Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 356 ข่าวดีของภรรยา

เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวส่งเสียงดังสนั่น เตรียมออกจากรันเวย์เพื่อทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

มองดูคฤหาสน์ตระกูลเฉินที่อยู่เบื้องล่าง ซึ่งค่อยๆ ห่างออกไปทุกทีๆ

เฉินตงก็พึมพำกับตัวเองว่า “หนึ่งปีให้หลัง เมื่อฉันกลับมาเหยียบที่นี่ใหม่อีกครั้ง ฉันจะทำให้พวกนาย ยอมก้มหัวให้ได้”

ครั้งแรกที่เหยียบเข้าตระกูลเฉิน เขารู้ซึ้งแล้วว่า อะไรที่เรียกว่าความอัปยศ

คำก็ลูกสวะ สองคำก็ลูกสวะ เป็นเหมือนมีดที่กรีดแทงหัวใจเสียจริงๆ

แม้แต่ในสายตาของคนรับใช้ธรรมดาๆ ก็ยังเป็นเพียงแค่ลูกสวะคนหนึ่ง ที่ผู้คนสามารถทุบตีได้

เป็นเป้าโจมตีของทุกคน มีเพียงพ่อคนเดียวเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือ

สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจถ่องแท้ว่า ลำดับชั้นของตระกูลเฉินนั้น มีความซับซ้อนมากเพียงใด

ภายในห้องอภิปราย ถึงแม้พ่อจะควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้ แต่เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว พ่อก็แค่ใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมา เพื่อให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้นก็เท่านั้น

หากลองสังเกตดู อันที่จริงแล้ว ทั้งคำพูดและการกระทำของทุกคนในตอนนั้น สามารถที่จะค้นหาบางอย่างที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นออกมาได้

อย่างเช่น อันที่จริงแล้วในตอนนั้น ทุกคนก็ไม่ได้มีใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

มิเช่นนั้น เฉินเต้าชินก็คงไม่ยอมปล่อยให้ตนเองต้องอับอายขายหน้า และเฉินเต้าผิงกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ไม่ต้องขาดคนสนับสนุนไป

“คุณชาย หนึ่งปี จะพอจริงๆ หรือครับ?”

ท่านหลงเอ่ยถามด้วยความลังเล แววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน

เฉินตงเมื่อครู่นั้น มีความมั่นใจอย่างยิ่งยวด ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกเชื่อมั่น

แต่ตอนนี้เมื่อทุกอย่างสงบลง ท่านหลงกลับยังคงรู้สึกวิตกกังวลอยู่

เวลาหนึ่งปี สั้นเกินไปจริงๆ!

คุณชายจะต้องส่งกระดาษคำตอบ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีนี้ เพื่อเอาชนะผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินทุกคน

การผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน รวมไปถึงประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่าสิบปี คุณชายสามารถเอาชนะได้ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งปีจริงๆ หรือ?

เฉินตงหัวเราะออกมาโดยไม่พูดอะไร

“คนธรรมดาก็คือคนธรรมดา ยิ่งเมื่อไม่มีทางเลือกด้วยแล้ว นอกจากจะเดินหน้าสู้ต่อไปอย่างกล้าหาญ ก็ไม่เหลือหนทางที่จะล่าถอยได้อีก”

แววตาของท่านหลงสั่นคลอน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

หนึ่งปี ไม่มีทางพอจริงๆ!

ต่อให้พวกเขาจะอยู่ข้างกายเฉินตง และเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของเฉินตง ด้วยตาของพวกเขาเอง แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าเฉินตงจะสามารถเป็นผู้ชนะได้

บรรยากาศเริ่มหดหู่อย่างหนัก

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน “ในใจของพวกนาย ฉันมันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือ?”

“คุณชายเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่กระผมเคยพบเห็นมา” ท่านหลงเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

คุนหลุนกับฟ่านลู่เองก็หันไปมองเฉินตงพร้อมกัน ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาก็แสดงออกว่าเห็นด้วยกับท่านหลง

เฉินตงยักไหล่ และพูดออกมาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น “เพื่อภรรยาและเพื่อพ่อแล้ว ฉันจำเป็นจะต้องชนะให้ได้!”

……

เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินแถบชานเมือง

ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

แต่ว่าเฉินตงไม่ได้กลับไปที่คลับสี่ยิ่นในทันที แต่กลับพาพวกของท่านหลงทั้งสามคน มุ่งหน้าไปยังสุสานของแม่

“คุณชาย ทำเช่นนี้อันตรายเกินไปแล้ว” ท่านหลงรู้สึกกลัวอยู่ในใจ

เมื่อนึกถึงภาพของเฉินเต้าจูนในวันนั้นที่ปรากฏขึ้นต่อหน้า มีนักฆ่าสิบกว่าคนที่มาคอยดักรออยู่นานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการซุ่มโจมตีจากทุกด้าน

หากไปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่มีเฉินเต้าจูนอยู่ด้วยแล้ว

“คงจะไม่มีอะไร”

แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง เขายิ้มออกมาเล็กน้อย

จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แต่ว่า ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วสิว่า เสี่ยวหยิ่งจะบอกข่าวดีอะไรกับฉันกันแน่”

ตอนที่เพิ่งลงจากเครื่องบิน เขาได้คุยโทรศัพท์กับกู้ชิงหยิ่ง บอกว่าจะไปเคารพหลุมศพของแม่ก่อน

ขณะพูดคุยกัน กู้ชิงหยิ่งพูดจามีลับลมคมใน บอกว่ามีข่าวดีจะบอก โดยรอให้เขากลับถึงบ้านก่อนแล้วจะบอกเขา

อันที่จริงแล้ว น้อยครั้งนักที่กู้ชิงหยิ่งจะพูดจามีลับลมคมใน ต่อให้เป็นการแสร้งทำ ก็จะเจือปนท่าทีขี้เล่นเล็กน้อย

แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอในสายโทรศัพท์เมื่อครู่ กลับเป็นเสียงที่จริงจัง ซึ่งหาได้น้อยครั้งมาก

เมื่อได้ยิน

ท่านหลงก็ส่ายหัวด้วยความงุนงง

ฤดูใบไม้ร่วง สายลมพัดพาเอาความหนาวเหน็บเล็กน้อยมา

บริเวณโดยรอบหลุมศพของแม่ ถึงแม้ครั้งก่อนจะเกิดการ “สังหาร” ที่น่าอนาถขึ้น แต่หลังจากที่มีการเก็บกวาดตามมาเรียบร้อยแล้ว บริเวณโดยรอบก็มีสภาพกลับมาดังเดิม

ป้ายหลุมศพตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าหลุมศพอย่างโดดเดี่ยว

ด้านบนมีรูปของแม่แปะเอาไว้

เฉินตงคุกเข่าลงด้านหน้าหลุมศพด้วยท่าทีที่สงบและเคร่งขรึม

มีเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่แดงก่ำขึ้นมา

เมื่อไปตระกูลเฉินแล้ว ถึงได้รู้ว่าตระกูลเฉินนั้นมีความซับซ้อนมากแค่ไหน

หากพูดตรงๆ ก็คือ ตอนนั้นที่พ่อสามารถปกป้องพวกเขาสองแม่ลูกเอาไว้ได้ ก็ถือว่าต้องใช้ความสามารถอย่างมหาศาลแล้ว

ภาพในห้องอภิปรายปรากฏขึ้นในหัว คนเหล่านั้นกล้าตะโกนโห่ร้องที่จะฆ่าเขาต่อหน้าพ่อ ในตอนนั้นที่พ่อเป็นเพียงแค่ผู้สืบทอดมรดก คิดว่าคงยิ่งรุนแรงมากกว่านี้

นี่จึงไม่แปลกเลยที่หลังจากพ่อได้ดำรงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว จึงไม่เคยคิดที่จะยกฐานะที่แม่ควรจะได้ให้กับแม่เลย

ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้

แต่เป็นเพราะแรงกดดัน จนไม่อาจให้ได้!

เขาและแม่ต่อสู้ดิ้นรนร่วมกันมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี เขาพยายามอย่างสุดชีวิต ก็เพื่อคำพูดที่ท่านหลงพูดเอาไว้กับเขา ตอนที่พบหน้ากันครั้งแรก มอบเกียรติยศที่ควรจะเป็นของแม่ กลับคืนให้กับแม่ทั้งหมด

“แม่ครับ อีกหนึ่งปีให้หลัง ผมจะเอาเกียรติยศที่แม่ต้องสูญเสียไปกว่ายี่สิบปี กลับคืนมาให้แม่”

เฉินตงค่อยๆ ก้มหัวลง เหมือนกับกำลังกล่าวคำสาบาน “ผมจะให้แม่กลับไปอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลเฉิน ให้คนในตระกูลเฉินทุกคน ต้องก้มหัวให้แม่ และยอมเรียกแม่ว่า——คุณนายเฉิน!”

พูดจบ เฉินตงก็ลุกขึ้นทันที แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว

ที่เขามาที่หลุมศพของแม่ก่อน เป็นเพราะหนึ่งปีต่อจากนี้ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้มากราบไหว้แม่แล้ว

หนึ่งปีนั้นสั้นนัก สำหรับการต่อสู้แข่งขันเพื่อขึ้นเป็นเจ้าบ้านของเขา

แต่สำหรับการมากราบไหว้แม่นั้น เวลาหนึ่งปีถือว่ายาวนานมาก

หากหน้าหลุมศพไม่มีธูปเทียน ก็เท่ากับอกตัญญู!

……

เหมือนกับที่เฉินตงคาดเอาไว้ ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินจนถึงหลุมศพของแม่ และจนกระทั่งกลับไปถึงคลับสี่ยิ่น ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ไม่มีเรื่องร้ายใดๆ เกิดขึ้น

ราวกับว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า กลับไปสู่ภาวะปกติอย่างเงียบๆ เรียบร้อยแล้ว

แต่อย่างไรเสียก็ยังต้องระวัง

เฉินตงไม่ได้ยกเลิกการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบลานป่าไผ่

การระมัดระวัง เป็นเหตุผลที่จะทำให้มีอายุยืนยาว เขาเองก็รู้ดี

ซึ่งแม้สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น จนทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง

บรรยากาศยามค่ำคืนไร้เสียงผู้คน

ภายในลานป่าไผ่สวยงามและเงียบสงบ

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งนอนอยู่บนเตียง ภายในห้องมีแสงไฟสลัวๆ โทรทัศน์ยังคงเปิดอยู่ ทำให้ห้องที่เงียบสงบ ไม่ดูอ้างว้างจนเกินไป

“ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไร?” กู้ชิงหยิ่งขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ใบหน้าอันงดงามถูกผ้าห่มปิดบังเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เธอมองดูเฉินตงด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“ผมอาบน้ำจนสะอาดตั้งนานแล้ว”

เฉินตงพูดขึ้นมาลอยๆ อย่างไม่มีเหตุผลหนึ่งประโยค

กู้ชิงหยิ่งผงะไป “อาบน้ำสะอาดแล้ว แล้วยังไงต่อ?”

เฉินตงดูเศร้าหมอง และแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “มีคนพูดว่า การแยกจากกันบ้าง ทำให้ชีวิตแต่งงานใหม่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่คุณกลับไม่คิดอะไรกับผมเลย นี่มันช่างหน้าผิดหวังจริงๆ”

“หึ คุณนี่มันร้ายกาจจริงๆ” กู้ชิงหยิ่งตัวสั่น ใบหน้าอันงดงามของเธอค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมา

“ที่รัก ผมต้องการ”

เฉินคงหันไปมองกู้ชิงหยิ่ง

ตาทั้งสองคู่สบกัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

ภายใต้แสงไฟสลัวๆ กลายเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ขึ้นมาทันใด

ดูเหมือนบรรยากาศจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรักที่รุนแรง

วินาทีถัดมา

เฉินตงกระเถิบตัวเข้าไปอยู่ตรงหน้ากู้ชิงหยิ่ง

ทว่า

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งกลับยกมืออันเรียวงามขึ้น นิ้วมืออันงดงามค่อยๆ สัมผัสลงบนริมฝีปากของเฉินตง แล้วกล่าวตำหนิว่า “คนบ้า ฉันยังไม่ยินยอมสักหน่อย”

“ห่างกันไปขนาดนี้ คุณยังไม่มีใจโหยหาอีก ในฐานะที่ผมเป็นสามีรู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ” เฉินตงถอนหายใจออกมา

กู้ชิงหยิ่งผงะไป แล้ววางมือของเธอลง

จากนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อก็ค่อยๆ ขยับเล็กน้อย ราวกับแมลงปอที่แตะผิวน้ำ สัมผัสเข้าหากันแล้วแยกออก

กลิ่นหอมที่ลอยเตะจมูก ทำให้เฉินตงรู้สึกเคลิบเคลิ้ม

แต่ท่าทีของกู้ชิงหยิ่งกลับทำให้เขารู้สึกสงสัยและประหลาดใจเล็กน้อย “แล้วยังไงต่อ?”

“ลืมไปแล้วหรือว่าตอนคุยโทรศัพท์กัน ฉันพูดว่ามีข่าวดีจะบอกคุณ?” ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งแดงก่ำ ดวงตาอันงดงามของเธอเปล่งประกายแวววาว ดูเขินอายและมีเสน่ห์อย่างมาก

ริมฝีปากแดงระเรื่อค่อยๆ ขยับ คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้เฉินตงรู้สึกปีติยินดี จนกระโดดโลดเต้น

“ที่รักคะ พวกเรามีเฉินตงน้อยแล้ว”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset