Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 383 บางทีฉันอาจจะช่วยคุณได้จริงๆ

อู๋จุนหาวตกใจจนไม่กล้าพูด

แต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมหลินหลิ่งตงถึงมีความแน่วแน่ที่อยากจะเป็นเพื่อนกับเฉินตงขนาดนี้ มันเพราะอะไรกันแน่?

เขาได้ตรวจสอบประวัติของเฉินตงแล้ว

เป็นบุคคลที่สำคัญจริง!

แต่แล้วจะยังไง?

คนอื่นไม่ให้เกียรติ ราชาใต้ดินผู้สง่างาม ถึงกับต้องทิ้งหน้าลงบนพื้น ให้คนเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าเหรอ?

ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในหลิ่งตง เป็นราชาใต้ดิน นี่มันยังไม่พอเหรอ?

อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าถาม เพราะว่าเขาเข้าใจนิสัยของหลินหลิ่งตง

หากถามในเวลานี้ เป็นการเติมเชื้อเพลิงบนกองไฟ

สิ่งที่จะถูกเผา ก็คือตัวเขาเอง

หลินหลิ่งตงกลับไปที่คฤหาสน์

หวางหนันหนันกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่ง กำลังดูทีวี สวมชุดนอนลายลูกไม้สีดำ นั่งไขว่ห้างบนโซฟา ผมยาวสลวยที่เปียก และถือจานผลไม้อยู่ในมือ

ภาพนี้ ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน

ทำให้หลินหลิ่งตงที่กำลังหงุดหงิดเห็นเข้านั้น อดไม่ได้ที่จะมีความพึงพอใจ

“กลับมาแล้วเหรอ?”

หวางหนันหนันเห็นหลินหลิ่งตง ก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน ชูจานผลไม้ขึ้นมา “แม่บ้านปอกผลไม้ให้เยอะเลย มาทานหน่อยสิ”

หลินหลิ่งตงรู้สึกเพียงปากแห้ง ส่ายหัว นั่งไปยังข้างกายหวางหนันหนัน

กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้ดวงตาของหลินหลิ่งตงลุกเป็นไฟ

เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “หนันหนัน คืนนี้เรานอนห้องเดียวกันได้มั้ย?”

ใช่แล้ว คืนนั้นหลังจากที่หวางหนันหนันเข้ามาในคฤหาสน์ สุดท้ายทั้งสองคนก็แยกกันนอน

มันคือความต้องการของหวางหนันหนัน หลินหลิ่งตงเคารพการตัดสินใจของเขา

เพียงแต่ เวลานี้เขาเหมือนทนไม่ค่อยจะไหวแล้ว

“หลิ่งตง……..”

หวางหนันหนันลังเลเล็กน้อย วางจานผลไม้ลง เม้มริมฝีปากแน่น ค่อยๆ กล่าวขึ้น “เรา เรายังไม่ถึงเวลา”

“หนันหนัน………,

หลินหลิ่งตงยังอยากจะพูด

หวางหนันหนันลุกขึ้นมาแล้ว โน้มตัวจูบไปที่ริมฝีปากของหลินหลิ่งตง

สัมผัสแล้วก็ผลักออกมาทันที “หวางหนันหนันกล่าวอย่างจริงจัง หลิ่งตง เชื่อฉัน ช้าหรือเร็วฉันต้องเป็นของคุณ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันยังเตรียมตัวไม่พร้อม พักผ่อนเร็วๆ ล่ะ ฉันไปนอนก่อนแล้ว”

เมื่อมองไปแผ่นหลังที่อรชรของหวางหนันหนัน หลินหลิ่งตงที่มึนงงเล็กน้อย

ยกมือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและสัมผัสริมฝีปากที่ยังมีความอุ่นเหลืออยู่ ความเครียดก่อนหน้านี้ เวลานี้ได้สงบลงมาแล้ว มุมปากอดไม่ได้ที่โค้งขึ้น แล้วยิ้ม

“ได้ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ คุณได้ถูกลิขิตมาเป็นผู้หญิงของผมหลินหลิ่งตงแล้ว”

……

ความมุ่งมั่นในการเชิญของหลินหลิ่งตง เกินความคาดหมายของเฉินตงโดยสิ้นเชิง

บัตรเชิญถูกส่งมาตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินตงไม่แม้กระทั่งจะมองเลย โยนลงถังขยะโดยตรง

เดิมคิดว่าไม่น่าจะเกินสามครั้ง ต่อให้เกินสามครั้ง ก็คงทำต่อไปได้ไม่นาน

อย่างไรก็ตาม เรื่องบัตรเชิญ ทุกวันบัตรเชิญที่เหมือนกันจะถูกกูหลังนำมาวางบนโต๊ะทำงานของเฉินตงในเวลาเดียวกัน

การส่งนี้ ก็ปาไปครึ่งเดือน!

“มาอีกแล้ว?”

เห็นกูหลังเดินเข้ามา เฉินตงก็ถามตามสัญชาตญาณ

กูหลังพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “คุณเฉิน เขามีความพยายามขนาดนี้ ก็ตกลงไปสักครั้งมั้ย? คนที่ต้องรับหน้าทุกวันก็เบื่อเหมือนกัน”

“ไม่ไป” เฉินตงหยิบบัตรเชิญขึ้นมา โยนไปในถังขยะทันที

กูหลังทำอะไรไม่ได้ หันหลังเดินจากไป

ใต้ตึกไท่ติ่ง

อู๋จุนหาวที่ถูฝ่ามือไปมา รอคอยอย่างกระวนกระวาย

เขารับผิดชอบส่งบัตรเชิญมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว

ด้วยความพยายามในการส่งบัตรเชิญ การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวที่เขาได้รับ ก็คือกูหลังที่จะสามารถบอกเขาได้โดยตรงว่าเฉินตงจะไปงานเลี้ยงหรือเปล่า

มันทำให้อู๋จุนหาวอายมาก

เพราะก่อนหน้านี้ เพราะเรื่องแย่งที่ดิน เขายังเคยทำร้ายกูหลัง

ตอนนี้ กลับต้องโค้งตัวเพื่อประจบกูหลัง ขอร้องให้กูหลังเปิดเผยความรู้สึกของเฉินตง

เพราะมันเกี่ยวกับหลินหลิ่งตง เขาไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจออกมาแม้แต่นิดเดียว

ทันใดนั้น อู๋จุนหาวตาสว่าง

รีบเดินเข้าไป พี่กูหลัง “ประธานเฉินว่าอย่างไร?”

กูหลังส่ายหัว “กลับไปเถอะ ไม่ไป”

“นี่……….” อู๋จุนหาวร้อนใจแล้ว รีบกล่าว พี่กูหลังพี่ไปช่วยผมพูดหน่อยได้มั้ย หลังจากที่เรื่องสำเร็จ น้องคนนี้ต้องขอบคุณพี่อย่างหนักเลย”

คำพูดประจบประแจง ก้มหน้าก้มตาดูไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย

ทำให้กูหลังยังรู้สึกเลยว่าอู๋จุนหาวในตอนนี้ ราวกับว่าไม่ใช่คนเก่า

กูหลังแบมือยักไหล่อย่างช่วยอะไรไม่ได้ “ฉันเป็นเพียงทีมบอดี้การ์ดในบริษัทของคุณเฉินเท่านั้น สามารถได้คำตอบเรื่องไปหรือไม่ไปงานเลี้ยงจากคุณเฉินมันคือขีดจำกัดที่สูงสุดแล้ว ฉันจะเอาสิทธิ์อะไรไปช่วยนายพูด นายกลับไปเถอะ”

พูดจบ เขาก็ไม่ได้สนใจอู๋จุนหาวอีก หันหลังเดินกลับเข้าไปในบริษัท

อู๋จุนหาวยืนอึ้งอยู่ที่เดิม แววตาเต็มไปด้วยความแค้น

แม่งเอ๊ย……..หน้าใหญ่เกินไปแล้วมั้ง?

อยู่ในเมืองหลิ่งตง ยังไม่มีใครต้องให้เจ้านายฉันเรียนเชิญแบบนี้มาก่อนเลย!

แค้นส่วนแค้น สุดท้ายอู๋จุนหาวก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ขึ้นรถจากไป

หมู่ตึกหลิ่งตง

ในห้องหนังสือขนาดใหญ่ หอมไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์

หลินหลิ่งตงกำลังวาดรูป ใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่

ด้านข้างยืนอยู่ด้วยหวางหนันหนันที่สวมชุดเดรสสีดำ เผยให้เห็นถึงความสง่างาม จิบนิ้วเหมือนดอกกล้วยไม้ ช่วยหลินหลิ่งตงฝนหมึกอย่างตั้งใจ ด้วยระดับของเธอ ย่อมไม่สามารถเข้าใจแนวความคิดทางศิลปะที่ลึกซึ้งในภาพวาดของหลินหลิ่งตง

อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเธอที่จะยืนอยู่ตรงหน้าหลินหลิ่งตง แสดงออกอย่างความชื่นชมยินดี

อู๋จุนหาวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

หลินหลิ่งตงไม่ทันสังเกต ยังคงตั้งใจวาดภาพ

แต่เป็นหวางหนันหนันที่ทำท่าเงียบให้กับอู๋จุนหาว

อู๋จุนหาวพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ รออย่างเงียบๆ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

หลินหลิ่งตงถอนหายใจยาว เก็บพู่กัน รับตราประทับมาจากมือของหวางหนันหนัน ประทับชื่อของตัวเองลงบนภาพอย่างพึงพอใจ

“ภาพวาดนี้ เริ่มมีแนวความคิดทางศิลปะบ้างแล้ว”

“งั้นก็ใส่กรอบ” หวางหนันหันพูด

หลินหลิ่งตงยิ้มกำลังจะตอบ กลับเห็นอู๋จุนหาวที่ยืนรอนานแล้ว

“จุนหาว เป็นอย่างไรบ้าง?”

อู๋จุนหาวยิ้มเจื่อนๆ “เจ้านาย เขายังคงไม่ตอบรับ”

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินหลิ่งตงก็หายไปหมดเลย หน้าเศร้าถึงขีดสุด

พู่กันในมือ ก็ร่วงหล่นลงบนรูปภาพที่เพิ่งจะวาดเสร็จ

“ไอ้หยา หลิ่งตงคุณทำอะไรน่ะ? ใช้ทั้งแรงกายแรงใจกว่าจะวาดภาพที่สวยงามแบบนี้ออกมาได้ มาพังเสียแบบนี้!”

หวางหนันหนันใบหน้าเต็มไปด้วยความปวดใจ รีบหยิบพู่กันออก เก็บภาพวาดขึ้นมา

หลินหลิ่งตงกลับไม่สนใจเลย นั่งลงบนเก้าอี้อย่างเศร้าใจ เกาหัวแล้วกล่าว “ทำไมเขาถึงไม่ตอบรับคำเชิญ หรือว่าฉันหลินหลิ่งตงไม่เข้าตาเขาขนาดนี้นั้นเหรอ?”

“เจ้านาย………”

อู๋จุนหาวอยากจะปลอบ กลับถูกสายตาของหวางหนันหนันสั่งระงับเอาไว้

จากนั้น หวางหนันหนันก็วางภาพวาดในมือลง

เดินไปด้านหลังของหลินหลิ่งตง ช่วยหลินหลิ่งตงนวดขมับ ถามอย่างอ่อนโยน

“ช่วงนี้คุณเป็นอะไร? ทำไมดูวิตกกังวลตลอดเวลา ไม่เหมือนกับหลินหลิ่งตงที่ฉันเคยรู้จักเลย มีเรื่องอะไรคะ สามารถเล่าให้ฉันฟังมั้ย? ฉันสามารถช่วยคุณได้นะ!”

“คุณช่วยไม่ได้หรอก” หลินหลิ่งตงโบกมือ เผชิญหน้ากับหวางหนันหนันเขาไม่อยากแสดงอารณ์ที่ไม่ดี

อู๋จุนหาวกลับพูดอย่างอดไม่ได้ “อาซ้อ ก็เฉินตงประธานของไท่ติ่งที่อยู่เมืองด้านข้างไง เจ้านายให้เกียรติเขา อยากจะเชิญเขามาพูดคุย ได้ส่งบัตรเชิญไปครั้งแล้วครั้งเล่า สิบกว่าครั้งแล้ว เฉินตงคนนั้นไม่เห็นคนอื่นในสายตาเลย ปฏิเสธเจ้านายครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้านายกลุ้มเพราะเรื่องนี้แหละ”

“เฉินตง……..”

ร่างอันบอบบางหวางหนันหนันสั่นสะท้าน มือที่นวดขมับอยู่ก็หยุดลง

ขณะนี้ ในใจเต็มไปด้วยความเศร้า ท่าทางของเธอก็ไม่ธรรมชาติแล้ว

ภาพนี้ ถูกหลินหลิ่งตงเห็นเข้า

เขาโบกมืออย่างหดหู่ “เรื่องนี้คุณช่วยผมไม่ได้หรอก เอาล่ะ อย่าถามเลย เรื่องของผู้ชายให้ผู้ชายจัดการก็พอแล้ว คุณก็อย่ามากังวลเลย”

หวางหนันหนันแววตาสั่นไหว

มองหลินหลิ่งตงที่กำลังเครียด ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น

“บางที ฉันอาจจะช่วยคุณได้จริงๆ นะ!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset