Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 372 คำขอร้องของโจวเย่นชิว

คืนนี้ เมืองหลวงไม่อาจหลับใหล

ตระกูลมั่งคั่ง กำลังแอบเคลื่อนไหว

บ้างก็ตกใจ บ้างก็ตื่นเต้นยินดี บ้างก็รู้สึกสมเพช

ตระกูลหลี่ตกต่ำลงและล่มสลาย ก็มีคนแอบลับมีดอยู่อย่างลับๆ รอเอาไว้แล้ว

แต่อย่างไรเสีย อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี หากคิดที่จะกลืนกินอย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงค่อยเป็นค่อยไป

อีกทั้งตอนนี้ จู่ๆ เจ้าบ้านตระกูลเฉินก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน

จึงถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับบรรดาตระกูลมั่งคั่งโดยไม่ต้องสงสัย

เป็นโอกาสจากสวรรค์ที่จะกลืนกินตระกูลหลี่ได้ในชั่วพริบตา !

ทั่วทั้งเมืองหลวง เหมือนมีพายุลูกใหญ่ที่รุนแรงและเกรี้ยวกราดเกิดขึ้น

เฉินตงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากออกจากโรงแรมแล้ว เข้าก็กลับไปยังโรงแรมที่พัก

เขาเกลียดตระกูลหลี่ แต่ก็เพียงแค่เกลียดเท่านั้น

ในตอนแรก เขาสามารถระงับความโกรธของเขาเอาไว้ได้

แต่หลังจากที่คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ตายไป และหลี่เต๋อซานเข้ามาดูแลตระกูลหลี่แทน พร้อมทั้งประกาศเงินรางวัลในองค์กร hidden killers บนดาร์กเว็บ ความแค้นนี้ก็ไม่อาจให้อภัยได้อีกต่อไป

ตระกูลหลี่จะต้องชดใช้ในความโง่เขลาของตัวเอง

ต่อให้หลี่เต๋อซานไม่มาหาเขา เขาก็ต้องหาโอกาสจัดการกับตระกูลหลี่อยู่ดี

เพียงแต่ความบ้าคลั่งของหลี่เต๋อซาน ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้น

ในห้องพักภายในโรงแรม

คุนหลุนยังคงรู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย ยังไม่อาจเรียกสติกลับมาจากฉากที่เฉินตงหลบกระสุนปืนได้

ท่านหลงเองก็จนใจกับเรื่องนี้ ได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

ส่วนในห้องพักอีกห้องหนึ่ง

เฉินตงกำลังนั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวง ที่ยังคงมีฝนตกโปรยปราย

เขาพึมพำขึ้นมาเบาๆ ว่า “หลังจากฝนหลุดลงแล้ว ท้องฟ้าของเมืองหลวงคงจะสดใสขึ้นมากกว่านี้นะ ?”

“ฉันจะไปเปิดห้อง”

จู่ๆ ฉินเย่ก็ลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เฉินตงเหลือบมองฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ “นายเพิ่งจะโดนทำร้ายมา ยังไหวอีกหรือ ?”

“คนหนุ่มแรงดี โดนท่อเหล็กแค่นี้จะเป็นไรไป ?” ฉินเย่ทำสีหน้าไม่แยแส

เฉินตงลูบจมูก “นายเงก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้ารู้สึกว่าเธอเหมาะสมจริงๆ ก็น่าจะลองพิจารณาดูได้แล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่จางหายไป

เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบหนึ่งมวน

“นายว่าฉันคู่ควรไหม ?”

พึมพำออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค แล้วฉินเย่ก็หันมองเฉินตง “ฉันเป็นลูกทรพีที่ฆ่าพ่อของตัวเอง ชื่อเสียงที่เลวร้ายเช่นนี้ ถ้าหากฉันแต่งงานกับเธอจริงๆ ต่อไปคนอื่นจะมองเธอยังไง ?”

“แล้วนายจะตัวติดอยู่กับเธอทุกวันอย่างนี้นะหรือ ?” เฉินตงถาม

ฉินเย่ยักไหล่ และเกาหัวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ฉันเลยบอกยังไงล่ะว่า ดูเหมือนครั้งนี้ฉันจะเล่นจนเลยเถิดเกินไปแล้ว !”

ขณะที่พูด ฉินเย่ก็พ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วหันมองออกไปยังสายฝนที่ตกโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย พร้อมถอนหายใจและพูดออกมาว่า “ไม่พูดแล้ว เธอน่าจะมาถึงแล้ว !”

เมื่อมองดูฉินเย่ที่หันหลังเดินจากไป เฉินตงก็ยิ้มแหยออกมา

แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉินเย่ เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย ทำได้เพียงตักเตือนในฐานะเพื่อนเท่านั้น

ไม่มีอะไรต้องพูดอีกในค่ำคืนนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น

ฉู่เจียนเจียรีบมาที่โรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมาอธิบายและชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

เฉินตงเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน จึงไม่แปลกที่ฉู่เจียนเจียเองจะคาดไม่ถึงเช่นกัน

ใครจะไปคาดเดาได้

ตระกูลหลี่ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงในอดีต จู่ๆ เจ้าบ้านคนใหม่จะทำเรื่องที่บ้าคลั่ง ยอมสู้จนหัวชนฝาในเวลาเช่นนี้ ?

ในทางกลับกันหากเป็นเพียงคนธรรมดา คงไม่ต้องใช้วิธีการที่สุดโต่งและบ้าคลั่งเช่นเดียวกับที่หลี่เต๋อซานใช้

เฉินตงเองก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อในเมืองหลวงนานนัก จึงได้เดินทางกลับพร้อมกับคุนหลุนและท่านหลงตั้งแต่เช้า

ส่วนฉินเย่ เขายังไม่คิดที่จะกลับไปพร้อมกัน

ในช่วงเวลาที่เร่าร้อนเช่นนี้ หากไปรบกวนเขา ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาท

บนเครื่องบิน

ท่านหลงพูดติดตลกว่า “คุณชายรีบร้อนเดินทางกลับเช่นนี้ เพราะคิดถึงคุณนายน้อยใช่ไหมครับ ?”

“อืม เสี่ยวหยิ่งตั้งท้องอยู่ ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มาก ได้ยินมาว่าตั้งต้องนั้นลำบากมาก อีกทั้งยังเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายอีกด้วย ฉันไม่สามารถช่วยเธอแบ่งเบาความลำบากนี้ได้ จึงทำได้เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนเธอใกล้ๆ”

เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้ม

ท่านหลงพูดว่า “อันที่จริงแล้วคุณชายก็ไม่ต้องกังวลใจไป ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“เป็นห่วงภรรยาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง” เฉินตงลูบจมูก

ท่านหลงและคุนหลุนยิ้มออกมาพร้อมกัน

คุนหลุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “คุณชาย ตอนที่คุณหลบลูกกระสุน คุณคิดอะไรอยู่หรือครับ ?”

“ฉันไม่อยากรอความตาย ต่อสู้ให้ถึงที่สุด ถึงจะนอนตายตาหลับ” เฉินตงตอบ

แค่สู้จนสุดชีวิต……จริงๆ หรือ ?

ในใจของคุนหลุนรู้สึกตกตะลึง คนสามารถดึงเอาศักยภาพออกมาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานได้จริงๆ

แต่ศักยภาพนั้นก็แตกต่างออกไปตามแต่ละบุคคล

ความสามารถที่สามารถหลบลูกกระสุนได้เช่นนื้ ศักยภาพของคุณชายต้องน่ากลัวแค่ไหนกัน ?

เครื่องบินลงจอดที่สนามบินแถบชานเมือง

เฉินตงเดินทางไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งก่อน เพื่อจัดการธุระบางอย่าง

ตอนนี้บริษัทไท่ติ่งได้ดำเนินโครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศักยภาพของบริษัทสามารถเทียบชั้นได้กลับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของโจวเย่นชิวและโจวจุนหลงได้แล้ว ถึงขั้นว่า อาจเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย

แต่ทว่า เฉินตงก็ยังไม่รู้สึกพอใจเพียงเท่านี้ ยังมีแผนการอยู่ในใจอีกมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาบริษัทในอนาคต

ถึงแม้ตอนนี้ในมือจะมีธุรกิจของตระกูลฉินแห่งซีสู่อยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว และยังมีบริษัททางด้านสื่อบันเทิงของตระกูลฉู่แห่งเมืองหลวงอีก ซึ่งถือว่ามีศักยภาพที่เหนือกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งอยู่มาก

เฉินตงเองไม่เคยมีความคิดที่จะทอดทิ้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

นี่เป็นธุรกิจรุ่นบุกเบิกและถือเป็นรากฐานของเขา

อีกทั้ง การส่งกระดาษคำตอบให้กับตระกูลเฉินอีกหนึ่งปีให้หลัง แม้กระทั่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็จะต้องนำมารวมเข้าไปด้วย

เมื่อมีบริษัทเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท ก็เท่ากับมีโอกาสชนะที่เพิ่มขึ้นมาด้วย !

หลังจากมอบหมายงานต่างๆ ให้เสี่ยวหม่าและกูหลังรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว เฉินตงจึงเดินทางกลับคลับสี่ยิ่นพร้อมกับท่านหลงและคุนหลุน

ทว่า เมื่อกลับไปถึงที่คลับ

เฉินตงกลับพบเข้ากับท่านเมิ่งและโจวเย่นชิว

“คุณเฉิน !”

เมื่อโจวเช่นฉิวเห็นเฉินตง ก็แสดงความดีใจออกมา

เขารีบเดินเข้าไปข้างหน้า จากนั้นจึงโค้งคำนับ ดวงตาทั้งสองข้างที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นทอง โค้งจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

“กลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ ?”

ท่านเมิ่งยิ้มแล้วหันไปพยักหน้าให้เฉินตง จากนั้นจึงเหลือบมองโจวเย่นชิว แล้วพูดกับเฉินตงว่า “โจวเย่นชิวมีธุระจะคุยกับคุณ ฉันขอตัวก่อน”

“ลาก่อนครับท่านเมิ่ง” เฉินตงพยักหน้า

หลังจากท่านเมิ่งออกไปแล้ว เฉินตงจึงหันมาให้ความสนใจกับโจวเย่นชิว

เมื่อเห็นร่างกายของโจวเย่นชิวที่โค้งงอเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

เมื่อนานมาแล้ว เขาเป็นเพียงแค่รองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่โจวเย่นชิวมอบให้ภรรยาและน้องชายเอาไว้ใช้จ่ายยามเกษียณเท่านั้น

ในตอนนั้น ในสายตาของเขาแล้ว โจวเย่นชิวนั้นช่างสูงส่ง

ถึงแม้ตอนนั้น เฉินตงจะมีรายได้ต่อปีถึงหนึ่งล้าน แต่เขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะด้านความสามารถหรือพื้นฐานครอบครัว ชาตินี้เขาไม่มีทางเทียบชั้นกับโจวเย่นชิวได้

แต่ทว่า ระยะเวลาเพิ่งจะผ่านมาเพียงเท่าไหร่ ?

คนที่เขาเคยแหงนมองด้วยความชื่นชม บัดนี้กลับต้องโน้มตัวอยู่ต่อหน้าเขา

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เฉินตงคงไม่เคยคิดมาก่อน

แอบถอนหายใจอยู่ในใจ เฉินตงไม่แสดงท่าทีเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย กลับยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ประธานโจว ไม่ต้องมากพิธี มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

โจวเย่นชิวลูบมือแล้วพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ผมนำของขวัญเล็กน้อยมาเยี่ยมคุณ เมื่อรู้ว่ามีเพียงคุณนายน้อยอยู่ที่บ้าน ผมเองก็ไม่คิดที่จะอยู่นาน จึงตั้งใจวางของขวัญแล้วเตรียมตัวที่จะกลับ คิดไม่ถึงว่า……”

“ประธานโจว พวกเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมอีก”

เฉินตงลูบจมูก จากนั้นจึงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถึงแม้ช่วงที่ผ่านมา พวกเราเคยมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเดินร่วมบนเส้นทางเดียวกัน มีเรื่องอะไรก็ขอให้พูดมาตามตรง หากผมพอจะช่วยเหลือได้ผมก็จะช่วย”

“ครับ ขอบคุณคุณเฉินมากครับที่พูดอย่างตรงไปตรงมา”

โจวเย่นชิวพยักหน้า เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อันที่จริงแล้ว ผมอยากให้คุณเฉินช่วยผมจัดหาที่ดินผืนหนึ่งมา”

จัดหาที่ดิน ? !

เฉินตงผงะไป

ใบหน้าของท่านหลงและคุนหลุน ก็เต็มไปด้วยความงุนงง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset