Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 397 ความบ้าคลั่งของจางซิ่วจือ

เขตชานเมือง

บนถนนรกร้างสายหนึ่ง

รถแท็กซี่คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วจี๋

เอี๊ยด!

รถหยุดลง

“ไสหัวลงไป!”

จางซิ่วจือกับหวางเต๋อถูกผลักลงรถอย่างไม่ไยดี

คนทั้งสองกลิ้งอยู่หลายตลบบนพื้น ก่อนจะหยุดกลิ้งลงบริเวณพงหญ้ารกร้างข้างถนน

พยายามอยู่พักใหญ่กว่าจะแกะเชือกที่มัดมือเอาไว้อย่างไม่แน่นนักออกได้

เมื่อจางซิ่วจือพลิกตัวขึ้นมาได้ก็เริ่มก่นด่าขึ้นอีก “ไม่ตายดีแน่ พวกแกทุกคนไม่ได้ตายดีแน่! ถ้าฉันโดนพวกทวงหนี้ฆ่าตาย พวกแกทุกคนจะกลายเป็นผู้ร่วมมือ!”

หวางเต๋อนั่งอยู่บนพงหญ้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตาของเขาสิ้นหวัง

ผู้ร่วมมือ?

น่าหัวเราะ!

ภัยพิบัติยังสามารถหลีกพ้น แต่บาปกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นไม่มีทางหนีพ้น

เขากับจางซิ่วจือร่วมหัวจมท้ายกันมากว่าสิบปี ตอนนี้กลับรู้สึกว่าภรรยาของตนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความคิดอ่านทุกอย่างพังทลายไปหมด

เงินหลายสิบล้านอยู่ในมือ หากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็สามารถอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ไปได้ตลอดชีวิต

แต่สำหรับจางซิ่วจือแล้ว จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน?

ใช้เงินหลายสิบล้านอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนหมดเกลี้ยง แถมยังติดหนี้อีกหลายแสน

บาปกรรมที่ตนเองก่อเช่นนี้ จะไปโทษคนอื่นได้อย่างไร?

ตุ้บ!

จางซิ่วจือที่กำลังเดือดดาลสุดขีดยกขาถีบหวางเต๋อเต็มแรง “คนเฮงซวย ทำไมแกไม่ตายๆ ไปซะ เป็นผู้ชายทั้งแท่ง ทำไมถึงสู้ผู้หญิงอย่างฉันไม่ได้ เมื่อกี้ทำไมไม่รู้จักลงมือสู้กับพวกมันบ้าง?”

หวางเต๋อหัวเราะ

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด และน้ำตา

เขายืนขึ้นช้าๆ

เขามองจางซิ่วจืออย่างสลดใจและสิ้นหวัง หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกสลายไปเป็นเสี่ยงๆ

“พอแล้ว! พอได้แล้ว!”

หวางเต๋อร้องไห้ พลางแผดเสียงสูง “เธอทำลายครอบครัวเราพังหมดแล้ว พังทลายด้วยมือของเธอคนเดียว ลูกสาวแต่งงานมีครอบครัวที่ดี แต่เป็นเพราะเธอที่ลำเอียงหวังแต่จะช่วยเสี่ยวเห้า และเอาแต่ใช้ให้หนันหนันขอเงินเฉินตงตลอด ไม่สนใจไยดีความเป็นตายของแม่เขา ตั้งแต่เล็กยันโตเธอสอนลูกสาวและบีบบังคับแบบนี้มาตลอด ตอนนี้ทุกอย่างมาเอาคืนเธอแล้ว!”

ระหว่างที่แผดเสียง ดวงตาของหวางเต๋อเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

อารมณ์ของเขาเริ่มฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อยๆ

เป็นความดุร้ายที่ยากจะได้เห็น

เพี๊ยะ!

หวางเต๋อยกมือขึ้นตบหน้าจางซิ่วจือเต็มแรง

พละกำลังรุนแรง ทำเอาจางซิ่วจือซวนเซไปด้านหลังจนแทบจะล้มลงกับพื้น หน้าครึ่งซีกของเธอบวมช้ำ

“เธอมันเสียสติ ครอบครัวอยู่กันดีๆ เธอกลับทำลายทุกอย่างจนพัง! ตอนนี้เธอยังจะเอาหน้าที่ไหนมามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก? ทำไมเธอไม่ตายไปให้พ้นๆ สักที?”

จางซิ่วจือไม่เข้าใจอะไรเลย

ที่ผ่านมาหวางเต๋อเชื่อฟังคำสั่งเธอมาตลอด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เธอคิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นได้

ชะงักงันไปหลายวินาที

จางซิ่วจือกลับแผดเสียงแหลมขึ้นมาอีก “แกตบฉันหรอ แกว่าฉันหรอ แถมยังไล่ให้ฉันไปตายอีก? หวางเต๋อ แกยังเป็นผู้ชายอยู่อีกไหม ครอบครัวเป็นแบบนี้แต่แกกลับไล่เมียไปตาย แล้วทำไมแกไม่ไปตายเองล่ะ คนที่สมควรตายคือแก!”

ระหว่างที่ตะโกนด่า ท่าทางของจางซิ่วจือราวกับคนเสียสติ เธอพุ่งเข้าใส่หวางเต๋อแล้วโบกมือเปะปะข่วนหน้าของเขา

สีหน้าของเธอเดือดดาลขบฟันแน่น

“ฉันทนมาพอแล้ว!”

หวางเต๋อผลักจางซิ่วจือออก “เราหย่ากัน!”

ประโยคที่เย็นชา แสดงถึงความสิ้นหวังอย่างถึงขีดสุด

เมื่อพูดจบ หวางเต๋อก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่หยุดฝีเท้า

จางซิ่วจือรู้สึกเลอะเลือน

เธอยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ เหม่อมองหวางเต๋อที่เดินห่างออกไปอย่างไม่ไยดี

“หย่า” คำเดียวสั้นๆ ที่ดังวนเวียนอยู่ในหูของเธอราวเสียงปีศาจ

สีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นความวุ่นวาย หวาดกลัว

หย่าเหรอ?

อยู่กันมาตั้งหลายปีแล้ว จะหย่ากันได้ยังไง?

แต่ด้วยนิสัยชอบข่มเหงของเธอ ก็ยังคงทำให้เธอยกนิ้วชี้หวางเต๋อพลางตะโกนด่า “หวางเต๋อ แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แกคิดจะหย่ากับฉันหรอ ฝันไปเถอะ ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ หย่ากับฉัน แกจะได้ไม่ต้องแบกภาระหนี้หลายแสนใช่ไหม แกอยากให้ฉันแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ไอ้เวร! ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะเอาแกฝังลงหลุมไปด้วยกัน!”

“เห๊อะ…”

พอหวางเต๋อได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเย้ยออกมาด้วยสีหน้าหมองหม่น

เมื่อความเศร้าสลดทำเอาหัวใจตายด้าน ความทรงจำครั้งสุดท้ายถูกแผดเผาไม่เหลือชิ้นดี เรื่องราวทั้งหมดจึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีค่าให้จดจำ

“กลับมาเดี๋ยวนี้ แกไม่ได้ตายดีแน่ กลับมาเดี๋ยวนี้!”

จางซิ่วจือคุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาเอ่อทะลักออกมา เธอกัดริมฝีปากแน่น “ฉันทำอะไรผิด? ถ้าฉันไม่ทำเพื่อครอบครัว แกคิดว่าฉันอยากทำหรือไง ต้องโทษคนเส็งเคร็งปลิ้นปล้อนอย่างเฉินตงสิ! ปากก็บอกว่าแม่ของมันตายแล้ว แล้วสุดท้ายล่ะ?”

ร้องไห้จนถึงที่สุด ดวงตาของจางซิ่วจือพลันเปล่งประกาย

เธอยิ้มขึ้นมาราวคนเสียสติโดนผีสิง

“ใช่แล้ว ยังมีแม่ของมัน! นางแพศยาหลี่หลาน ควรตายแต่ไม่ยอมตาย ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ถึงฉันจะไม่ได้เจอเฉินตง แต่ก็คงจะมีทางเจอนังแพศยาหลี่หลานนั่นได้นี่?”

“ที่ครอบครัวของฉันเป็นแบบนี้เป็นเพราะฝีมือของเฉินตง คนที่นางหลี่หลานสอนมาเองกับมือ รอให้ฉันได้เจอนางหลี่หลานก่อนเถอะ เงินก้อนนี้ก็คงจะเหมาะสมแล้ว!”

จางซิ่วจือคล้ายคว้าหมากตัวสุดท้ายที่จะสามารถช่วยชีวิตตนเอาไว้ได้

อารมณ์ที่เศร้าหมองของเธอกลับมาสดใสอีกครั้ง

เธอเช็ดน้ำตาออกอย่างรุนแรง แล้วมุ่งหน้าเข้าไปในตัวเมือง

เธอรู้ดีว่าเฉินตงกตัญญูต่อหลี่หลานที่สุด ถ้าบีบบังคับเฉินตงไม่ได้ ก็แค่ไปบีบบังคับหลี่หลาน แน่นอนว่าต้องหาเงินได้อย่างแน่นอน!

ยิ่งคิด จางซิ่วจือก็ยิ่งตื่นเต้น

ถึงขั้นทำให้เธอลืมเรื่องที่หวางเต๋อเอาตัวรอดทิ้งเธอไปคนเดียว

ทว่า

ความตื่นเต้นยินดีของเธอ ความหวังที่จะได้หลุดออกจากความสิ้นหวังนี้พลันมลายหายไปตอนดวงอาทิตย์ตกดิน

“ตายแล้ว? นางแพศยานั่น ตายไปได้ไง?”

จางซิ่วจือไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ได้ยินจากโทรศัพท์ ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ

เมื่อเธอกลับเข้าไปในเมือง เธอก็ขอให้เพื่อนเก่าๆ ของเธอช่วยสืบข่าวให้

แต่เนื้อหาของข้อความที่ตอบกลับมากลับทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อ

นางแพศยาหลี่หลานนั่นตายแล้ว แล้วเธอจะเอาอะไรไปบีบบังคับเฉินตงได้?

“เป็นไปไม่ได้ จะต้องมีทางออกแน่”

จางซิ่วจือเดินอย่างหมดสภาพอยู่ข้างถนน ทำให้คนที่ผ่านไปมาต่างคิดว่าเธอเป็นคนบ้า จึงพากันถอยห่าง

ทว่าจางซิ่วจือยังไม่ทันคิดวิธีได้

เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นมา

เมื่อเห็นเบอร์โทรในมือถือ จางซิ่วจือก็แทบจะเสียสติ

“ทวงหนี้! ทวงหนี้หาแม่แกสิ จะให้ฉันแขวนคอตายไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอ?”

จางซิ่วจือขบฟันแน่น แต่จำใจต้องรับสาย

“จางซิ่วจือ ฉันไม่สนใจว่าแกจะทำยังไง ต่อให้ต้องขาย ก็ต้องเอาเงินมาคืนให้ได้ภายในสิบวัน ไม่งั้นฉันจะเอาลูกสาวกับลูกชายแกไปขาย แล้วก็จับแกกับผัวฆ่าทิ้งซะ!”

ปั้ง!

ไม่รอให้จางซิ่วจือตอบกลับ อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้วด้วยความอำมหิต

และเพราะสายที่โทรเข้ามานี้เอง ทำให้สถานการณ์คล้ายดำเนินมาจนถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว

ทันใดนั้นเองประสาทสัมผัสของจางซิ่วจือจึงบีบตัวเขม็งขึ้นมา

เธอไม่สนใจหวางหนันหนัน และไม่สนใจหวางเต๋ออีก

เธอสนใจแต่ความเป็นตายของตัวเอง เพราะเธอกลัวความตาย

แต่เธอสนใจหวางเห้า เพราะนั่นคือลูกของเธอ

“มีวิธี ต้องมีวิธีสิ”

ความหวาดกลัว ความบ้าระห่ำกระจุกตัวขึ้นมา มือทั้งสองข้างของจางซิ่วจือบีบมือถือแน่น เธอเดินวนไปวนมา ปากบ่นพึมพำกับตัวเอง

และตอนนั้นเอง

เธอหยุดฝีเท้าลง ความวุ่นวายในดวงตาของเธอหายไปกลายเป็นความสดใสขึ้นมาแทน

“บีบบังคับคนเป็นไม่ได้ แต่จะบีบบังคับคนตายไม่ได้เชียวเหรอ?”

เมื่อคนเราอยู่ในความจนตรอกไร้หนทาง แม้หนทางจะเสี่ยงแค่ไหนก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปซะทั้งหมด

หรืออาจจะเป็นแค่ความคิดที่คิดขึ้นมาเพียงชั่ววูบ

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

เฉินตงกำลังกินข้าวกับครอบครัวอย่างมีความสุข

นี่เป็นอาหารมื้อแรกหลังจากกลับมาถึงบ้าน ก่อนหน้านี้มีแต่ความมืดมน ถึงเวลาที่จะฉลองแล้ว

แต่ว่า

มือถือของเฉินตงได้รับข้อความข้อความหนึ่ง

บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์พลันหยุดชะงัก

ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเฉินตง และรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่หนาวสะท้านเข้าไปถึงกระดูก

เฉินตงหรี่ตา จ้องเขม็งไปที่มือถือไม่ไหวติง

เนื้อหาในข้อความนั้นง่ายมาก

“เฉินตง นี่จางซิ่วจือ ส่งเงินมาให้ฉันหนึ่งร้อยล้าน ไม่งั้นฉันจะขุดหลุมฝังศพของแม่แก! และเอากระดูกของแม่แกมาโปรยเป็นเถ้าถ่าน!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset