แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่ภายใต้เลือดสีแดง ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่ซีดขาวที่ราวกับศพเอาไว้ได้
สายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่ไม่สิ้นสุด มองไม่เห็นความหวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว
เสมือน กำลังเผชิญกับสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด
ความรู้สึกแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลินหลิ่งตง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
หัวใจเต้นระทึก ราวกับว่ามันจะทะลุออกมาจากข้างใน
ในที่สุด อู๋จุนหาวก็เค้นเสียงที่มีทั้งหมด พูดออกมาเพียงคำเดียว
“ได้!”
……
หมู่ตึกหลิ่งตง
ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สวยงามในเขตชานเมืองของเมืองหลิ่งตง ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ
เป็นสโมสรระดับไฮคลาสของเมืองหลิ่งตง
คนที่สามารถเข้ามาได้ ไม่ใช่คนรวยก็ต้องเป็นคนที่สูงศักดิ์ คนธรรมดาทั่วไป ทำได้เพียงมองจากระยะไกล ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
คืนนี้ที่หมู่ตึกหลิ่งตงครึกครื้นเป็นพิเศษ
ภายในหมู่ตึก ดวงไฟระยิบระยับ
ขบวนรถที่ตรวจตราอย่างแน่นหนา แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในระดับสูง
และในห้องโถง กำลังร้องเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
โต๊ะกลมขนาดใหญ่ นั่งเต็มไปด้วยผู้คน
“เจิ้งโก๋โส่วพูดอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว ขออนุญาตดื่มให้กับหลิ่งตงอีกหนึ่งแก้ว!”
หลินหลิ่งตงที่หน้าแดงเพราะความเมา ยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยความดีใจ ยื่นแก้วไปทางเจิ้งโก๋โส่วที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ประธาน
เจิ้งโก๋โสว่เองก็เมาเล็กน้อยแล้ว สำหรับงานเลี้ยงที่กำลังเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน ใครมาชนแก้วก็ไม่ปฏิเสธ
และทั้งสองคนก็ได้ดื่มเหล้าในแก้ว หมดในคราเดียว
คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ต่างปกมืออย่างเฮฮาให้
คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาในเมืองหลิ่งตง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงตัวประกอบในวงเหล้า
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่ไม่พอใจหรือบ่นเลย
สามารถเข้ามาในหมู่ตึกหลิ่งตง ก็ถือได้ว่าได้หน้าได้ตาแล้ว
ยิ่งกว่านั้น วันนี้แขกคนสำคัญที่หลินหลิ่งตงเชิญมา ยังเป็นเจิ้งโก๋โส่วที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีน!
เป็นคนที่มีผลงานโดดเด่นที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
สามารถมาเยือนเมืองหลิ่งตง ก็นับเป็นบุญของเมืองหลิ่งตงแล้ว
และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็รู้ว่า มันก็คือเกียรติของหลินหลิ่งตง
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่ในงานเลี้ยง อย่าว่าแต่เชิญเจิ้งโก๋โส่วมาเยือนเมืองหลิ่งตงเลย คาดว่าแค่พูดคุยเขาก็คงไม่อยากจะคุยด้วยเลย
“ฮ่าๆ………….น้องหลิ่งตงนั้นเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจจริงๆเลย”
เจิ้งโก๋โส่วหัวเราะแล้วเอามือไปพาดบนไหล่ของหลินหลิ่งตง โดยที่ไม่วางมาดอะไรเลย
“ท่านเจิ้ง ขอพูดตามตรงเลย ผมน่ะก็เป็นที่คนหยาบกระด้างคนหนึ่ง แต่ในความหยาบก็มีความละเอียดอยู่ โดยปกติก็มักจะชอบเขียนพู่กันและวาดภาพ ตอนแรกที่ได้เห็นภาพวาดของท่าน ผมนั้นตะลึงเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย จากนั้นก็หยุดชอบมันไม่ได้เลย”
คำชมของหลินหลิ่งตง ยิ่งทำให้เจิ้งโก๋โส่วอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่
“พี่หลิ่งตง ไม่งั้นเราก็อาศัยภาพเหตุการณ์คืนนี้ ขอให้ท่านเจิ้งวาดภาพสักภาพ?” มีคนเสนอแนะ
“ดี!”
ไม่ทันที่หลินหลิ่งตงจะเอ่ยปาก เจิ้งโก๋โส่วก็ตอบรับแล้ว
หลินหลิ่งตงตาสว่าง ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น
เขานั้นคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง เป็นคนที่มากไปด้วยอำนาจเงินทอง แต่เวลาว่าง กลับหลงใหลภาพวาดจีน สำหรับเจิ้งโก๋โส่วที่มีผลงานโดดเด่นน่าเคารพนับถืออย่างหาใครเทียบไม่ได้
หากสามารถอาศัยความเมา ได้ภาพที่ล้ำค่า ต่อไปในคฤหาสน์ของตัวเอง ก็จะมีสมบัติล้ำค่าให้ชื่นชมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหลิ่งตงก็ปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นไปฝนหมึกให้กับเจิ้งโก๋โส่วด้วยมือเขาเอง
ภาพนี้ ทำให้คนที่มองอยู่แอบแปลกใจ
เมื่อไหร่กันนะ ที่ราชาใต้ดินถึงกับได้ยอมลดฐานะของตัวเองให้ต่ำขนาดนี้?
“พี่หลิ่งตง ให้ผมฝนให้มั้ย?” มีคนเสนอ
หลินหลิ่งตงเหลือบมองด้วยหางตา “คุณมีคุณสมบัติอะไรถึงจะมาช่วยท่านเจิ้งฝนหมึก? ถึงแม้ว่าจะเป็นผม มันก็เป็นความเต็มใจที่ผมจะได้รับใช้ท่านเจิ้ง”
คนผู้นั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที รีบถอยเข้าไปในกลุ่มคน
ตอนที่เจิ้งโก๋โส่วถือพู่กันจุ่มหมึก และกำลังจะลงมือวาดนั้น
ทันใดนั้น
“ประธานหลิน ประธานอู๋พาคนมาแล้ว”
ด้านนอกห้องโถง เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
พู่กันในมือของเจิ้งโก๋โส่ว อดไม่ได้ที่หยุดไปครู่หนึ่ง
หลินหลิ่งตงก็โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ก็กล่าวขอโทษเจิ้งโก๋โส่ว “ท่านเจิ้งต้องขออภัยแล้ว เป็นน้องชายของผม ไม่มีมารยาท ผมจะไปสั่งสอนเขาตอนนี้เลย”
“ช่างเถอะ น้องชายตัวเอง ไม่ต้องหรอก เชิญพวกเขาเข้ามาเถอะ” เจิ้งโก๋โส่วโบกมือห้ามอย่างใจกว้าง
หลินหลิ่งตงจึงได้โล่งอกไปทันที รีบให้คนเรียกคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา
เมื่อเฉินตงพาอู๋จุนหาว เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น
ด้านในห้องโถง ก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานทันที
สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“จุนหาว!”
หลินหลิ่งตงสีหน้าดุร้าย สร่างเมาไปไม่น้อย
“เจ้านาย………”
เดิมทีอู๋จุนหาวยังมีความตื่นตระหนกอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลิ่งตง ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวทันที กล่าวอย่างน่าสงสาร “เป็นเขา เขาต้องการพบคุณ!”
“แม่งเอ๊ย!”
หลินหลิ่งตงโกรธอย่างมาก ถึงขั้นไม่สนใจว่าเจิ้งโก๋โส่วยังอยู่ในห้องโถง ก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคาย
ส่วนคนอื่นๆ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ มองเฉินตงและโจวเย่นชิวกับกูหลังที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่โกรธเคือง
คนพวกนี้ ได้ซ้อมอู่จุนหาวจนมีสภาพแบบนี้ คืออยากจะให้หลินหลิ่งตงสอนพวกเขาคำว่าตายเขียนยังไงเหรอ?
และแล้ว
ใครก็ไม่ทันสังเกต
ตอนนี้เจิ้งโก๋โส่วที่กำลังจะยืนถือพู่กันอยู่หน้าโต๊ะ กลับตกตะลึง สายตาที่มึนเมาก็สว่างขึ้นมาทันที
ไอ้หมอนี่มาได้อย่างไร?
เฉินตงก็สังเกตเห็นเจิ้งโก๋โสว่ที่อยู่ในกลุ่มคน ก็ตกใจโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม มันก็แค่นี้เท่านั้น
เพราะความสัมพันธ์ของกู้ชิงหยิ่ง เจิ้งโก๋โส่วตามศักดิ์ก็คือคุณอาของเขา สำหรับว่าอีกฝ่ายจะคบคนแบบไหน มันไม่เกี่ยวกับเขา
การที่เขามา ก็เพราะว่าจัดการเรื่องของเขา!
พรึบ!
สะบัดมือขวา เฉินตงก็ได้โยนอู๋จุนหาวลงบนพื้น
มองดูหลินหลิ่งคตงที่โกรธเหมือนสิงโตกำลังคลั่ง อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น ยิ้มกล่าว “คิดไม่ถึง ราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะหนุ่มขนาดนี้”
หลินหลิ่งตงที่อยู่ตรงหน้า ดูแล้วอายุอานามก็น่าจะประมาณสามสิบปี
แบกฉายาราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง ไม่เพียงแต่ไม่เห็นถึงความหยาบคายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทมาก
“เจ้านาย……..”
อู๋จุนหาวร้องห่มร้องไห้แล้วคลานไปทางหลินหลิ่งตง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ยิ่งทำให้เขาดูน่าสังเวชนัก
พรึบ!
เฉินตงยกขาขึ้นมา เหยียบไปบนหลังของอู๋จุนหาว
ภาพนี้ ก็ทำให้หลินหลิ่งตงระเบิดทันที
เขาคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง อยู่ในเมืองหลิ่งตง มีใครที่ไม่ไว้หน้าเขาบ้าง?
มีใครบ้างที่ไม่รู้ อู๋จุนหาวเป็นลูกน้องของเขา?
ซ้อมอู๋จุนหาวจนมีสภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการฉีกหน้าคนที่เป็นราชาใต้ดินอย่างเขา!
“จะตีหมา ก็ต้องดูเจ้าของ!” หลินหลิ่งตงได้บีบคำพูดออกมาจากซอกฟัน
เฉินตงเงยหน้าเล็กน้อย แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว “หมาของคุณกัดพี่น้องของผม ผมจะตีหมา ยังต้องดูเจ้าของอีกเหรอ?”
โครม!
คำพูดที่สั่นสะเทือน
ทุกคนที่อยู่ในนี้ตกตะลึงกันทุกคน
พระเจ้า!
ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ?
กล้าพูดแบบนี้กับหลินหลิ่งตง?
บางคนเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป ได้ยกมือขึ้นมาแคะหูอย่างแรง
“ดี ดีมาก! คุณเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับผมหลินหลิ่งตง!”
หลินหลิ่งตงหัวเราะด้วยความโกรธ เสียงหัวเราะที่ไม่เกรงกลัวใครเลย
คนที่อยู่ในนี้ ต่างอกสั่นขวัญแขวน
ใครๆก็รู้ นี่คือสัญญาลักษณ์การหัวเราะของหลินหลิ่งตง การหัวเราะนี้ จะมีการเสียเลือดเสียเนื้อเกิดขึ้น!
และแล้ว
เฉินตงกลับใช้เท้าเหยียบอยู่บนหลังของอู๋จุนหาว ภายใต้การกรีดร้องของอู่จุนหาว ก็ข้ามผ่านตัวเขาไปโดยตรง ท้าทายสายตาของหลินหลิ่ง “ผมเฉินตงแต่ไหนแต่ไรก็พูดจาแบบนี้!”
ขิงก็ราข่าก็แรง
สถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก
กระจายเต็มไปด้วยแรงแห่งการฆ่า
ในขณะที่หลินหลิ่งตงกำลังจะโต้กลับนั้น
จู่ๆก็มีมือใหญ่ก็ได้มากดอยู่บนไหล่ของหลินหลิ่งตง
หลินหลิ่งตงหันหน้าไปมองมือของเจิ้งโก๋โส่วอย่างตกตะลึง “ท่านเจิ้ง ขออภัยด้วย คนชั้นต่ำพวกนี้ได้มารบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของคุณแล้ว ขอให้คุณโปรดขยับหน่อย ผม……..”
“ไม่ต้อง”
เจิ้งโก๋โส่วขัดจังหวะการพูดของหลินหลิ่งตง กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “คุณจะให้ฉันวาดรูปไม่ใช่เหรอ มาวาดตอนนี้เถอะ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา
หลินหลิ่งตงกับคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนตกใจกันหมด
มันกำลังจะหลั่งเลือดกันแล้ว ยังจะวาดอีกเหรอ?
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่ภายใต้เลือดสีแดง ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่ซีดขาวที่ราวกับศพเอาไว้ได้
สายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่ไม่สิ้นสุด มองไม่เห็นความหวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว
เสมือน กำลังเผชิญกับสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด
ความรู้สึกแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลินหลิ่งตง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
หัวใจเต้นระทึก ราวกับว่ามันจะทะลุออกมาจากข้างใน
ในที่สุด อู๋จุนหาวก็เค้นเสียงที่มีทั้งหมด พูดออกมาเพียงคำเดียว
“ได้!”
……
หมู่ตึกหลิ่งตง
ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สวยงามในเขตชานเมืองของเมืองหลิ่งตง ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ
เป็นสโมสรระดับไฮคลาสของเมืองหลิ่งตง
คนที่สามารถเข้ามาได้ ไม่ใช่คนรวยก็ต้องเป็นคนที่สูงศักดิ์ คนธรรมดาทั่วไป ทำได้เพียงมองจากระยะไกล ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
คืนนี้ที่หมู่ตึกหลิ่งตงครึกครื้นเป็นพิเศษ
ภายในหมู่ตึก ดวงไฟระยิบระยับ
ขบวนรถที่ตรวจตราอย่างแน่นหนา แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในระดับสูง
และในห้องโถง กำลังร้องเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
โต๊ะกลมขนาดใหญ่ นั่งเต็มไปด้วยผู้คน
“เจิ้งโก๋โส่วพูดอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว ขออนุญาตดื่มให้กับหลิ่งตงอีกหนึ่งแก้ว!”
หลินหลิ่งตงที่หน้าแดงเพราะความเมา ยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยความดีใจ ยื่นแก้วไปทางเจิ้งโก๋โส่วที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ประธาน
เจิ้งโก๋โสว่เองก็เมาเล็กน้อยแล้ว สำหรับงานเลี้ยงที่กำลังเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน ใครมาชนแก้วก็ไม่ปฏิเสธ
และทั้งสองคนก็ได้ดื่มเหล้าในแก้ว หมดในคราเดียว
คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ต่างปกมืออย่างเฮฮาให้
คนที่อยู่ในงานเลี้ยง ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาในเมืองหลิ่งตง แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงตัวประกอบในวงเหล้า
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่ไม่พอใจหรือบ่นเลย
สามารถเข้ามาในหมู่ตึกหลิ่งตง ก็ถือได้ว่าได้หน้าได้ตาแล้ว
ยิ่งกว่านั้น วันนี้แขกคนสำคัญที่หลินหลิ่งตงเชิญมา ยังเป็นเจิ้งโก๋โส่วที่เป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีน!
เป็นคนที่มีผลงานโดดเด่นที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
สามารถมาเยือนเมืองหลิ่งตง ก็นับเป็นบุญของเมืองหลิ่งตงแล้ว
และทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็รู้ว่า มันก็คือเกียรติของหลินหลิ่งตง
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่ในงานเลี้ยง อย่าว่าแต่เชิญเจิ้งโก๋โส่วมาเยือนเมืองหลิ่งตงเลย คาดว่าแค่พูดคุยเขาก็คงไม่อยากจะคุยด้วยเลย
“ฮ่าๆ………….น้องหลิ่งตงนั้นเป็นคนที่เปิดเผยจริงใจจริงๆเลย”
เจิ้งโก๋โส่วหัวเราะแล้วเอามือไปพาดบนไหล่ของหลินหลิ่งตง โดยที่ไม่วางมาดอะไรเลย
“ท่านเจิ้ง ขอพูดตามตรงเลย ผมน่ะก็เป็นที่คนหยาบกระด้างคนหนึ่ง แต่ในความหยาบก็มีความละเอียดอยู่ โดยปกติก็มักจะชอบเขียนพู่กันและวาดภาพ ตอนแรกที่ได้เห็นภาพวาดของท่าน ผมนั้นตะลึงเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย จากนั้นก็หยุดชอบมันไม่ได้เลย”
คำชมของหลินหลิ่งตง ยิ่งทำให้เจิ้งโก๋โส่วอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่
“พี่หลิ่งตง ไม่งั้นเราก็อาศัยภาพเหตุการณ์คืนนี้ ขอให้ท่านเจิ้งวาดภาพสักภาพ?” มีคนเสนอแนะ
“ดี!”
ไม่ทันที่หลินหลิ่งตงจะเอ่ยปาก เจิ้งโก๋โส่วก็ตอบรับแล้ว
หลินหลิ่งตงตาสว่าง ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น
เขานั้นคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง เป็นคนที่มากไปด้วยอำนาจเงินทอง แต่เวลาว่าง กลับหลงใหลภาพวาดจีน สำหรับเจิ้งโก๋โส่วที่มีผลงานโดดเด่นน่าเคารพนับถืออย่างหาใครเทียบไม่ได้
หากสามารถอาศัยความเมา ได้ภาพที่ล้ำค่า ต่อไปในคฤหาสน์ของตัวเอง ก็จะมีสมบัติล้ำค่าให้ชื่นชมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหลิ่งตงก็ปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างมาก ลุกขึ้นไปฝนหมึกให้กับเจิ้งโก๋โส่วด้วยมือเขาเอง
ภาพนี้ ทำให้คนที่มองอยู่แอบแปลกใจ
เมื่อไหร่กันนะ ที่ราชาใต้ดินถึงกับได้ยอมลดฐานะของตัวเองให้ต่ำขนาดนี้?
“พี่หลิ่งตง ให้ผมฝนให้มั้ย?” มีคนเสนอ
หลินหลิ่งตงเหลือบมองด้วยหางตา “คุณมีคุณสมบัติอะไรถึงจะมาช่วยท่านเจิ้งฝนหมึก? ถึงแม้ว่าจะเป็นผม มันก็เป็นความเต็มใจที่ผมจะได้รับใช้ท่านเจิ้ง”
คนผู้นั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที รีบถอยเข้าไปในกลุ่มคน
ตอนที่เจิ้งโก๋โส่วถือพู่กันจุ่มหมึก และกำลังจะลงมือวาดนั้น
ทันใดนั้น
“ประธานหลิน ประธานอู๋พาคนมาแล้ว”
ด้านนอกห้องโถง เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
พู่กันในมือของเจิ้งโก๋โส่ว อดไม่ได้ที่หยุดไปครู่หนึ่ง
หลินหลิ่งตงก็โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ก็กล่าวขอโทษเจิ้งโก๋โส่ว “ท่านเจิ้งต้องขออภัยแล้ว เป็นน้องชายของผม ไม่มีมารยาท ผมจะไปสั่งสอนเขาตอนนี้เลย”
“ช่างเถอะ น้องชายตัวเอง ไม่ต้องหรอก เชิญพวกเขาเข้ามาเถอะ” เจิ้งโก๋โส่วโบกมือห้ามอย่างใจกว้าง
หลินหลิ่งตงจึงได้โล่งอกไปทันที รีบให้คนเรียกคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา
เมื่อเฉินตงพาอู๋จุนหาว เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น
ด้านในห้องโถง ก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานทันที
สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“จุนหาว!”
หลินหลิ่งตงสีหน้าดุร้าย สร่างเมาไปไม่น้อย
“เจ้านาย………”
เดิมทีอู๋จุนหาวยังมีความตื่นตระหนกอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลิ่งตง ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวทันที กล่าวอย่างน่าสงสาร “เป็นเขา เขาต้องการพบคุณ!”
“แม่งเอ๊ย!”
หลินหลิ่งตงโกรธอย่างมาก ถึงขั้นไม่สนใจว่าเจิ้งโก๋โส่วยังอยู่ในห้องโถง ก็ตะโกนด่าอย่างหยาบคาย
ส่วนคนอื่นๆ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ มองเฉินตงและโจวเย่นชิวกับกูหลังที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่โกรธเคือง
คนพวกนี้ ได้ซ้อมอู่จุนหาวจนมีสภาพแบบนี้ คืออยากจะให้หลินหลิ่งตงสอนพวกเขาคำว่าตายเขียนยังไงเหรอ?
และแล้ว
ใครก็ไม่ทันสังเกต
ตอนนี้เจิ้งโก๋โส่วที่กำลังจะยืนถือพู่กันอยู่หน้าโต๊ะ กลับตกตะลึง สายตาที่มึนเมาก็สว่างขึ้นมาทันที
ไอ้หมอนี่มาได้อย่างไร?
เฉินตงก็สังเกตเห็นเจิ้งโก๋โสว่ที่อยู่ในกลุ่มคน ก็ตกใจโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม มันก็แค่นี้เท่านั้น
เพราะความสัมพันธ์ของกู้ชิงหยิ่ง เจิ้งโก๋โส่วตามศักดิ์ก็คือคุณอาของเขา สำหรับว่าอีกฝ่ายจะคบคนแบบไหน มันไม่เกี่ยวกับเขา
การที่เขามา ก็เพราะว่าจัดการเรื่องของเขา!
พรึบ!
สะบัดมือขวา เฉินตงก็ได้โยนอู๋จุนหาวลงบนพื้น
มองดูหลินหลิ่งคตงที่โกรธเหมือนสิงโตกำลังคลั่ง อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น ยิ้มกล่าว “คิดไม่ถึง ราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จะหนุ่มขนาดนี้”
หลินหลิ่งตงที่อยู่ตรงหน้า ดูแล้วอายุอานามก็น่าจะประมาณสามสิบปี
แบกฉายาราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง ไม่เพียงแต่ไม่เห็นถึงความหยาบคายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทมาก
“เจ้านาย……..”
อู๋จุนหาวร้องห่มร้องไห้แล้วคลานไปทางหลินหลิ่งตง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ยิ่งทำให้เขาดูน่าสังเวชนัก
พรึบ!
เฉินตงยกขาขึ้นมา เหยียบไปบนหลังของอู๋จุนหาว
ภาพนี้ ก็ทำให้หลินหลิ่งตงระเบิดทันที
เขาคือราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง อยู่ในเมืองหลิ่งตง มีใครที่ไม่ไว้หน้าเขาบ้าง?
มีใครบ้างที่ไม่รู้ อู๋จุนหาวเป็นลูกน้องของเขา?
ซ้อมอู๋จุนหาวจนมีสภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการฉีกหน้าคนที่เป็นราชาใต้ดินอย่างเขา!
“จะตีหมา ก็ต้องดูเจ้าของ!” หลินหลิ่งตงได้บีบคำพูดออกมาจากซอกฟัน
เฉินตงเงยหน้าเล็กน้อย แล้วหัวเราะอย่างน่ากลัว “หมาของคุณกัดพี่น้องของผม ผมจะตีหมา ยังต้องดูเจ้าของอีกเหรอ?”
โครม!
คำพูดที่สั่นสะเทือน
ทุกคนที่อยู่ในนี้ตกตะลึงกันทุกคน
พระเจ้า!
ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้วเหรอ?
กล้าพูดแบบนี้กับหลินหลิ่งตง?
บางคนเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป ได้ยกมือขึ้นมาแคะหูอย่างแรง
“ดี ดีมาก! คุณเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับผมหลินหลิ่งตง!”
หลินหลิ่งตงหัวเราะด้วยความโกรธ เสียงหัวเราะที่ไม่เกรงกลัวใครเลย
คนที่อยู่ในนี้ ต่างอกสั่นขวัญแขวน
ใครๆก็รู้ นี่คือสัญญาลักษณ์การหัวเราะของหลินหลิ่งตง การหัวเราะนี้ จะมีการเสียเลือดเสียเนื้อเกิดขึ้น!
และแล้ว
เฉินตงกลับใช้เท้าเหยียบอยู่บนหลังของอู๋จุนหาว ภายใต้การกรีดร้องของอู่จุนหาว ก็ข้ามผ่านตัวเขาไปโดยตรง ท้าทายสายตาของหลินหลิ่ง “ผมเฉินตงแต่ไหนแต่ไรก็พูดจาแบบนี้!”
ขิงก็ราข่าก็แรง
สถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก
กระจายเต็มไปด้วยแรงแห่งการฆ่า
ในขณะที่หลินหลิ่งตงกำลังจะโต้กลับนั้น
จู่ๆก็มีมือใหญ่ก็ได้มากดอยู่บนไหล่ของหลินหลิ่งตง
หลินหลิ่งตงหันหน้าไปมองมือของเจิ้งโก๋โส่วอย่างตกตะลึง “ท่านเจิ้ง ขออภัยด้วย คนชั้นต่ำพวกนี้ได้มารบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของคุณแล้ว ขอให้คุณโปรดขยับหน่อย ผม……..”
“ไม่ต้อง”
เจิ้งโก๋โส่วขัดจังหวะการพูดของหลินหลิ่งตง กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “คุณจะให้ฉันวาดรูปไม่ใช่เหรอ มาวาดตอนนี้เถอะ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา
หลินหลิ่งตงกับคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนตกใจกันหมด
มันกำลังจะหลั่งเลือดกันแล้ว ยังจะวาดอีกเหรอ?