Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 370 หากแกฆ่าฉันไม่ตาย ฉันก็จะฆ่าแกให้ตาย !

ทันใดนั้น

พวกของเฉินตงก็พุ่งเข้าไปหาหลี่เต๋อซานทันที

ท่าทางดุดันและปราศจากความลังเล

มีเสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นในห้องจัดเลี้ยง

ทุกคนต่างผงะไป

นี่เสียสติไปแล้วหรือ ?

ศัตรูมากมายขนาดนี้ ยังกล้าพุ่งเข้าไปอีกหรือ ?

สี่คนต่อหนึ่งร้อยคน จะเอาชนะได้อย่างไรกัน ?

แม้แต่หลี่เต๋อซานเองก็รู้สึกตกใจ และรู้สึกตกตะลึง

วินาทีต่อมา

“ไม่รู้จักกลัวตาย”

หลี่เต๋อซานแสยะยิ้มมุมปากออกมาด้วยความดุร้าย ในปากคาบซิการ์เอาไว้ จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยท่าทีที่สงบ

แทบจะในเวลาเดียวกัน

คนจำนวนหนึ่งร้อยคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ก็กรูกันเข้าไปที่พวกของเฉินตงราวกับสายน้ำ

และเกิดการต่อสู้กันขึ้น

ความโกลาหลเกิดขึ้นในงานทันที

พวกของเฉินตงถูกฝูงจนเข้าล้อมเอาไว้จนกระทั่งมองไม่เห็นในทันที

เสียงกรีดร้อง น้ำเสียงของความหวาดกลัว ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

อีกทั้งยังมีคนที่ไม่สนใจความโกลาหลที่เกิดขึ้น รีบหนีเอาตัวรอดออกไปด้านนอกห้องจัดเลี้ยงด้วยความหวาดกลัว

เฉินตงเตะคนที่อยู่ตรงหน้าลอยขึ้นไปทันที ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ร่างกายของเขาเป็นเหมือนผี เขานำท่อเหล็กที่ซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อออกมา จากนั้นจึงตรงเข้าโจมตีฝูงชนราวกับยมราช

คุนหลุนอาศัยความได้เปรียบของร่างกาย ดันคนออกไปราวกับรถตักดิน และไม่มีใครสามารถขวางเอาไว้ได้

แม้กระทั่งท่านหลงและฉินเย่ที่พึ่งพาซึ่งกันและกัน ก็ยังต่อสู้ตามลำพังอยู่ในฝูง

คนเพียงแค่สี่คน แต่กลับสามารถสกัดกั้นคนจำนวนหนึ่งร้อยคนได้

อันธพาลที่หลี่เต๋อซานจัดหามานั้น ในสายตาของพวกเฉินตงทั้งสี่คนแล้ว ก็เป็นเพียงแค่พวกอันธพาลเท่านั้นจริงๆ

เมื่อเทียบกับนักฆ่าในอันดับยมราชแล้ว ถือว่าอยู่กันคนละชั้นจริงๆ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเปรียบเทียบกับบรรดานักฆ่าระดับพระกาฬที่เฉินตงเจอในคุกมืดเลย

เห็นคลื่นยักษ์มานักต่อนัก

คนจำนวนหนึ่งร้อยคนตรงหน้า สำหรับทั้งสี่คนแล้ว ก็เป็นเหมือนคลื่นเล็กๆ ที่กระทบเข้าหาฝั่งเท่านั้น ไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย

ต่อให้เป็นฉินเย่ซึ่งอ่อนแอที่สุด ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้านี้ก็น่ากลัวเลยสักนิด

เลือดสาดกระเซ็น มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นต่อเนื่อง

มีคนล้มลงต่อหน้าของพวกเฉินตงทั้งสี่คนอย่างต่อเนื่อง

และยังมีคนวิ่งกรูกันเข้ามาเรื่อยๆ

หลี่เต๋อซานแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า มาเพื่อจะหมายเอาชีวิตของเฉินตง ดังนั้นเฉินตงจึงลงมืออย่างไร้ความปรานี

เขายังไม่โง่ถึงขนาดที่จะยืนนิ่งอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

การต่อสู้ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย หากรู้สึกเห็นใจศัตรูแม้เพียงเล็กน้อย เท่ากับเป็นการทำเรื่องที่โหดร้ายที่สุดต่อตนเอง

ภายในห้องจัดเลี้ยง จู่ๆ ก็กลายเป็นเหมือนสนามรบที่น่าสลดใจในทันที

ทุกคนต่างหวาดกลัวจนถึงขีดสุด

ถึงจะพูดว่าร้ายแรงที่สุด แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นภาพการนองเลือดที่ “น่าทึ่ง” เช่นนี้

คนที่ยังพอควบคุมสติอารมณ์ได้อยู่ ก็เห็นจะมีแต่ฉู่เจียนเจียคนเดียวเท่านั้น

“เจียนเจีย ทำอย่างไรดี ? ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี ?” จางหยู่หลันร้องห่มร้องไห้ ขณะที่ถามฉู่เจียนเจีย แววตากลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงฉินเย่ที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลา

ใบหน้าอันงดงามของฉู่เจียนเจียซีดเผือด สถานการณ์ที่สูญเสียการควบคุมจนถึงขั้นนี้ ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอโดยสิ้นเชิง

ตระกูลหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้จะกำลังตกต่ำเช่นไร ก็ควรจะรักษาเกียรติของตนเองไว้บ้างไม่ใช่หรือ ?

แต่ตอนนี้ ตระกูลหลี่กลับยอมอับอาย และไม่คิดหน้าคิดหลังอีกต่อไป !

และสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ความบ้าระห่ำของหลี่เต๋อซานนั้น ไม่เหลือช่องว่างให้คนอื่นตั้งหลักได้เลย

ในมือกำมือถือไว้แน่น ก้มหน้าลงไปดู พบว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หลงเหลืออยู่เลย

จิตใจของฉู่เจียนเจียจมดิ่งลงเล็กน้อย “หลี่เต๋อซานวางแผนเอาไว้นานแล้ว เขาใช้ตระกูลหลี่ที่กำลังจะพังทลายลงทั้งหมด เพื่อส่งคุณเฉินไปสู่ความตาย”

“หรือ หรือพวกเราจะวิ่งออกไป ?” จางหยู่หลันรู้ว่าตอนนี้สัญญาณภายในโรงแรมถูกตัด หากไม่วิ่งออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เลย

“ออกไปไม่ได้”

ฉู่เจียนเจียยิ้มออกมาอย่างหดหู่ จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “แม้แต่สัญญาณก็ถูกตัดหมดแล้ว เธอคิดว่าพวกเรายังจะออกไปได้อีกหรือ ?”

“แต่ว่า……”

ขณะที่จางหยู่หลันกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “อ้า” เสียงกรีดร้องดังขึ้น

ในฝูงชน ฉินเย่ถูกอันธพาลใช้ท่อเหล็กตีเข้าที่ด้านหลัง ในขณะที่เขาวิ่งโซเซไปด้านหน้า ก็ถูกอันธพาลที่ยืนอยู่ด้านหน้า ตีเข้าให้อีกหนึ่งครั้ง

“ฉินเย่ !”

แทบจะในเวลาเดียวกัน เฉินตง คุนหลุน และท่านหลงที่กำลังอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่วุ่นวาย ต่างก็หน้าถอดสี

“ท่านหลงช่วยฉินเย่เร็ว”

ท่าทางของเฉินตงดุดัน และแววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าในทันที “คุนหลุนกับฉัน จัดการหัวหน้าของพวกมัน !”

การต่อสู้ที่วุ่นวายเช่นนี้ วิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้ดีที่สุดก็คือ ต้องจัดการกับหัวหน้า

ขอเพียงจับหลี่เต๋อซานได้ การต่อสู้ที่วุ่นวายนี้ก็จะค่อยๆ สิ้นสุดลง

ทันใดนั้น

คุนหลุนตะโกนออกมาด้วยความโมโห เขาใช้กำปั้นชกลงไปที่หน้าอกของอันธพาลที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างรุนแรง จนยุบลงไป

เข้าไปร่วมต่อสู้กับเฉินตงอย่างรวดเร็ว ราวกับรอบข้างนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ท่านหลงรีบเข้าไปช่วยเหลือฉินเย่อย่างรวดเร็ว เขาโบกมือทั้งสองข้างที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่กลับทรงพลังราวกับสายฟ้า และจัดการกับอันธพาลสองคนที่อยู่ข้างๆ ฉินเย่ให้ล้มลงในทันที

“คุณชายฉิน คุณยังสู้คนแก่อย่างผมไม่ได้เลยนะ” ท่านหลงพูดเยาะเย้ย

ฉินเย่กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง “ให้ตายเถอะ ฉันถูกหลอกด่า”

อีกทางด้านหนึ่ง

เฉินตงและคุนหลุนเปรียบเสมือนนักฆ่าระดับพระกาฬสองคน โดยมีเป้าหมายก็คือหลี่เต๋อซาน จึงพุ่งกระโจนเขาไปหาอย่างรวดเร็ว ราวกับเสือโคร่งที่หลุดออกจากกรง

คุนหลุนเคยเป็นราชาของทหารรับจ้างอยู่ในสนามรบ อีกทั้งยังเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬที่ออกมาจากคุกมืด ด้วยชัยชนะที่ติดต่อกันถึงสิบครั้ง

สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อเทียบกับสนามรบที่เต็มไปด้วยกระสุนปืนและการนองเลือดแล้ว แทบจะเทียบกันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

ด้วยความสามารถของเขาแล้ว สามารถจัดการได้อย่างหมดจด !

ส่วนเฉินตง ที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาก่อน ต่อให้เป็นเวลาที่อ่อนแอที่สุด ก็ทำเพียงแค่ลดความรุนแรงลง แต่ไม่เคยคิดที่จะหยุด

ตอนนี้ทั้งสองคนรวมพลังกันต่อสู้ เผชิญหน้ากับเหล่าอันธพาลที่กรูกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับการเข้าทำลายกองกำลังอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองดูเฉินตงและคุนหลุนที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา

เส้นเลือดบริเวณหางตาของหลี่เต๋อซานก็กระตุกหลายครั้ง

ทีนใดนั้นเอง มุมปากของเขายิ่งเผยรอยยิ้มออกมามากยิ่งขึ้น

“แข็งแกร่งจริงๆ ! ที่คุณท่านใหญ่อยากให้แกขึ้นเป็นเจ้าบ้านมาโดยตลอด ถือว่ามีเหตุผลจริงๆ แต่สิ่งที่ผิดมหันต์ก็คือ แก่ไม่ควรจะเข่นฆ่าบรรพบุรุษของตัวเอง คืนนี้ แกกับตระกูลหลี่จงลงนรกไปพร้อมกันเถอะ !”

ขณะที่กำลังพึมพำอยู่นั้น หลี่เต๋อซานก็ค่อยๆ ปล่อยมือขวาลงอย่างเงียบๆ

เขาเผชิญหน้ากับเฉินตงและคุนหลุน โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

และในแววตากลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน เผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและตื่นเต้น

“คุณชาย มีบางอย่างผิดปกติ !”

เมื่อกำลังจัดการกับวงล้อมชั้นสุดท้าย คุนหลุนก็สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติของหลี่เต๋อซาน

“คงเป็นความบ้าคลั่งครั้งสุดท้าย”

เฉินตงพูดออกมาอย่างเย็นชา ท่อเหล็กที่อยู่ในมือ ฟาดลงไปบนแขนของอันธพาลอย่างแรง

คุนหลุนมีท่าทีดุร้าย ราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในร่างของมนุษย์ การลงมืออย่างฉับพลัน สามารถจัดการกับอันธพาลที่เหลืออยู่อีกสองสามคนได้จนหมดสิ้น

แทบจะในเวลาเดียวกัน

เฉินตงและคุนหลุนก็พุ่งตรงเข้าไปหาหลี่เต๋อซานอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก

“ในที่สุดก็จบลงแล้วหรือ ?”

ฉู่เจียนเจียที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็แอบถอนหายใจออกมา ด้วยความโล่งใจ

แต่ทันทีที่พูดจบ ใบหน้าอันงดงามของเธอก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาทันที เธอรู้สึกตกใจจนถึงขีดสุด

ในเวลาเดียวกันนี้

ภายในห้องจัดเลี้ยง จู่ๆ บรรยากาศทุกอย่างก็เงียบสงบลงอย่างน่าประหลาด

ราวกับเวลาหยุดนิ่ง

สายตาหวาดกลัวค่อยๆ มองตรงไปยังจุดเดียวกัน

ส่วนเฉินตงและคุนหลุนเองก็หยุดยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองไปที่หลี่เต๋อซานด้วยความหวาดกลัว

หลี่เต๋อซานยกมือข้างขวาขึ้นมา ปากกระบอกปืนสีดำสนิท จ่อมาทางเฉินตง

ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ

“ปืน ! เขามีปืน !”

บรรดาคนที่กำลังตกใจกลัวอยู่ก่อนแล้ว มาบัดนี้ยิ่งกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

มีหญิงสาวบางคนตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ร้องห่มร้องไห้ออกมา ยิ่งไปกว่านั้น บางคนตกใจถึงขั้นมุดเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะด้วยความกลัว

สำหรับคนจำนวนมากที่อยู่ในงาน ปืนถือเป็นสิ่งที่ไกลตัว

ปืนกระบอกเดียว เพียงพอที่จะกำหนดชะตาชีวิตของทุกคนได้ !

“แกคำนวณได้ดีนี่ แต่แกคิดจริงๆ หรือว่าฉันจะพาแค่พวกขยะร้อยคนมาจัดการกับแก ?”

หลี่เต๋อซานยิ้มออกมาอย่างดุร้าย และพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ ถึงขั้นเชิดหน้า จนหันรูจมูกไปทางเฉินตง

บ้าคลั่งและคิดมาอย่างรอบคอบ

ทว่า

ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

จู่ๆ เฉินตงก็ผลักคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ออก

จากนั้น จึงเดินเข้าไปหาหลี่เต๋อซานทีละก้าวๆ

น้ำเสียงเย็นชา ราวกับสายลมที่พัดขึ้นมาจากขุมนรก

“มีอยู่อย่างหนึ่งคือถ้าหากแกยิงแล้ว แกฆ่าฉันไม่ตาย ฉันก็จะฆ่าแกให้ตาย !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset