Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – # ตอนที่ 180 พ่อแม่ของฉันไปแล้ว ฉันจะทำอาหารให้คุณกินนะ !

เสี่ยวหม่าไม่ได้ตอบออกไปตรงๆ

แต่กลับยื่นใบเสร็จปึกใหญ่ให้แก่เฉินตงอย่างลึกลับ

“กล้ารับประกันว่าพี่ตงจะต้องตกใจอย่างแน่นอน !”

เฉินตงหยิบใบเสร็จขึ้นมาดู จากนั้นจึงวางกลับลงไปบนโต๊ะด้วยท่าทีเรียบเฉย

จากนั้นจึงหันไปมองเสี่ยวหม่าที่กำลังตื่นเต้นอยู่ด้วยท่าทีที่สงบ : “แล้วอย่างไร ?”

เสี่ยวหม่า : “0? 0”

เสี่ยวหม่าผงะไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจ : “พี่ไม่ตกใจ ? ไม่ตื่นเต้น ? ไม่ดีใจ ?”

“ตื่นเต้น ดีใจ”

เฉินตงพยักหน้าอย่างสงบ

เสี่ยวหม่าหมดคำพูด ที่คือท่าทางตื่นเต้นดีใจของพี่ตง ?

อย่ามาหลอกกันเสียให้ยาก !

จากนั้น เฉินตงก็นั่งพิงลงไปบนเก้าอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “พ่อฉันให้เงินฉันกินขนมครั้งหนึ่งก็เท่านี้”

เปรี้ยง !

เสี่ยวหม่ารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ใบหน้าบูดเบี้ยว ทำตัวไม่ถูก

การอวดรวยอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ยากจะรับได้

ล้วนแล้วแต่มีพ่อเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ ?

เฉินตงโบกมือ : “เสี่ยวหม่า จริงๆแล้วฉันดีใจและตื่นเต้นมาก แต่ในสายตาของฉันตอนนี้ ไท่ติ่งยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ฉันแสดงความตื่นเต้นและดีใจออกมาได้”

“พวกเราขายตึกไปได้เพียงแค่สี่แห่ง หลังจากนี้ยังมีตึกอีกจำนวนมากที่รอการเปิดขายล่วงหน้าในอนาคต โครงการฟื้นฟูภาคตะวันตกของเมือง กินเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองนี้ !”

เสี่ยวหม่าดูเหมือนจะคิดอะไรออก เขาพยักหน้า แววตาเป็นประกาย

“พี่ตง ผมเข้าใจแล้ว ผมดีใจเร็วเกินไป รอให้ภาคตะวันตกของเมืองฟื้นฟูแล้วเสร็จเสียก่อน ถึงจะเป็นเวลาที่เราสามารถจะฉลองได้อย่างแท้จริง”

พูดจบ เขาก็เดินออกไปอย่างภาคภูมิใจ

เฉินตงนั่งพิงเก้าอี้แล้วยิ้มอย่างหดหู่

แค่ภาคตะวันตกของเมือง เพียงพอจริงหรือ ?

ไม่พอแน่นอน !

เขายังมีหนทางที่ต้องเดินอีกไกล

กระดาษคำตอบที่เขาต้องการจะส่ง ไม่ใช่กระดาษคำตอบที่ได้คะแนนเต็ม แต่เป็นกระดาษคำตอบที่จำเป็นจะต้องทำให้ได้คะแนนเต็มเท่านั้น

มีเพียงวิธีนี้ ถึงจะทำให้พวกชนชั้นสูงของตระกูลเฉินยอมก้มหัวได้ ถึงจะทำให้ “ลูกนอกสมรส” ที่ถูกทุกคนรังเกียจอย่างเขา สามารถเดินเข้าตระกูลเฉินได้อย่างสง่างาม และขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของราชาได้

และทวงคืนเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ควรจะเป็นของแม่ กลับคืนให้แก่แม่ได้ !

พวกชนชั้นสูงของตระกูลเฉินไม่ใช่คนโง่

หากบกพร่องเพียงเล็กน้อย ก็จะต้องถูกกำจัดออกไป

เวลาเดียวกันนี้

ภายในคลับสี่ยิ่น

คุณท่านใหญ่หลี่สีหน้าหมองคล้ำ ราวกับราชสีห์ที่กำลังโกรธเกรี้ยว เขากัดฟันกรอด

เขาในตอนนี้ รู้สึกคลื่นไส้ราวกับกินสิ่งปฏิกูลเข้าไป

“นายท่าน เก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้วครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามา

“ไสหัวไป !”

คุณท่านใหญ่หลี่มือไม้สั่น เขาโยนไม้เท้าลงบนพื้น

บอดี้การ์ดตกใจรีบเอามือกุมหัว ในห้องเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว

เมื่อครู่

คนของคลับสี่ยิ่น มาเชิญให้เขาย้ายไปพักที่โรงแรมไท่ซาน

กล่าวว่าที่นั่นเป็นโรงแรมห้าดาว อีกทั้งยังอยู่ในเมือง จึงสะดวกในการทำธุระของเขา

เป็นคำพูดที่ฟังดูไพเราะ แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น มีใครไม่เข้าใจบ้าง ?

ถึงแม้โรงแรมห้าดาวจะมีมาตรฐานสูงก็ตาม

แต่สำหรับเขาแล้ว มันมีความหมายอะไร ? เทียบกับคลับสี่ยิ่นได้อย่างนั้นหรือ ?

นี่เห็นอยู่ชัดๆ ว่า……ต้องการไล่เขาออกไป !

ตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ในฐานะของคุณท่านใหญ่หลี่ที่เป็นถึงเจ้าบ้าน ไม่ว่าจะไปไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตาและให้การต้อนรับ

แต่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ไม่สามารถอยู่ต่อในลานเล็กๆ ในคลับที่หรูหราที่สุดยังไม่พอ ตอนนี้กลับถูกไล่อีกด้วย !

สมควรตายจริงๆ !

“ไป ! ในเมื่อไล่ฉันแล้ว ฉันจะอยู่ต่อให้อับอายทำไม ?”

คุณท่านใหญ่หลี่หายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ถึงแม้จะตัดสินใจแล้ว แต่คำพูดของเขายังคงอัดแน่นไปด้วยความคับแค้นใจ

คนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้เป็นครั้งแรก !

และทั้งหมดนี่ ก็เป็นเพราะเฉินตง

เขารู้ดีว่า ถ้าไม่เพราะเฉินตง ท่านไม่ไม่มีทางกล้าเสียมารยาทเช่นนี้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

คุณท่านใหญ่หลี่เดินขึ้นรถไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

รถเบนซ์สองคันขับออกไป

ในฐานะที่เขาเป็นคุณท่านใหญ่หลี่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก

ข้างๆ ประตูใหญ่ของคลับสี่ยิ่น

ท่านเมิ่งที่กำลังมองดูรถเบนซ์สองคันเคลื่อนตัวออกไป ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “น้องกู้ พอใจแล้วใช่ไหม ?”

“พอใจสิ ในเมื่อลูกเขยของผมไม่ชอบเจ้าแก่นี่ ให้เขาไปเป็นการดีที่สุดแล้ว”

ใบหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า : “ถ้าเขายังจะกล้าทำให้ลูกเขยของผมไม่พอใจอีกล่ะก็ ให้ไล่เขาออกจากเมืองนี้ไปซะ !”

“นายนี่มันอันธพาลจิงๆ”

ท่านเมิ่งยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ : “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่นร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงนะ”

กู้โก๋ฮั๋วยิ้มเยาะ : “พี่คิดว่าผมอยู่ต่างประเทศมาหลายปี แล้วจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ภายในประเทศอย่างนั้นหรือ ?”

กู้โก๋ฮั๋วเงียบไปสักครู่แล้วพูดต่อว่า : “ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง ตอนนี้หลังบ้านลุกเป็นไฟแล้ว”

ท่านเมิ่งยิ้มโดยไม่พูดอะไร

ครู่หนึ่ง ท่านเมิ่งก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า : “แล้วนายจะไปตระกูลเฉินเมื่อไหร่ ?”

“พรุ่งนี้”

ใบหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “ลูกสาวของผมช่วยงานใหญ่ของผมได้สำเร็จ หาลูกเขยอย่างเฉินตงให้ผมได้ ท่านหลงรับประกันกับผมแล้วว่า ตอนนี้ประตูใหญ่ของตระกูลเฉินเปิดรับผมแล้ว เจ้าบ้านจะเป็นคนมาต้อนรับผมด้วยตัวเอง”

“ถ้าเช่นนั้นความใฝ่ในของนายตลอดหลายปีมานี้ ในที่สุดก็เป็นความจริงแล้ว” ท่านเมิ่งกล่าว

“ต้องขอบคุณตงเอ๋อ ไม่อย่างนั้นชาตินี้ความฝันของผมคงไม่อาจเป็นจริงได้” กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกโล่งใจ

หลายปีมานี้ เขาพยายามขอเข้าพบนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งท่านหลงจะเป็นผู้ที่คอยให้การต้อนรับ ถ้าหากทำเช่นนี้ต่อไป ก็คงจะยังเป็นเช่นนี้อยู่

บริษัทชิงหยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของตระกูลเฉินเลยแม้แต่น้อย

ที่วันนี้มีโอกาสเช่นนี้ได้ ก็เป็นเพราะเฉินตง !

กู้โก๋ฮั๋วแสดงออกถึงแววตาที่แน่วแน่ : “การเดิมพันครั้งนี้ ผมพนันว่าตงเอ๋อจะต้องเป็นผู้ชนะ ดังนั้นต่อจากนี้ไปขอให้พี่เมิ่งช่วยดูแลและสนับสนุน ต่อให้ผมต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะต้องปกป้องตงเอ๋อให้ก้าวเข้าไปในตระกูลเฉินให้ได้”

“วางใจเถอะ ฉันจะดูแลให้เอง อย่างน้อยในเมืองนี้ ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา” ท่านเมิ่งยิ้มพลางพยักหน้า

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

กู๋โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงเดินทางออกจากคลับสี่ยิ่น

มีเพียงกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ต่อ แต่ก็ย้ายออกมาจากคลับสี่ยิ่น

ในเมื่อพ่อแม่เดินทางออกไปแล้ว จะให้เธออยู่ที่คลับสี่ยิ่นคนเดียวก็ดูจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่สู้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองจะสะดวกกว่า

แน่นอนว่าเธออยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเฉินตงให้มากขึ้นด้วย

บ่ายวันนั้น กู้ชิงหยิ่งย้ายบ้านจนแล้วเสร็จ

เธอเลือกบ้านใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่

ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งยังเป็นเจ้าของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อยู่ หากพักอยู่ใกล้ๆ กับบริษัท ก็สะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน

เธอรู้สึกคิดถึงเฉินตง แต่เป็นเพราะได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอไม่อาจใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องสนใจอะไรได้

ผู้หญิง ต่อให้ผู้ชายของตนเองจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน อย่างน้อยตนเองก็ควรจะมีงานทำ ถึงจะสามารถเอาตัวรอดได้

เธอไม่ต้องการที่จะเป็นเบี้ยล่างของเฉินตง

หลังจากย้ายบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว

กู้ชิงหยิ่งเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เธอนอนอยู่บนเตียง ยิ้มพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นจึงส่งข้อความไปหาเฉินตง

“คนโง่ พ่อกับแม่ของฉันไปแล้ว ฉันย้ายออกมาจากคลับสี่ยิ่นแล้ว”

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เฉินตงที่กำลังยุ่งอยู่ เมื่อเห็นข้อความของกู้ชิงหยิ่งก็นิ่งไปชั่วขณะ

ยังไม่ทันจะรอให้เขาตอบกลับ กู้ชิงหยิ่งก็ส่งข้อความเข้ามาอีกหนึ่งข้อความ

“คนโง่ คืนนี้มานั่งเล่นที่บ้านฉันสิคะ ฉันอยากทำอาหารให้คุณทาน”

เฉินตงยิ้มออกมา

ดวงตาของเขาเหมือนมีประกายไฟค่อยๆ ลุกโชนขึ้น

เขานึกไปถึงคำพูดที่เขาพูดหยอกล้อกับกู้ชิงหยิ่งในคลับสี่ยิ่น

เป็นจริง……เร็วขนาดนี้เลยหรือ ?

แต่นี้มันจะดูไม่ดีหรือเปล่านะ ?

ถึงแม้จะขอแต่งงานแล้ว แต่อย่างไรเสียก็ยังไม่ได้แต่งงาน

อีกทั้ง พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งเองก็เพิ่งจะเดินทางออกไปได้ไม่นาน แล้วจู่ๆ หมาป่าตัวใหญ่ก็จะมาเขมือบลูกกระต่ายน้อยทันทีเช่นนี้ รู้สึกว่าจะใจร้ายไปเสียหน่อย

เขาสูดหายใจเข้า

จากนั้นเฉินตงจึงหุบยิ้ม

แล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับกู้ชิงหยิ่งไปอย่างจริงจังและเคร่งขรึม

“ได้ !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset