Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 369 จัดการเขา !

“หลี่เต๋อซานมาแล้ว !”

มีเสียงกระซิบดังขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังคึกคักอยู่

บรรยากาศเงียบสงบลงทันที ทุกสายตาค่อยๆ หันไปจับจ้องตรงประตูห้องจัดเลี้ยง

“เขามาได้ยังไง ? วันนี้เป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนภายในอุตสาหกรรมของพวกเรา ตระกูลหลี่ไม่มีธุรกิจด้านบันเทิงไม่ใช่หรือ ?”

“เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งอย่างตระกูลหลี่ จะเข้ามามีส่วนร่วมในแวดวงธุรกิจของพวกเรา”

“เชอะ……นั่นมันก็แค่ดอกไม้ที่ใกล้จะโรยราแล้ว ตระกูลหลี่ในตอนนี้ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งได้เสียเมื่อไหร่กัน ?”

……

คำพูดกระซิบกระซาบ เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเสียงหัวเราะด้วยความดูถูก

ตระกูลหลี่ซึ่งเคยเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง เป็นชนชั้นสูงที่แท้จริงในเมืองหลวง และอยู่บนยอดสุดของพีระมิดอย่างภาคภูมิ

อย่าว่าแต่ผู้มีอำนาจในแวดวงบันเทิงที่อยู่ในงานเลย แม้แต่ตระกูลจางและตระกูลฉู่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหลี่ ก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งเท่านั้น

แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงได้เปลี่ยนไปแล้ว ตระกูลหลี่กำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ และไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว

เมื่อสูญเสียอำนาจ ทุกคนก็จ้องที่จะเหยียบย่ำ

ถึงแม้ภายในงาน จะไม่มีใครกล้าท้าทายกับตระกูลหลี่อย่างตรงไปตรงมา แต่ความรู้สึกเยาะเย้ยภายในจิตใจนั้นก็ยังคงมีอยู่

เฉินตงที่กำลังยืนอยู่ในฝูงชน ดูราวกับดาวที่กำลังล้อมเดือนอยู่

“มาแล้วหรือ? ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว”

เฉินตงหันมองหลี่เต๋อซานด้วยท่าทีที่สงบ แววตาลึกซึ้ง

ตอนแรกที่พบกับหลี่เต๋อซาน ต่อให้คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่จะอยู่ด้วยก๋ตาม แต่หลี่เต๋อซานก็มักมีท่าทีที่ทำให้คนต้องหวาดกลัว

ทว่าตอนนี้ กลับมีท่าทีที่คล้ายกับคนเสียสติ

“คุณชาย ระวังตัวด้วยครับ !”

ท่านหลงและคุนหลุนเข้าไปยืนขนาบเฉินตงพร้อมกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ส่วนฉู่เจียนเจียยืนอยู่ด้านข้างของเฉินตง ด้วยท่าทีที่แสดงออกให้เห็นว่ามีเฉินตงเป็นผู้นำ

ที่เธอตั้งใจเชิญเฉินตงมา ก็เพราะรู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จึงเชิญเฉินตงมาเพื่อช่วยควบคุมสถานการณ์

ถึงแม้ตระกูลหลี่จะล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง แต่ถ้าหากยืนหยัดขึ้นมาได้จริงๆ ตระกูลจางและตระกูลฉู่เอง ก็คงจะรับมือได้ยากเช่นกัน

ส่วนฉินเย่ ก็ดึงจางหยู่หลันไปหลบที่ด้านหลังของตนเองตามสัญชาตญาณ

เดิมที จางหยู่หลันยังรู้สึกโมโหฉินเย่อยู่เล็กน้อย แต่กลับต้องรู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำนี้ และหันมองฉินเย่ด้วยแววตาที่พร่ามัว

ถูกทุกสายตาจับจ้องอยู่

หลี่เต๋อซานซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ของห้องจัดเลี้ยง เมื่อรับรู้ได้ถึงแววตาดูถูกเหยียดหยามที่มองมา

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงระเบิดอารมณ์โกรธออกมาแล้ว

สำหรับเขาแล้ว คนเหล่านี้เมื่ออยู่ตรงหน้าของตระกูลหลี่ ก็เป็นเพียงแค่มดที่ตัวใหญ่สักหน่อยก็เท่านั้น แล้วยังจะกล้าดูถูกเหยียดหยามตระกูลหลี่อีกหรือ ?

นี่ถือเป็นการดูหมิ่นตระกูลหลี่อย่างมาก !

แต่ตอนนี้ แววตาของเขากลับเรียบเฉยและดูสงบ

ฉึบ !

เขาหยิบซิการ์ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นจึงจุดไฟ

พ่นควันโขมงออกมา จากนั้นหลี่เต๋อซานจึงยิ้ม พลางเอ่ยถามว่า “ทำไม ? ตระกูลหลี่มาถึงงาน ทำให้พวกคุณรู้สึกประหลาดใจจนพูดไม่ออกเลยหรือยังไง ?”

มีความเย่อยิ่งแฝงอยู่ในคำพูด

เมื่อทุกคนได้ยิน กลับรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง

“เชอะ……วางมาดอะไรกัน ? มีใครไม่รู้บ้างว่าสถานการณ์ของตระกูลหลี่ในตอนนี้เป็นอย่างไร ?”

“ตระกูลหลี่ในสมัยก่อน พวกเราไม่อาจเทียบได้จริงๆ แต่ตระกูลหลี่ในตอนนี้……ต้องขอเตือนเจ้าบ้านตระกูลหลี่เสียหน่อยว่า ในเมื่ออยู่กันคนละแวดวง ทำไมต้องมาก้าวก่ายกันด้วย ?”

“ไม่รู้จริงๆ ว่าหลี่เต๋อซาน ตอนนี้ยังเอาความมั่นใจในการพูดคำพูดเช่นนี้มาจากไหน ? หลังจากที่ตระกูลหลี่ถูกยักษ์ใหญ่พวกนั้นกลืนกินเข้าไป เกรงว่าแม้กระทั่งพวกเราก็ยังไม่อาจสู้ได้ !”

……

คำพูดเย้ยหยันค่อยๆ ดังขึ้น

แปะแปะแปะ……

แทนที่จะโกรธ หลี่เต๋อซานกลับปรบมือ

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจ เสียงดูถูกเย้ยหยัน ค่อยๆ สงบลง

“พูดได้ดี อยู่คนละแวดวงกัน คงไม่อาจก้าวก่ายได้จริงๆ”

หลี่เต๋อซานคาบซิการ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความยินดี “วันนี้ฉันเองก็ไม่ได้คิดที่จะเข้ามาก้าวก่ายแวดวงของพวกคุณ แต่ว่า……มาเพื่อแก้แค้น !”

เปรี้ยง !

คำพูดราวกับเสียงฟ้าผ่า

ทุกคนที่อยู่ในงานต่างแสดงท่าทีตกใจออกมาพร้อมกัน

“เฉินตง แค้นที่ฆ่าพ่อ ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ ฉันจะให้แกต้องตายอยู่ที่นี่ !”

จู่ๆ หลี่เต๋อซานก็มีท่าทีดุร้าย และตะโกนออกมาเสียงดัง

ทันใดนั้น

สายตาหวาดกลัวทั้งหมด ก็จับจ้องไปที่เฉินตง

คนที่อยู่ในงาน ที่พอจะรับรู้เรื่องของตระกูลหลี่ เห็นจะมีเพียงตระกูลจางและตระกูลฉู่

ส่วนคนอื่นๆ แล้ว คำพูดนี้ของหลี่เต๋อซาน ทำให้เหมือนมีฝนตก และฟ้าผ่าลงมาตอนกลางวันแสกๆ อย่างน่าตกใจ

หลังสิ้นเสียงตะโกน

ตรงทางเดินด้านนอกห้องจัดเลี้ยง มีเสียงฝีเท้าที่ต่อเนื่องกันดังขึ้น

อีกทั้งภายในห้องจัดเลี้ยง ฝูงชนก็ค่อยๆ กระจายตัวออกไปอยู่ด้านข้าง เหลือเอาไว้เพียงเฉินตงที่ยืนอยู่ตรงกลาง

ท่าทีของเฉินตงสงบนิ่ง ไม่แสดงออกถึงความประหลาดใจหรือโมโหเลยแม้แต่น้อย

อีกทั้งยังหันไปมองฉู่เจียนเจียอย่างเฉยเมย “คุณเชิญให้ผมมาควบคุมสถานการณ์ ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ ?”

ฉู่เจียนเจียตัวสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านนอก เธอก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณเฉิน ฉัน……”

ฉู่เจียนเจียรีบอธิบาย เธอคำนวณทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงได้เลือกโรงแรมของตระกูลจาง เป็นที่จัดการประชุมแลกเปลี่ยน เป็นเพราะคำนึงถึงเรื่องที่หลี่เต๋อซานน่าจะเข้ามาก่อกวนภายในงาน

สิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้ก็คือ เชิญเฉินตงมา เพื่อจัดการกับหลี่เต๋อซานเพียงคนเดียว

แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะบานปลายใหญ่โตเช่นนี้ !

“เกิดเรื่องแล้ว !”

ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันซีดเผือด “วันนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมทุกคนล้วนเข้าประจำการแล้ว !”

คำพูดประโยคนี้ ยิ่งทำให้ฉู่เจียนเจียรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหว

“คุณเฉิน ขอโทษด้วยค่ะ !” ฉู่เจียนเจียรีบกล่าวขอโทษด้วยความตื่นตระหนก

เฉินตงพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “คุณกับจางหยู่หลันถอยไปก่อน !”

น้ำเสียงฟังดูเย็นชาและไม่สะทกสะท้าน

เขาเองก็มาเพื่อที่จะจัดการกับหลี่เต๋อซานเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์ทั้งหมด จะสูญเสียการควบคุมจนถึงขั้นนี้

ฉู่เจียนเจียไม่มีเหตุผลที่จะ “ร่วมมือกับคนโง่” และไม่มีทางที่จะช่วยหลี่เต๋อซาน ล่อเขาให้มาติดกับอย่างแน่นอน

หากจะโทษก็ต้องโทษเจ้าโง่หลี่เต๋อซาน ที่เลือกใช้วิธีที่อันตรายกว่าเมื่อก่อน เป็นวิธีของสุนัขที่กำลังจนตรอก !

“หยู่หลันถอยไป !”

ใบหน้าของฉินเย่ดุดัน

“ฉันไม่ถอย !”

จางหยู่หลันส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก

“ผมเป็นผู้ชายของคุณ ! เชื่อฟังผม !”

ฉินเย่หันหน้ากลับไปทันที แล้วมองจางหยู่หลันด้วยความโมโห ทำให้จางหยู่หลันตกใจจนยืนนิ่งไป

ฉู้เจียนเจียรีบดึงจางหยู่หลันกลับเข้าไปในฝูงชน

ส่วนบนพื้นที่ที่ว่างเปล่า เหลือเพียงแค่เฉินตง ท่านหลง คุนหลุน และฉินเย่ สี่คนเท่านั้น

ทั้งหมดนี่ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

ขณะที่ฉู่เจียนเจียและจางหยู่หลันเพิ่งจะถอยกลับเข้าไปในฝูงชน

ประตูใหญ่ของห้องจัดเลี้ยง มีเสียงฝีเท้าต่อเนื่องดังขึ้นมา และทันใดนั้น ก็ปรากฏฝูงชนจำนวนมากขึ้น

เพียงชั่วพริบตา ก็ยืนกันจนแน่นขนัดไปทั่วด้านหลังของหลี่เอซาน ถึงขั้นมีบางส่วน ล้นออกไปจนถึงทางเดินด้านนอก

เปรี้ยง !

เสียงร้องด้วยความตกใจดังระงมขึ้น

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที และแสดงออกถึงความหวาดกลัว

“เจ้าบ้านตระกูลหลี่ คุณกำลังทำอะไร ? นี่มันเมืองหลวงนะ !”

“เจ้าบ้านตระกูลหลี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ให้พวกเราไปก่อนได้ไหม ?”

“จะมากเกินไปแล้ว ตระกูลหลี่ต้องการที่จะหายสาบสูญไปจากเหมืองหลวงหรือยังไง ? หลี่เต๋อซาน คุณเสียสติไปแล้วหรือยังไง ?”

……

หลี่เต๋อซานมีท่าทีที่น่ากลัวเหมือนงูพิษ เขามองเฉินตงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอาฆาต

“วันนี้ ฉันจะให้แกตายที่นี่ !”

คำพูดประโยคนี้ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหนาวสั่น

เสียงโวยวายหยุดลงในทันที

“น่าจะมีอย่างน้อยร้อยคนใช่ไหม ?”

จู่ๆ เฉินตงก็ยิ้มออกมา แล้วส่งเสียงหัวเราะอย่างไร้เหตุผล

ทำให้ทุกคนในงานต่างอึ้งไป

หลี่เต๋อซานเองก็พลอยหัวเราะขึ้นมาด้วย “ดีดีดี ไม่เสียแรงที่เป็นพวกบ้าระห่ำ จะตายอยู่แล้วยังสามารถหัวเราะออกมาได้อีกหรือ ?”

เขารู้สึกอยู่อย่างสิ้นหวัง ตระกูลหลี่เองก็กำลังสั่นคลอน

ถ้าหากไม่สามารถฆ่าเฉินตงเพื่อแก้แค้นได้ เขาก็ไม่อาจนอนตายตาหลับได้

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลี่ สำหรับหลี่เต๋อซานแล้ว เฉินตงเป็นคนก่อขึ้นทั้งหมด

ความแค้นที่ฆ่าพ่อและทำให้ตระกูลต้องแตกแยก เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด !

ทว่า

เฉินตงกลับหันมองซ้ายมองขวาด้วยท่าทีที่สงบ

“พวกเรามีเพียงแค่สี่คนเอง”

เขาพูดพลาง ปลดเนกไทออกไปพลาง และค่อยๆ มีสีหน้าที่ดุดันขึ้น

ส่วนฉินเย่กลับหันหลัง ยกขวดไวน์ขึ้นมาหนึ่งขวด แล้วทุบลงบนขอบโต๊ะจนแตก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ปลดเนกไทของตัวเองไปพลาง และถามออกมาอย่างดุดันว่า “เอายังไงดี ?”

เฉินตงยิ้มเล็กน้อย

จากนั้นจึงหันไปมองหลี่เต๋อซาน และยิ้มอย่างมั่นใจ “จัดการเขา !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset