เสียงปืนดังขึ้น
ดูเหมือนเวลาจะเดินช้าลง
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นในหัวของหวางหนันหนัน ร่างกายที่ดูบอบบางไร้เรี่ยวแรง กลับฟื้นคืนพละกำลังขึ้นมา เธอลุกขึ้นและหันหลังกลับในทันที
เลือดสีแดงสดกระเซ็นใส่ใบหน้าของเธอ
หวางหนันหนันยืนนิ่งไปทันที
ภาพที่เห็นคือ ใบหน้าของจางซิ่วจือที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว โกศที่ถืออยู่หลุดออกจากมือ ส่วนร่างกายของเธอก็ล้มลงไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ตรงหว่างคิ้วมีจุดสีแดงฉานราวกับดอกบ๊วย
“คุนหลุน!”
ในขณะนั้นเอง เสียงตะโกนดังลั่นของท่านหลงก็ดังขึ้นมา
คุนหลุนที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น พุ่งตัวออกไปราวกับลูกศร เขาพลิกตัวในอากาศ และรับโกศของหลี่หลานเข้ามาไว้ในอ้อมกอด และกระแทกตัวลงบนพื้นอย่างหนัก
แรงกระแทกเกือบทำให้คุนหลุนหมดสติไป เขายังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หันกลับมาพูดว่า “คุณชาย ไม่เป็นไรครับ!”
เฉินตงพยักหน้า “ฝังแม่ของฉันใหม่อีกครั้ง”
ขณะที่พูด เขาโน้มตัวลงไปหยิบถุงใบใหญ่ที่พื้น แล้วค่อยๆ เดินไปยังหลุมฝังศพของหลี่หลาน
ขณะที่เดินผ่านร่างของจางซิ่วจือ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองสักนิด ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท่านหลงรีบเดินนำไปด้านหน้า
ส่วนหลินหลิ่งตงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาจุดบุหรี่ขึ้นสองมวน แล้วยื่นให้อู๋จุนหาวหนึ่งมวน
“นายยังลงมือไม่เร็วพอ! หากเร็วกว่านี้สักหน่อย ไม่แน่ว่าฉันคงไม่ต้องเกลียดผู้หญิงคนนี้แล้ว”
คำพูดนี้ ดูเหมือนกำลังกล่าวโทษ แต่อีกด้านก็เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริง ที่มีต่อหวางหนันหนันในตอนนี้
“ขอโทษด้วยครับเจ้านาย” อู๋จุนหาวก้มหน้าแล้วกล่าวขอโทษ
และในเวลานี้
หวางหนันหนันที่กำลังอยู่ในอาการตกใจ ก็ตั้งสติกลับมาได้อีกครั้ง
“แม่……”
เธอดูราวกับคนเสียสติ วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหาจางซิ่วจือ
จางซิ่วจือสิ้นลมหายใจไปนานแล้ว ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ทำให้นอนตายตาไม่หลับ
หวางหนันหนันรู้สึกปวดใจราวกับถูกมีดกรีด เธอกอดร่างของจางซิ่วจือเอาไว้ แล้วร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ
“ทำไมแม่ถึงได้โง่อย่างนี้ ทำไมแม่ถึงไม่ฟังที่หนูเตือน หนูอยากที่จะช่วยแม่ หนูเป็นลูกสาวของแม่ หนูจะไม่ช่วยแม่ได้อย่างไร?”
เสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าดังก้องกังวานไปทั่วผืนป่าและเขา
แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจ
แม้แต่หลินหลิ่งตงเองก็ยืนสูบบุหรี่นิ่ง
เฉินตงจุดธูปและเผากระดาษเงินกระดาษทองที่หน้าหลุมศพของหลี่หลาน พยายามข่มน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา แล้วค่อยๆ รับโกศในมือของคุนหลุนมาอย่างทะนุถนอม
มองดูโกศที่ได้รับความเสียหาย ก็นึกถึงภาพที่จางซิ่วจือโปรยเถ้ากระดูก
เฉินตงรู้สึกปวดใจราวกับถูกมีดกรีด ถึงแม้จะพยายามข่มอารมณ์เอาไว้อย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถระงับน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาได้
ริมฝีปากสั่นเทา ส่งเสียงแหบพร่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา “เป็นเพราะลูกอกตัญญู เป็นเพราะลูกอกตัญญู ที่ปล่อยให้สัตว์ร้ายมารบกวนการนอนหลับอย่างสงบของแม่”
เฉินตงค่อยๆ ฝังโกศของหลี่หลานกลับลงไปในหลุมอย่างระมัดระวัง เขานั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างแล้วใช้มือทั้งสองค่อยๆ โกยดินกลบลงไปในหลุม
น้ำตายังคงไหลรินออกมาจากดวงตาที่แดงก่ำ
ต่อให้มือทั้งสองข้างจะถูกเศษกรวดในหลุมศพบาดเข้าจนเลือดออก ก็ยังไม่ยอมหยุด
ความโกรธแค้นและเจตนาฆ่าที่รุนแรงก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดอย่างมหันต์
ในฐานะที่เป็นลูก ไม่สามารถทำให้แม่จากไปอย่างสงบได้ ถือเป็นการอกตัญญู
ในฐานะที่เป็นลูก ไม่สามารถทำให้แม่นอนตายตาหลับได้ ยิ่งเป็นความผิดอันใหญ่หลวง และเป็นการอกตัญญูอย่างยิ่ง
“คุณชาย ผมช่วยครับ”
คุนหลุนแสดงสีหน้าสะเทือนใจออกมา เขาคุกเข่าลงที่หลุมศพ และกำลังจะโกยดินขึ้นมา
“หยุด!”
เฉินตงจ้องมองไปที่คุนหลุนด้วยแววตาที่ดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า แล้วตะคอกเสียงดังว่า “นี่คือแม่ของฉัน ฉันจะทำเอง!”
คุนหลุนตกใจ และรีบถอยกลับไปอยู่ตรงหน้าหลุมศพ แล้วช่วยท่านหลงเผากระดาษเงินกระดาษทอง
หลุมศพเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยมือทั้งสองข้างที่เปื้อนไปด้วยเลือดและโคลนของเฉินตง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
เฉินตงก็เดินไปหน้าหลุมศพทั้งน้ำตา ไม่สนใจการขัดขวางของท่านหลงและคุนหลุน ใช้มือทั้งสองข้างที่เปื้อนไปด้วยเลือด วางโกศกลับลงไปใหม่อีกครั้งด้วยตัวเอง
เหลือไว้เพียงรอยประทับของฝ่ามือที่เปื้อนเลือดอยู่บนหลุมศพ
เฉินตงคุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพ มองดูรูปภาพที่พร่ามัวตรงป้ายหลุมศพ แล้วร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเสียง
ราวกับว่ามีก้อนหินมากมายทับอยู่เต็มอก จนรู้สึกหนักอึ้ง แทบจะหายใจไม่ออก
น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดราวกับสายน้ำไหล
ผู้ชายมักร้องไห้ออกมาในช่วงเวลาที่เจ็บปวดจริงๆ เท่านั้น
ภาพนี้ แม้แต่หลินหลิ่งตงและอู๋จุนหาวที่อยู่ออกไปไม่ไกล ต่างก็รู้สึกผิดและเห็นอกเห็นใจ
ในฐานะที่เป็นมนุษย์ และในฐานะที่เป็นผู้ชาย ใครจะไปทนเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้?
อีกอย่าง เรื่องทั้งหมดนี้ เป็นเพราะ……ผู้หญิงเสียสติคนเดียว!
น่าแค้นใจ!
น่ารังเกียจ!
“แม่……แม่……”
หวานหนันหนันกอดศพของจางซิ่วจือด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาไหลรินลงมาเป็นสายไม่หยุด
เสียงค่อยๆ แผ่วลง เธอค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วลูบลงบนใบหน้าของจางซิ่วจือ เพื่อให้ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท
ทันใดนั้น เธอทรุดลงไปกับพื้น พยายามเอื้อมมือออกไปคว้าถุงใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ที่วางอยู่ตรงหน้าเฉินตงมา
ตุบ!
เฉินตงยกมือขึ้น แล้วปัดมือเธอออกไปอย่างแรง
หวางหนันหนันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และกล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตาว่า “พวกคุณฆ่าแม่ของฉันแล้ว ฉันแค่จะเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เธอสักสองสามยังทำไม่ได้เลยหรือ?”
“คู่ควรหรือ?”
เฉินตงตอบกลับอย่างไม่แยแส
ราวกับมีมือขนาดใหญ่ มากดหวางหนันหนันให้จมดิ่งลงไปสู่นรก
ในขณะที่เธอกำลังจ้องมองด้วยน้ำตา เฉินตงโยนถุงใบใหญ่ทั้งใบ เข้าไปในกองไฟที่กำลังเผาไหม้กระดาษเงินกระดาษทองอยู่อย่างไม่แยแส เปลวไฟยิ่งลุกโชนขึ้นทันที
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินตงก็หันไปคำนับป้ายหลุมศพของหลี่หลานสามครั้ง
จากนั้นจึงลุกขึ้นทันที
และเดินจากไป
“เฉินตง……”
หวางหนันหนันตะโกนเรียกเฉินตงเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่าง
แต่เฉินตงกลับเดินต่อไป และพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เธอควรจะขอบใจที่ฉันใจกว้าง ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองก็สมควรตายด้วยเช่นกัน!”
น้ำเสียงอำมหิต ทำให้หวางหนันหนันรู้สึกราวกับตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งทันที เธอรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว และสิ่งที่ต้องการจะพูดออกมาก็หยุดชะงักลงทันที
เฉินตงพาท่านหลงและคุนหลุนที่กำลังอยู่ในอาการโศกเศร้าเดินจากไป
ต่อให้เดินผ่านหลินหลิ่งตงไป ก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเลยสักนิด
ความเย็นชาอย่างถึงที่สุดนี้ ทำให้หลินหลิ่งตงและอู๋จุนหาวต่างรู้สึกตกตะลึง
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนลงมา
ลมที่พัดท่ามกลางหุบเขาในยามค่ำคืน ตอนนี้ยิ่งพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ
ก้อนเมฆที่จับตัวอยู่หนาแน่น ในที่สุดตอนนี้ก็ตกลงมาเป็นสายฝน
ฝนค่อยๆ โปรยปรายลงมาจากเมฆดำหนาทึบที่ปกคลุมอยู่
ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
ซู่ ซู่ ซู่……
สายฝนที่เทกระหน่ำลงมา ทำให้เกิดเป็นเมฆหมอกหนาลอยอยู่ระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน
หลินหลิ่งตงโยนก้นบุหรี่ที่อยู่ในมือลงบนพื้น แล้วหันหลังกลับอย่างเฉยเมย “จุนหาว ไปกันเถอะ”
หวางหนันหนันตัวสั่นและรู้สึกตกใจทันที
“หลิ่งตง คุณต้องช่วยฉันนะ! ต้องช่วยฉันฝังศพแม่ด้วย!”
เป็นคำพูดที่แทบจะวิงวอน
ทว่า
“เธอคู่ควรหรือ?” หลินหลิ่งตงตอบกลับอย่างไม่ไยดี
เมื่อเข้าไปถึงหูของหวางหนันหนัน เป็นเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า
ใบหน้าของเธอบูดเบี้ยว และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หลิ่งตง คุณ คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“จบกันเถอะ”
หลินหลิ่งตงเงยหน้าขึ้นเผชิญกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เขายกมือขวาขึ้นมาปาดน้ำฝนที่เปียกปอนอยู่บนใบหน้า แล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่ “ผม หลินหลิ่งตง ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี คนอย่างผม ไม่คู่ควรกับคุณหรอก ขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้จักคุณใหม่อีกครั้ง”
คำพูดเสียดแทงเชือดเฉือน
ทำให้หวางหนันหนันอึ้งไป
มองดูคนทั้งสองเดินจากไป ตอนนี้ในสมองนั้นว่างเปล่า
เสียงฟ้าร้องและสายฝนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ฝนตกกระหน่ำลงมาจนเปียกปอนไปทั่วร่างของเธอ เธอนั่งนิ่งอยู่กับพื้นราวกับรูปปั้น
หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!
หวางหนันหนันใช้มือทั้งสองข้างกอดศพของจางซิ่วจือเอาไว้ ตอนนี้เธอค่อยๆ ทรุดตัวลงไปอย่างเงียบๆ
“ฮือ!”
จู่ๆ เธอก็แหงนหน้าขึ้น เผชิญหน้ากับสายฝนที่ตกลงมา แล้วส่งเสียงร้องที่บีบหัวใจออกมา……