชิญหน้ากับกลอุบาย อย่าคิดที่จะทำอย่างอื่นนอกจากพุ่งเข้าชน

“นายท่าน กำหนดเวลาหนึ่งปีคืออะไรหรือครับ?” ท่านหลงฟันจนรู้สึกสับสน จึงเอ่ยปากถาม

เฉินเต้าหลินยิ้มออกมาอย่าหดหู่ แต่ไม่ได้พูดตอบ

เฉินตงพูดว่า “ในห้องอภิปราย คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน คิดที่จะใช้เรื่องที่ฉันจะฆ่าเธอ มาเป็นเหตุผลในการจัดการกับฉัน แต่พ่อกลับควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ แต่ก็ถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน บีบบังคับให้รับปากเรื่องการแต่งตั้งเจ้าบ้านคนต่อไป ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบห้าสิบปี ซึ่งก็คือหนึ่งปีหลังจากนี้”

“หนึ่งปี?!”

ท่านหลงหน้าถอดสีทันที

คุนหลุนและฟ่านลู่เอง ก็รู้สึกตกใจพร้อมกัน

“ระยะเวลาหนึ่งปีจะไปพอได้อย่างไร?”

ท่านหลงประสานมือทั้งสองข้างไว้แน่น แล้วพูดด้วยความโมโห “ผู้สืบทอดมรดกเหล่านั้น มีใครบ้างที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน? บางคนถึงขั้นมีประสบการณ์เกือบสิบปี แล้วเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี นี่มันเป็นการไม่ยุติธรรมต่อคุณชายชัดๆ!”

ตั้งแต่ที่นายท่านสั่งให้เขาออกตามหาคุณชายกลับมา และให้คุณชายเข้ามารับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก เพิ่งจะกินเวลาไปแค่ไหนกัน?

ต่อให้มีเวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี คิดไปคิดมาก็ยังไม่ถึงสองปี ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่นี้ ไม่สามารถทำให้คุณชายเติบโตได้เลย

ด้วยระยะเวลาแล้ว คุณชายถือว่าเสียเปรียบอย่างมาก!

ความเป็นเลิศทุกด้าน ต้องอาศัยเวลาในการสั่งสม

ด้วยอายุของท่านหลงแล้ว เขาอยู่รับใช้ตระกูลเฉินมาเป็นเวลานาน เรื่องนี้เขาจึงมองออกอย่างชัดเจน

เฉินเต้าหลินสีหน้ามืดหม่น เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?

แต่เป็นเพราะไม่มีทางเลือก!

ในฐานะเจ้าบ้าน มีอำนาจในการควบคุมทุกอย่าง แต่ก็ถือเป็นตำแหน่งที่ตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคนเช่นกัน

โดยปกติแล้ว เขาสามารถฉวยโอกาสจากผู้ที่คิดร้ายได้ แต่ถ้าหากบีบบังคับทุกคนให้ต้องจนมุม สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะกลายเป็นการต่อต้านอย่างหัวชนฝา

ต่อให้เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน จะไม่กลัวก็คงไม่ได้!

“นายท่าน ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือครับ?”

คุนหลุนเองก็ร้อนใจ “มีเวลาแค่หนึ่งปี นี่มันเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับคุณชาย นี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการกีดกันคุณชายออกไป หลังจากหนึ่งปีให้หลังนี้”

ทว่า

ทันทีที่พูดจบ

ก็มีน้ำเสียงเย็นชาที่ฟังดูแน่วแน่มั่นคงดังขึ้น

“หนึ่งปีก็พอแล้ว!”

เปรี้ยง!

เสียงราวกับฟ้าผ่า ถึงแม้จะเป็นน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ

พวกของเฉินเต้าหลินและท่านหลง ค่อยๆ หันไปมองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ

เฉินตงในตอนนี้ ยืนตัวตรงตระหง่าน แววตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว กลับไม่มีความไม่พอใจและสับสนหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่มีอยู่กลับเป็นแววตาที่เฉียบแหลมและความมุ่งมั่น ดูราวกับดาบคมที่ชักออกมาจากฝัก

หนึ่งปี……เพียงพอจริงๆ หรือ?

“ในเมื่อเขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี ก่อร่างสร้างตัวมาได้ถึงขั้นนี้ หากให้เวลาเขาเพิ่มอีกหนึ่งปี ก็คงจะเพียงพอแล้ว!”

แววตาของเฉินตงเฉียบคม ดูราวกับมีรัศมีเปล่งปลั่งออกมา ทั้งยิ่งใหญ่และทรงพลัง

ตอนนี้ ดูเหมือนทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องเล็กในสายตาเขา

ทุกคนต่างหันไปมอง

จะเรียกว่าเป็นความบ้าระห่ำก็ได้

เมื่อได้ยิน

“ดี! ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายของฉัน เฉินเต้าหลิน ความกล้าหาญขนาดนี้ก็เพียงพอแล้ว!” เฉินเต้าหลินพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

ท่านหลง คุนหลุนและฟ่านลู่เอง ต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน

เมื่อรับรู้ได้ถึงการมองสถานการณ์อย่างประมาทของเฉินตง ทำให้ทั้งสามคนอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ!

เฉินตงลูบจมูก แล้วยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย “ฉันรู้ดีว่าพวกนายกังวลเรื่องอะไร แต่สิ่งที่ฉันกังวลตอนนี้ก็คือ หนึ่งปีหลังจากนี้ ตอนที่ฉันและผู้สืบทอดมรดกทั้งหมดส่งกระดาษคำตอบ พวกของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จะกล้ารับกระดาษคำตอบฉบับนี้ของฉันหรือไม่!”

ความมั่นใจอย่างยิ่งยวดนี้ แม้กระทั่งเฉินเต้าหลินเองก็ยังรู้สึกตกใจ

เขาอดไม่ได้ที่จะตบขาไปหนึ่งฉาด “มีพ่ออยู่ ขอแค่กระดาษคำตอบของตงเอ๋อนั้นยอดเยี่ยมมากพอ หากพวกเขาคิดจะไม่ยอมรับ ก็ไม่อาจทำได้!

“ได้ยินพ่อพูดเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้ว!”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน เขาดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “พ่อครับ ผมควรจะไปได้แล้ว ไม่ว่าลุงเต้าจูนจะยกเลิกภารกิจลอบสังหารขององค์กร hidden killers ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้เมื่อมีเวลาจำกัดเพียงหนึ่งปี ผมก็ควรที่จะต้องกลับไปได้แล้ว!”

“ระวังตัวด้วย!”

เฉินเต้าหลินเองก็ไม่คิดจะรั้งไว้

อันที่จริงแล้ว ตอนนี้เฉินตงเองก็ตกเป็นเป้าโจมตีของตระกูลเฉิน

หากรั้งเอาไว้ ชะตาชีวิตก็จะเปลี่ยน

เมื่อไหร่ที่เฉินตงสามารถส่งกระดาษคำตอบที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ แล้วค่อยเหยียบเข้ามาในตระกูลเฉินอีกครั้ง เขาเชื่อว่า ทุกคนที่จ้องจะโจมตี จะต้องเปลี่ยนเป็นจ้องจะเข้ามาห้อมล้อมอย่างแน่นอน!

นี่คือความมั่นใจที่มากที่สุด ที่พ่อคนหนึ่งจะมีให้แก่ลูกชายได้

เมื่อจัดกระเป๋าเรียบร้อย เฉินตงก็พาพวกของคุนหลุนทั้งสามคนไปบอกลาพ่อ และเตรียมตัวกลับ

เพียงแต่ตอนที่เฉินตงก้าวออกมาจากคฤหาสน์ของเจ้าบ้าน จู่ๆ เฉินตงก็หยุดฝีเท้า

และเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นนัย “พ่อครับ ฐานะของคุณหญิงใหญ่ในตระกูลเฉิน ยากที่จะสั่นคลอนจริงๆ หรือครับ?”

เฉินเต้าหลินใจลอยไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “สั่นคลอนคุณหญิงใหญ่นั้นง่าย แต่สั่นคลอนคนที่หนุนหลังเธอนั้นยาก!”

หนุนหลัง?!

เฉินตงลูบจมูก แววตาลึกซึ้ง “เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

หากเพียงเพราะกฎระเบียบของครอบครัว ด้วยวิธีการของพ่อที่ใช้ในห้องอภิปรายก่อนหน้า หากต้องการที่จะจัดการกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจริงๆ ก็ไม่ถือว่าง่ายเสียทีเดียว

ถึงแม้ทุกครั้งที่พ่ออยู่ต่อหน้าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จะแสดงความแข็งแกร่งออกมา แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ถูกคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้ได้ทุกครั้ง

เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้สูงส่ง แต่กลับถูกคุณหญิงใหญ่แก่ชราคนหนึ่งควบคุมเอาไว้ ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระเล็กน้อย

ไม่ทันถามอะไรมาก เฉินตงก็เดินจากไป

เมื่อเห็นเฉินตงเดินจากไปแล้ว แววตาของเฉินเต้าหลินก็ลึกซึ้ง ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ

“ตระกูลมั่งคั่ง ต่อให้เป็นตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก็ง่ายดายเหมือนอย่างที่ลูกคิด”

พักใหญ่ เฉินเต้าหลินก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “หลานเอ๋อ โทษที่ผมเป็นพ่อที่ไม่ดี ผมสู้คุณไม่ได้……”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset