Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 368 ล้อมรอบ

ห้องจัดเลี้ยงที่โอ่อ่า

โคมไฟระย้าคริสทัลส่องแสงประกายแวววาว

บนจอภาพขนาดใหญ่ กำลังฉายภาพยนตร์อยู่

ชายหญิงที่แต่งกายในชุดสูทรองเท้าหนัง และสวมใส่เดรสยาว เดินขวักไขว่ไปมา และคอยยกแก้วแชมเปญที่อยู่ในมือขึ้นทักทายกันอยู่บ่อยๆ

ทุกคนล้วนดูมีระดับ และเฉิดฉายงดงามอย่างมาก

แม้กระทั่งกิริยามารยาทต่างๆ ล้วนแล้วแต่สง่างามและสูงส่ง

ฉู่เจียนเจียสวมใส่ชุดราตรีสีดำ ยกแก้วแชมเปญที่อยู่ในมือทักทายกับนักธุรกิจที่อยู่รอบข้าง และพูดคุยอย่างเป็นมิตร

งานเลี้ยงลักษณะนี้ อาศัยความสามารถของเธอ สามารถรับมือได้อย่างสบายๆ

ส่วนอีกมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง

ที่นี่ดูค่อนข้างจะเงียบสงบกว่า

ฉินเย่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือถือสเต๊กอยู่ และกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย

ส่วนจางหยู่หลันที่นั่งอยู่ข้างๆ สวมใส่เดรสสีขาว ด้านข้างประดับด้วยดอกเดซีสีชมพู ดูราวกับนางฟ้า

พูดได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกและรูปร่างของเธอนั้น ดีที่สุดจนยากจะหาใครเปรียบได้ ฉู่เจียนเจียเองก็ยังเทียบไม่ติด

เพียงแต่ จางหยู่หลันในตอนนี้ กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันมองฉินเย่อย่างจนใจ

“คุณออกไปกับฉันได้ไหม ? ในงานมีคนตั้งมากมายนะ”

ฉินเย่ส่ายหัว “ไม่ไป คุณสวยขนาดนี้ ผมไม่อยากให้คนพวกนั้นพูดว่า ดอกฟ้ากับหมาวัดหรอกนะ”

“ฉินเย่ !”

จางหยู่หลันกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ในหน้างดงามของเธอเต็มไปด้วยความโมโห “คุณคิดอะไรของคุณอยู่กันแน่ ? งอแงแบบนี้มีประโยชน์อะไร ?”

“มีประโยชน์สิ สนุกไง”

ฉินเย่เลิกคิ้ว แล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ยินดียินร้าย “เฮ้อ คุณจะมาสนใจผมทำไม ควรจะทำอะไรก็ไปทำซะ”

“คุณ……”

ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันแดงก่ำ เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธ แล้วหันหลังเดินจากไป

มองดูจางหยู่หลันที่เดินกลับเข้าไปในฝูงชน และสามารถดึงดูดสายตาของผู้คนโดยรอบได้

ฉินเย่ก็โยนสเต๊กที่อยู่ในมือกลับลงไปในจาน แล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้อย่างสบาย จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่ “ผมคู่ควรกับคุณที่ไหนกัน”

“คุณเฉินมาถึงแล้ว !”

ตอนนี้เอง มีเสียงตะโกนดังขึ้นตรงประตูห้องจัดเลี้ยง

ห้องจัดเลี้ยงที่เดิมทีบรรยากาศกำลังคึกคัก จู่ๆ ก็สงบลงทันที

ทุกสายตาจับจ้องไปที่ประตู

ฉินเย่เองก็เก็บซ่อนความขมขื่นบนใบหน้า แล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหา

หลังจากประตูใหญ่เปิดออก

เฉินตงก็ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง

ท่านหลงและคุนหลุนเดินตามมาทางด้านหลัง

เนื่องด้วยความสัมพันธ์ที่มีกับตระกูลจางและตระกูลฉู่ เฉินตงจึงไม่ถือเป็นคนแปลกหน้าสำหรับวงการบันเทิง ยิ่งไปกว่านั้น แขกที่ตระกูลจางและตระกูลฉู่เชิญมาในคืนนี้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอำนาจของบริษัทที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมและอยู่ในแวดวงเดียวกันทั้งสิ้น

แต่เมื่อทุกคนเห็นเฉินตง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง

นี่……ไม่ดูหนุ่มเกินไปหน่อยหรือ ?

จากสิ่งที่ผู้มีอำนาจเหล่านี้เคยได้ยินมา บริษัทด้านสื่อบันเทิงของฉู่เจียนเจียในตอนนี้ เป็นการร่วมทุนกับเฉินตง

และสิ่งที่ฟังดูน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าก็คือ เป็นเพราะเฉินตง ที่ทำให้ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงทั้งสองอย่างตระกูลจางและตระกูลฉู่ สามารถจับมือ และร่วมลงทุนกันในบริษัทของฉู่เจียนเจียได้ ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเกิดได้ยากยิ่ง

ในความคิดของพวกเขา คนที่สามารถจัดการให้ตระกูลจางและตระกูลฉู่สามารถตกลงร่วมมือกันได้นั้น จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์อย่างสูง อย่างน้อยก็น่าจะเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน

แต่เฉินตงที่ยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง

คนหนุ่มขนาดนี้ ทำให้ตระกูลจางและตระกูลฉู่ร่วมมือกันได้ ?

เสียงซุบซิบค่อยๆ ดังขึ้นตามมาทันที

“ให้ตายสิ นี่ดูเด็กเกินไปไหม ห่างไกลกับที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลย”

“คุณจะไปรู้อะไร คนคนนี้มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ อย่าว่าแต่ร่วมลงทุนกับตระกูลจางและตระกูลฉู่เลย จะบอกคุณให้อีกอย่างนะว่า คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมตอนนี้ตระกูลหลี่ถึงตกต่ำเช่นนี้ ?”

“ไม่ ไม่จริงหรอกมั้ง ? คือ คือเขาหรือ ?”

……

ทันใดนั้น ก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียงและรอบรู้คนหนึ่ง กระจายข่าวนี้ให้ทุกคนรู้ในทันที

ทำให้คนที่กำลังตกตะลึงเพราะความอ่อนวัยของเฉินตง ค่อยๆ นิ่งอึ้งไปทันทีราวกับถูกฟ้าผ่า

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อมองดูชนชั้นสูงเหล่านั้น

คนเหล่านี้ก็เป็นเพียงชนชั้นสูงในวงการบันเทิงของเมืองหลวงเท่านั้น ซึ่งไม่ต่างจากชนชั้นสูงที่แท้จริงของเมืองหลวงนัก

ถึงแม้ตระกูลจางและตระกูลฉู่จะถือเป็นหัวเรือใหญ่ของวงการบันเทิง แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางตระกูลที่มั่งคั่ง ก็อาจเหนือกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างก็ตาม ชื่อเสียงของเขานั้น ทำให้ตระกูลมั่งคั่งของเมืองหลวงรู้สึกสั่นคลอนได้จริง

อีกทั้งระดับของคนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ แทบไม่มีโอกาสสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนที่เขาสร้างขึ้นในเมืองหลวงได้เลย

การที่ไม่รู้จักเขา ก็ถือว่ามีเหตุผล

“พี่ตง !”

ฉินเย่เดินเข้ามาหาเฉินตงพร้อมรอยยิ้ม

จางหยู่หลันซึ่งกำลังเดิมมาพร้อมกับฉู่เจียนเจียพอดี เมื่อเห็นภาพนี้ ก็กัดริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยความโมโหทันที หมอนี่ เมื่อกี้ไม่ยอมออกมาไม่ใช่หรือ ?

ฉันยังเทียบกับผู้ชายไม่ติดเลยหรือ ?

“คุณเฉิน คุณมาได้ ยิ่งทำให้พวกเราเฉิดฉายมากขึ้นจริงๆ”

ฉู่เจียนเจียยิ้มเล็กน้อยและพูด เป็นคำพูดที่ไม่ได้ถ่อมตัว แต่กลับเป็นการเอ่ยชมเฉินตง

ส่วนจางหยู่หลัน กลับมองข้ามเฉินตงไป แล้วเดินตรงเข้าไปหาฉินเย่ จากนั้นจึงแอบใช้มืออันเรียวงามของเธอ หยิกเข้าไปที่เนื้อนุ่มๆ ตรงท้องของฉินเย่

เฉินตงเพิกเฉยจ่อภาพที่เกิดขึ้น

ยิ้มและหันไปพูดคุยกับฉู่เจียนเจีย “เกรงใจทำไม คุณให้ผมมาควบคุมสถานการณ์ ผมจะไม่มาได้อย่างไร ?”

“ตระกูลหลี่ยังมาไม่ถึง ฉันจะพาคุณฉินไปแนะนำให้รู้จักทุกคนที่นี่ก่อน” ฉู่เจียนเจียยิ้มและคล้องแขนเฉินตง

เฉินตงผงะไป จากนั้นจึงถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว แล้วดึงแขนกลับมาจากฉู่เจียนเจีย

“ขอโทษด้วย ผมมีภรรยาแล้ว อย่าทำให้ภรรยาของผมต้องเข้าใจผิด”

ฉู่เจียนเจียยิ้มร่าออกมาในทันที “ขอโทษด้วยค่ะคุณเฉิน ฉันไม่ทันคิดให้รอบคอบ เชิญทางนี้ค่ะ”

เฉินตงยื่นมือไปรับไวน์แดงที่ฉู่เจียนเจียยื่นมาให้จากนั้นจึงเดินตามฉู่เจียนเจียเข้าไปในฝูงชนและทักทายกับทุกคน

เขาไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธเรื่องนี้

ในเมื่อร่วมลงทุนกับฉู่เจียนเจียแล้ว การออกหน้าในงานเลี้ยงลักษณะนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร

เป็นเพราะข่าวที่ผู้รอบรู้ได้บอกกล่าวออกไปเมื่อสักครู่ ทำให้เฉินตงเอง ได้รับการชื่นชมยกย่องจากทุกคนไม่น้อย ถึงขนาดมีคนจำนวนไม่น้อย ที่อยากจะอาศัยโอกาสนี้ทำความรู้จัก

บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างมาก

ในเวลาเดียวกันนี้

ด้านนอกโรงแรม

สายฝนยังคงตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ทันใดนั้น

รถบัสโตโยต้า โคสเตอร์คันหนึ่ง ก็วิ่งไปจอดยังหน้าประตูโรงแรม

พร้อมกับเสียงเบรกดังสนั่น

รถบัสจำนวนสิบคันเต็มๆ จอดอยู่ด้านหน้าโรงแรม

ภาพนี้ ทำให้พนักงานโรงแรมต่างตกใจจนหน้าถอดสี และรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ยังไม่ทันจะตั้งสติ

รถบัสโคสเตอร์ทั้งสิบคันก็เปิดประตูออกพร้อมกัน และมีฝูงชนวิ่งกรูกันลงมาเหมือนสายน้ำ

ร้อยคนพอดิบพอดี !

ในรถยนต์คันหนึ่ง

หลี่เต๋อซานกำลังเดินโซเซลงมาจากรถ โดยมีชายวัยกลางคนคอยประคองอยู่

หลังจากวันนั้น ที่เขาโมโหจนสุดขีดและหมดสติไป ร่างกายของหลี่เต๋อซานก็อ่อนแอลงอย่างมาก

เขาใช้สายตาอันเย็นชา เหลือบมองโรงแรมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงหันไปสั่งชายวัยกลางคนว่า “ทำตามแผนที่วางไว้ ฉันจะเข้าไปในงานเลี้ยงก่อน”

หลังจากพูดจบ เขาซึ่งสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในโรงแรมอย่างช้าๆ

ส่วนคนอีกร้อยคนที่ลงมาจากรถ ก็อาศัยช่วงเวลานี้ ควบคุมพนักงานโรงแรมเอาไว้อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดมีบางคนทำหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ระดับมืออาชีพ เพื่อตัดสัญญาณโดยตรง

นี่ทำให้ผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยง ไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติใดๆ เลย

ยังคงดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สนุกสนาน

พูดคุย หัวเราะ ชนแก้วกันอย่างมีความสุข

แอ๊ด……

ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า ประตูใหญ่ของห้องจัดเลี้ยงกำลังค่อยๆ ถูกผลักให้เปิดออก

หลี่เอซานค่อยๆ เดินเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยงเพียงลำพัง

ท่าทีของเขาดูมืดมนและไม่แยแส แววตาเต็มไปด้วยความดุดัน ความรู้สึกน่าหวาดกลัวแผ่ซ่านออกมาจากทั่วตัวของเขา

มีเพียงมุมปากเท่านั้น ที่เผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset