Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 392 เหนือคนเลวย่อมมีคนที่เลวกว่า

หวางหนันหนันหน้าซีดเผือด

เมื่อต้องประจันหน้ากับจางซิ่วจือที่กำลังเดือดดาล เธอก็ลุกขึ้นถอยหลังหนี

และในตอนนั้นเอง

มีฝ่ามือหนึ่งยื่นออกมาขวางจางซิ่วจือเอาไว้ แล้วออกแรงดันจางซิ่วจือกลับไปยืนยันตำแหน่งเดิม

“ปัดโถ่ ไสหัวไปเลยนะ ฉันจะตีลูกสาวตัวเอง แกยังมีหน้ามาขวางอีกเหรอ?”

จางซิ่วจือเดือดดาลชี้หน้าด่าอู๋จุนหาวอย่างหัวร้อน “อย่ามาขวางทางฉันนะ เรื่องในบ้านคนนอกอย่ายุ่ง ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

“เจ้านายครับ”

อู๋จุนหาวยังไม่ได้วางมือลง แต่กลับมองไปที่หลินหลิ่งตงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“ตบปาก!”

หลินหลิ่งตงนั่นอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ แล้วเอ่ยสองคำนี้ออกมาอย่างไร้ความรู้สึก

ประโยคนี้ทำให้หวางหนันหนันตกใจ

จางซิ่วจือชะงักไปก่อนที่จะเบิกตาจ้องเขม็ง “แกเป็นใคร ฉันจะตีลูกสาวตัวเอง เกี่ยวอะไรกับแก…”

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือของอู๋จุนหาวกระทบบนใบหน้าของจางซิ่วจือ

อย่างรุนแรง

จนในหูเกิดเสียงดังวิ้งๆ ขึ้น

เมื่อจางซิ่วจือโดนตบอย่างกะทันหัน ร่างกายก็เสียสมดุลจนเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างมึนงง

ฝ่ามือเมื่อครู่นั้น

ทำให้หวางหนันหนันตกใจจนยกมือขึ้นมาปิดปากตนเองไว้

ตอนนี้สีหน้าของหวางเต๋อเปลี่ยนไป

หลังจากที่หวางเห้าหายตกใจแล้ว เขาก็พุ่งเข้าใส่อย่างอู๋จุนหาวอย่างเดือดดาล

“มึงกล้าดียังไงมาตบแม่กู วันนี้กูกับมึงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”

และในตอนที่หวางเห้าพุ่งตัวเข้าใส่อู๋จุนหาวนั้น

หลินหลิ่งตงก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “อย่าหยุด!”

ริมฝีปากของอู๋จุนหาวปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็น ราวกับสัตว์ร้ายแล้วพุ่งเข้าใส่หวางเห้าอย่างไม่ลังเล

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ลูกน้องของอู๋จุนหาวที่อยู่ตรงปากประตูก็เข้ามาล้อมหวางเห้าเอาไว้

ส่วนหวางเห้านั้นเดิมทีก็ไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ ตอนนั้นจึงอาศัยเพียงความกล้าหาญของตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของอู๋จุนหาวเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเริ่มเผชิญหน้ากัน

เกิดเสียงเพี๊ยะดังขึ้น

หวางเห้าโดนอู๋จุนหาวตบคว่ำลงไปกองอยู่บนพื้น

และไม่รอให้หวางเห้าได้ทันลุกขึ้น ลูกน้องที่ตามเข้ามาก็พากันเข้าไปล้อมหวางเห้าเอาไว้แล้วรุมกระทืบ

เสียงร้องโอดครวญดังสะท้อนไปทั่วบริเวณห้อง

“หยุดนะ พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

จางซิ่วจือตกใจจนหน้าถอดสีไม่เหลือร่องรอยของการหาเรื่องอย่างในตอนแรก เธอคลานเข้าไปหาคนกลุ่มนี้อย่างร้อนรนด้วยความอยากปกป้องลูกชายตนเอง จึงเอาตัวไปนอนขวางอยู่บนตัวหวางเห้า

ฝ่ามือและฝ่าเท้าที่พุ่งสู่หวางเห้า ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปรุมกระทืบลงบนร่างของจางซิ่วจือแทน

สองแม่ลูกร้องโอดโอย ราวกับหมูถูกเชือด

หวางหนันหนันมองภาพที่น่าหวาดกลัวนี้ด้วยใบหน้าซีดเผือด

เธอไม่คิดเลยว่าหลินหลิ่งตงจะใช้วิธีที่เด็ดขาดขนาดนี้

ใบหน้าของหวางเห้ากับจางซิ่วจือฟกช้ำ หวางเห้าหนักกว่าตรงที่มีเลือดไหลกลบปาก

หวางหนันหนันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงก้าวเข้ายืนอยู่ข้างๆ หลินหลิ่งตง

เธอกำลังจะเอ่ยปาก

หลินหลิ่งตงกลับหันมามองหวางหนันหนัน “คุณเลือกผม!”

คำพูดที่เรียบง่ายนี้กลับคล้ายเป็นใบมีดคมปลาบ ที่ทำให้หวางหนันหนันไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากพูดอะไรออกไป

สีหน้าของหวางเต๋อหม่นหมองและซีดเผือด

เมื่อเห็นหวางเห้ากับจางซิ่วจือโดนทำร้ายเช่นนี้กลับไม่สะทกสะท้าน ดวงตาของเขาไร้อารมณ์

“ไปตายซะ ทำร้ายกันปางตายแบบนี้ นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนไร้กฎหมาย…”

จางซิ่วจือร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วร้องออกมาอย่างโหยหวน “หวางเต๋อ แกมันตายด้านไปแล้ว เมียกับลูกจะโดนกระทืบตายอยู่แล้ว ยังไม่คิดจะช่วยกันอีก?”

แววตาของหวางเต๋อเริ่มวิบไหว สุดท้ายจึงได้สติกลับคืนมา

เขาเดินเข้าไปหาหลินหลิ่งตงกับหวางหนันหนัน

เขาเหลือบไปมองหวางหนันหนันก่อน ก่อนที่จะหันไปมองหลินหลิ่งตง

“ขอโทษด้วยครับคุณหลิน พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตลูกเมียของผมด้วย”

“ไว้ชีวิต?”

หลินหลิ่งตงแค่นหัวเราะเย้ยหยัน “ตอนที่พวกคุณพูดให้ผมเสื่อมเสีย เคยคิดด้วยหรือว่าจะยังมีชีวิตรอดต่อไป?”

หลินหลิ่งตงเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมา “ก็ได้ ถ้ายังไม่อยากตาย ก็คุกเข่าขอร้องสิ!”

ดวงตาของหวางหนันหนันกระตุก คำพูดจุกอยู่ข้างใน

หวางเต๋อยิ้มอย่างสลดใจ แล้วเหลียวกลับไปมองหวางเห้ากับจางซิ่วจือที่ถูกรุมทำร้ายและกำลังร้องโอดโอย

สุดท้าย ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเทาก่อนที่จะคุกเข่าลงไปกับพื้น

“พ่อ!”

หวางหนันหนันก้าวอาดออกมาแล้วพยุงหวางเต๋อเอาไว้ เธอหันไปร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเอ่ยกับหลินหลิ่งตงว่า “หลิ่งตง เขาเป็นพ่อของฉัน ได้โปรดอย่าทำให้เขาต้องลำบากใจเลย”

“คุณไม่ได้ตัดขาดกับเขาแล้วหรือ” แววตาของหลินหลิ่งตงปรากฏความน่าขนหัวลุกออกมา

หวางหนันหนันพูดไม่ออก เธอกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันยังไม่ได้ตัดขาดกับพ่อค่ะ เขายังคงเห็นฉันเป็นลูกสาวอยู่”

“อ้อ?”

หลินหลิ่งตงอุทานออกมาอย่างแปลกใจ แล้วมองหวางเต๋ออย่างห่างเหิน

จากนั้นเขาจึงยกมือขวาขึ้นโบก “จุนหาว พอก่อน”

อู๋จุนหาวกับลูกน้องต่างหยุดการลงมือแล้วถอยหลังออกไป

ทิ้งให้หวางเห้ากลับจางซิ่วจือนอนใบหน้าฟกช้ำ เลือดกบปากอยู่บนพื้น

ผมเผ้าของจางซิ่วจือยุ่งเหยิง สายตาของเธอเลื่อนลอย

เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายังไม่หายจากความหวาดกลัวที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่

“แม่ เสี่ยวเห้า”

หวางเต๋อดันตัวเองออกมาจากการประคองของหวางหนันหนัน แล้วเดินโซเซไปยังจางซิ่วจือกับหวางเห้า

เสียงร้องเรียกนี้เองที่ทำให้จางซิ่วจือคล้ายถูกไฟช้อตจนได้สติกลับคืนมา

ทันใดนั้นเอง

“อ้า! หวางเต๋อ ไอคนไร้ประโยชน์!”

จางซิ่วจือแผดเสียงออกมาแล้วกระชากคอเสื้อของหวางเต๋อเอาไว้ เธอร้องไห้ มือเท้าทุบตีไปที่หวางเต๋อ

“ไร้ประโยชน์ ลูกเมียโดนทำร้ายแบบนี้ยังยืนมองหน้าตาเฉย ไปตายซะ!”

“เวรกรรมแท้ๆ ทำไมฉันถึงซวยขนาดนี้ ทำไมเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย?”

“ลูกสาวก็มาหนีไป ลืมแม่แท้ๆ ของตัวเอง สามีก็ทำตัวไร้น้ำยาแบบนี้อีก”

เธอแผดเสียงสนั่นและทุบตีอย่างคลุ้มคลั่ง

สีหน้าของอู๋จุนหาวกับลูกน้องไม่มีความรู้สึกใดๆ

แต่หลินหลิ่งตงกลับหัวเราะอย่างเหยียดหยาม เขาใช้มือขวาทุบโต๊ะเพื่อขัดจังหวะเสียงร้องโหวกเหวกของจางซิ่วจือ

“จำเอาไว้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนันหนันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกแกอีก ถ้ายังสร้างเรื่องรนหาที่อีก คนอย่างหลินหลิ่งตงจะฝังพวกแกเอง”

ความอำมหิตเช่นนี้ ทำให้อุณหภูมิในห้องลดฮวบไปจนถึงจุดเยือกแข็ง

สีหน้าของจางซิ่วจือเปลี่ยนไป ใบหน้าของเธอเริ่มปรากฏความตื่นตระหนก

“แม่…”

หวางเห้าเจ็บหนัก ตอนนี้จึงดึงจางซิ่วจือเอาไว้อย่างหวาดกลัว

ทันใดนั้นเอง

สายตาของจางซิ่วจือก็เบนไปที่หวางหนันหนัน แววตาของนางปรากฏความคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“หวางหนันหนัน แกเต็มใจเป็นนกน้อยในกรงทองก็เรื่องของแก แกเป็นแค่ของที่เอาไว้แลกเงิน ฉันไม่สนใจแกหรอก!”

จางซิ่วจือเอ่ยอย่างจริงจัง เธอแผดเสียงแหลม “แต่ฉันเป็นแม่ของแก เป็นแม่ที่เลี้ยงดูแกมาจนโต ตอนนี้แกจะปล่อยให้พวกเราไปตายแบบนี้เหรอ?”

“พวกแกไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว!”

หลินหลิ่งตงแผดเสียงตวาด

“เหลวไหล!”

จางซิ่วจือเริ่มเสียสติ มือขวาของเธอโบกไปมา “ตัดขาดบ้าอะไร เลือดเนื้อในตัวของหวางหนันหนันมีเลือดแม่อยู่ด้วย ถ้าคิดจะตัดขาดกันจริง ต้องมานอนตายอยู่ตรงหน้าฉันก่อน”

ร่างบอบบางของหวางหนันหนันสั่นไหว เธออดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกจึงร้องไห้ออกมา

แต่เธอก็กัดฟันเอาไว้ ไม่ยอมให้เสียงเล็ดลอดออกมา

ตึ้ง!

จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่น

หลินหลิ่งตงเอามือตบโต๊ะพลางลุกขึ้นยืน เขาแผดเสียงตวาดที่น่าขนหัวลุกออกมา “ยายแก่ แกคิดว่าราชาใต้ดินเมืองหลิ่งตงทนเห็นการหลั่งเลือดไม่ได้หรือไง”

หวางเห้ากับหวางเต๋อพากันสะดุ้งตกใจและปิดปากเงียบสนิท

แต่จางซิ่วจือกลับชูคออย่างไม่กลัวตายแล้วเถียงออกไปอย่างเสียสติ “งั้นแกก็ฆ่าฉันเลยสิ ยังไงอีแก่คนนี้ก็เป็นหนี้เขาอยู่หลายแสนอยู่แล้ว แกฆ่าฉัน ปัญหาทุกอย่างก็ถือว่าจบลงเสียที”

สีหน้าของหลินหลิ่งตงหม่นหมองอย่างถึงที่สุด

“เจ้านาย…” อู๋จุนหาวมองไปที่หลินหลิ่งตนอย่างไร้ความรู้สึกใดเพื่อสอบถาม

หากราชาใต้ดินต้องการชีวิตของคนสักสองคน ก็ง่ายเพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น

แต่หลินหลิ่งตงไม่ทันตอบ

จางซิ่วจือที่นอนกองอยู่บนพื้นก็เริ่มแผดเสียงออกมาอีก

“ถ้าแกอยากให้ฉันตัดขาดกับแม่ตัวแลกเงินนี่ก็ได้ แต่ต้องเอามาสิบล้าน! แล้วตระกูลหวางของพวกเราจะไม่ข้องเกี่ยวกับนังเด็กนี่ไปอีกตลอดชีวิต!”

“สิบล้าน?” หลินหลิ่งตงหรี่ตา

“มากไปเหรอ? แกเป็นถึงราชาใต้ดินเมืองหลิ่งตง เงินแค่นี้คงไม่มากเกินไปหรอกมั้ง”

จางซิ่วจือแยกเขี้ยวยิ้มอย่างได้ใจ “ฉันจะได้เอาเงินสิบล้านนี้แบ่งไปใช้หนี้สักสองสามแสน ส่วนเงินที่เหลือจะได้เก็บเอาไว้ใช้ในงานแต่งของลูกชายฉัน ขาดไปแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็อย่าหวังว่าเรื่องจะจบง่ายๆ”

“หึหึ…ผมนับถือคุณจริงๆ ที่กล้าขู่ผม!”

หลินหลิ่งตงขมวดคิ้วแน่น ดวงตาหรี่เล็กของเขาพุ่งตรงไปยังหวางเห้า จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก “จุนหาว ตัดขาลูกชายของมันทั้งสองข้างแล้วเอาไปโยนทิ้งซะ ถ้าต่อไปยังกล้ามาต่อปากต่อคำหรือมาวุ่นวายกับหนันหนันอีก เจอหนึ่งครั้งเท่ากับตัดขาหนึ่งข้าง!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset