เมืองหลิ่งตง โรงแรมกั๋วจี้
ตอนที่เฉินตงพบกับโจวเย่นชิวและกูหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
ทั้งสองคนหน้าตามอมแมม ถึงขั้นที่บนใบหน้าของกูหลังมีรอยฟกช้ำอยู่หลายจุด และเต็มไปด้วยความอ่อนล้า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
สีหน้าของเฉินตงเคร่งขรึมลง
อีกฝ่ายจะดูถูกเขาก็ไม่ว่า แต่ตอนนี้กลับลงไม่ลงมือกับคนของเขา เรื่องนี้คงพูดจากันดีๆ ไม่ได้แล้ว
โลดแล่นอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาหลายปี เฉินตงเข้าใจเรื่องจัดหาที่ดินดีกว่าใคร
ในตอนแรกที่เป็นรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เขาอาศัยชื่อของหลี่ต้าเป่าในการช่วยไท่ติ่งจัดหาที่ดินด้านนอก
ตอนนี้โจวเย่นชิวจัดหาที่ดินเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการนักผู้บริหารรายใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์มานั่งรวมกัน สูบซิการ์และดื่มไวน์ จากนั้นจึงปรึกษากันว่าใครจะได้ผืนดินผืนนี้ไป
ส่วนการประมูลก็เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น
โจวเย่นชิวไม่ได้เล่าเหตุการณ์ให้กระจ่างตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงหวังพึ่งพาไท่ติ่งเพื่อร่วมมือกันจัดหาที่ดินผืนนี้ให้ได้ อาการบาดเจ็บของกูหลังในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าการเจรจาล้มเหลวไม่เป็นท่า
“คุณเฉิน ขออภัยด้วย ผมดูแลกูหลังไม่ดีเอง” โจวเย่นชิวลูบมือ แล้วพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
กูหลังเคยต่อสู้ในโรงยิมมวยใต้ดินของเขา หลังจากพบกับเฉินตง ก็ออกจากโรงยิมมวยใต้ดิน เมื่อมีความสัมพันธ์เช่นนี้ โจวเย่นชิวจึงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตงและกูหลังดี ว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่นายจ้างและลูกน้องเท่านั้น
เงียบไปสักพัก หลังจากสังเกตว่าเฉินตงไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป
โจวเย่นชิวจึงพูดขึ้นต่อว่า “ครั้งนี้คนที่ต่อสู่แย่งชิงที่ดินกับเราบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลิ่งตง บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลิ่งตง เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพียงบริษัทเดียวและใหญ่ที่สุดในเมืองหลิ่งตง เป็นบริษัทแบบผูกขาด เจ้าของบริษัทคือ หลินหลิ่งตง เป็นราชาที่อยู่ใต้ดินของเมืองหลิ่งตง และมีหูตากว้างขวาง”
“เป็นเพราะที่ดินผืนนั้น เป็นศูนย์กลางของเมืองหลิ่งตง จึงมีราคาที่สูงมาก บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลิ่งตงจึงต้องการที่จะครอบครองที่ดินผืนนั้น เดิมทีผมตั้งใจที่จะต่อสู้อย่างสุดความสามารถสักครั้ง เผื่อนำผืนดินผืนนั้นมาให้ได้ แต่ท่าทีของพวกเขากลับแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ โจวเย่นชิวก็หัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน “ขอบอกตามตรง การเจรจาสองครั้งที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยพบกับหลินหลิ่งตง พบเพียงแค่ลูกน้องของเขาเท่านั้น ที่กูหลังได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นฝีมือของลูกน้องเขา”
“คำพูดลูกน้องของเขาก็เป็นคนพูดอย่างนั้นหรือ ?” เฉินตงถาม
ไม่ต้องพูดถึงภูมิหลังของหลินหลิ่งตง เพียงแค่เรื่องที่ลูกน้องของเขาลงไม้ลงมือ ก็พอจะอธิบายได้ว่า เรื่องนี้ไม่อาจใช้วิธีสันติในการเจรจากันได้อีกต่อไป
“ครับ” โจวเย่นชิวพยักหน้า “เขาคนนั้นชื่ออู๋จุนหาว เป็นลูกน้องคนสนิทของหลินหลิ่งตง มีสมญานามว่าเทพนักรบแห่งหลิ่นตง จิตใจโหดเหี้ยม ฝีมือฉกาจ ปล่อยหมัดรุนแรง”
จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา
จากนั้นจึงบิดขี้เกียจ “ไปกันเถอะ พวกเราไปเจรจาด้วยตัวเองดู”
ในใจของโจวเย่นชิวรู้สึกยินดี เขารีบลุกยืนขึ้น “ตอนนี้อู๋จุนหาวอยู่ที่โรงแรมจุนหาว นั่นเป็นที่ของเขา”
“คุณเฉิน” กูหลังรู้สึกกังวลเล็กน้อย “หรือจะเรียกพี่คุนหลุนมาด้วยดี ?”
เฉินตงหยุดเดิน “นายสงสัยความสามารถในการต่อสู้ของฉันหรือยังไง ?”
กูหลังส่ายหัว “เรื่องแบบนี้ ให้พี่คุนหลุนจัดการน่าจะดีกว่า ไม่ต้องให้คุณเฉินลงมือด้วยตัวเอง”
“ทำร้ายพี่น้องของฉัน จะไม่ให้ฉันลงมือกลับด้วยตัวเองได้อย่างไร ?”
คำพูดเพียงประโยคเดียวของเฉินตง ทำให้กูหลังยอมปิดปาก
จากนั้น เฉินตงก็หันมองโจวเย่นชิว “ฉันไม่ต้องการที่อยู่ของอู๋จุนหาว ฉันต้องการที่อยู่ของหลินหลิ่งตง”
โจวเย่นชิวตะลึงไปชั่วครู่
จากนั้นจึงพูดอย่างจนใจว่า “อู๋จุนหาวจัดการธุระแทนหลินหลิ่งตงมาโดยตลอด ในเมืองหลิ่งตง คนที่รู้ว่าหลินหลิ่งตงอยู่ที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่พวกของอู๋จุนหาวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่โรงแรมจุนหาว”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
เฉินตงพากูหลังและโจวเย่นชิวมาถึงโรงแรมจุนหาว
ที่นี่เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว
ในฐานะที่เป็นลูกน้องคนสนิทของหลินหลิ่งตง สามารถครอบครองโรงแรมขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ พิสูจน์ถึงฐานะของเขาที่อยู่ต่อหน้าหลินหลิ่งตง และเป็นการพิสูจน์ฐานะของหลินหลิ่งตงในเมืองหลิ่งตง
“ไปกันเถอะ”
เฉินตงเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยท่าทีเฉยเมย
โจวเย่นชิวมีท่าทีกังวลเล็กน้อย มีเหงื่อค่อยๆ ไหลอาบอยู่บนหน้าผากของเขา
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ถ้าหากเฉินตงคิดจะเอาผิดแล้วล่ะก็ เขาเองก็ไม่อาจรับไหว
ตอนนี้ จึงทำได้เพียงอยู่ในฐานะเบี้ยล่างเท่านั้น
เขาเดินนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และหาผู้จัดการล็อบบี้ของโรงแรมจนเจอ “สวัสดีครับ พวกเราต้องการขอพบพี่จุนหาวสักครู่ครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้จัดการล็อบบี้หายไป
เขาเหลือบมองเฉินตงและกูหลัง
จากนั้นจึงวางมาดขึ้นมา “ผมจำได้แล้ว พวกคุณสองคนคือคนที่ถูกประธานอู๋จัดการเมื่อตอนบ่ายไหม ?”
คำพูดและการกระทำของเขา เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
โจวเย่นชิวยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน “รบกวนคุณช่วยไปรายงานด้วย”
“กลับไปเถอะ ประธานอู๋มีธุระต้องสะสางมากมาย คิดว่าใครคิดก็เข้าพบก็เข้าพบได้ง่ายๆ หรือยังไง ?”
ผู้จัดการล็อบบี้ไม่คิดที่จะพูดให้เสียเวลา เขาโบกมือ “หรือจะพูดว่า พวกคุณยังถูกตีไม่พอ เลยอยากจะโดนอีกสักยก ?”
สีหน้าของโจวเย่นชิวหมองหม่นลง
ตอนนี้เขาต้องแสดงเป็นเพียงแค่เบี้ยล่างจริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นถึงยอดฝีมือของห้างสรรพสินค้าเลยนะ
เมื่อมีคนตบหน้าเขาด้วยคำพูดเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกโมโหขึ้นมา
แต่เมื่อนึกถึงเฉินตงที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาก็กัดฟัน และกำลังจะอ้าปากพูด
ทันใดนั้น
ก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งกำลังเดินออกมา
“เจ้าสุนัขรับใช้ แกพูดบ้าอะไรกับเขา ?”
ตุ้บ !
จู่ๆ เฉินตงก็ต่อยลงไปที่ท้องของผู้จัดการล็อบบี้ในทันที
ทันใดนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจุกจนหน้าเขียว เอามือกุมท้อง และทรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้น
ในขณะเดียวกันก็กัดฟันพูดด้วยความโมโห “แกกล้าต่อย……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็รู้สึกคอตีบตัน จนต้องกลืนคำพูดที่จะพูดออกมากลับลงท้องไป
เฉินตงบีบคอของผู้จัดการล็อบบี้แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลากับสุนัขรับใช้ พาฉันไปพบกับอู๋จุนหาว”
ผู้จัดการล็อบบี้พยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่มือขวาของเฉินตงนั้นแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกอย่างรวดเร็ว
การข่มขู่ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายรุนแรงขึ้น
เขาพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว
พรึบ !
เฉินตงปล่อยมือลงแล้วหันมองโจวเย่นชิว “ประธานโจวพูดคุยกับสุนัขรับใช้ด้วยเหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
อีกทางด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสังเกตเห็นภาพที่เกิดขึ้น จึงรีบตรงเข้ามาทางนี้ทันที
ผู้จัดการล็อบบี้รีบยกมือขึ้นห้าม
จากนั้นจึงหันมองเฉินตงด้วยความหวาดกลัว
เขารู้ดีว่า นี่คือปีศาจ ซึ่งโหดเหี้ยมกว่าอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้า !
คนเช่นนี้ จะต้องให้ประธานอู๋เป็นคนจัดการเท่านั้น !
จากนั้น
ผู้จัดการล็อบบี้ก็ลุกขึ้น แล้วเดินนำทางไปด้วยความเคารพ ไม่หยิ่งยโสอย่างเช่นเมื่อครู่อีก
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
แต่กลับทำให้โจวเย่นชิวต้องรู้สึกหม่นหมอง เมื่อเขาเห็นแววตาของเฉินตง ก็รู้สึกเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น เฉินตงแต่ก่อน ไม่มีลักษณะนิสัยที่เด็ดขาดเช่นนี้ !”
นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของโจวเย่นชิว
ส่วนกูหลัง กลับเดินตามหลังไปด้วยความเคยชิน
ชั้นบนสุดของโรงแรมจุนหาว ทั้งชั้น เต็มไปด้วยสถานที่สำหรับอาบน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ
พวกของเฉินตงเดินตามผู้จัดการล็อบบี้ออกจากลิฟต์
ในที่สุด ก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าห้องหมายเลข “99999”
ก๊อกก๊อกก๊อก !
ผู้จัดการล็อบบี้หันมองเฉินตง จากนั้นท่าทีหวาดกลัวของเขาก็ลดลงเล็กน้อย และแสยะยิ้มมุมปากออกมา
ทว่า
ตอนนี้เอง
จู่ๆ เฉินตงก็เดินขึ้นไปด้านหน้า
ปัง !
เขาใช้เท้าเตะประตูจนเปิดออก
ลงมือเด็ดขาดและน่าเกรงขาม
เสียงหัวเราะพูดคุยอย่างสนุกสนานภายในห้องหยุดลงทันที เหลือเพียงเสียงดนตรีที่ยังคงดังก้องอยู่
ทุกคนหันมามองหน้าของเฉินตงด้วยความโมโห
หญิงสาวที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นภายในห้อง รีบเดินไปรวมกันอยู่ที่มุมห้องอย่างมีไหวพริบ
เฉินตงลูบจมูก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใครคืออู๋จุนหาว ? ออกมา !”