Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 411 ผู้มีอำนาจสูงส่ง

เสียงหัวเราะอย่าดูถูก ดังก้องไปทั่วห้องนั่งเล่น

ใบหน้าของเย่หยวนชิวยังคงเป็นปกติ

แต่ใบหน้าของเย่หลิงหลงกลับแดงก่ำและพูดอะไรไม่ออก

เธอ ไม่เคยเห็นใครที่กล้าเสียมารยาทกับคุณปู่เช่นนี้มาก่อนเลย!

แม้กระทั่งเจ้าบ้านของตระกูลมั่งคั่งที่ประวัติยาวนานมาเป็นร้อยปีในต่างประเทศเหล่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับคุณปู่ยังต้องให้ความเคารพ!

แต่วันนี้เมื่อกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอน กลับถูกคนหนึ่งของเมืองเล็กๆ แห่งนี้เรียกขานว่าเป็น……ชายชราข้างถนน?

“หลิงหลง ถอยไป!”

เย่หยวนชิวเอ่ยปากขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดของห้องนั่งเล่น “คุณเฉินพูดมีเหตุผล”

เย่หลิงหลงหันมองคุณปู่ด้วยท่าทีเหลือเชื่อ

วันนี้คุณปู่……ใจดีเกินไปหรือเปล่า?

นี่ยังถือว่ามีเหตุผลอีกหรือ?

แต่เมื่อเห็นสายตาของเย่หยวนชิว เย่หลิงหลงก็ไม่กล้าโต้เถียงอีก จึงจำใจหันหลังเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

ภายในห้องนั่งเล่น เหลือเพียงแค่เฉินตงและเย่หยวนชิวสองคน

เฉินตงพูดว่า “คุณเย่พูดมาตรงๆ เถอะ หากยื้อเวลาต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าผมคงจะหมดความอดทน ผมยังต้องกลับบ้านไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนภรรยาอีกนะ”

“ได้ได้ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็จะไม่อ้อมค้อม”

เย่หยวนชิวพยักหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงแล้วที่ผมมาครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะเชิญคุณเฉินเข้าร่วมหงหุ้ย”

เข้าร่วมหงหุ้ย?

เฉินตงนั่งนิ่ง

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเย่ถูกเล่นงานในครั้งนี้ เขาคงไม่มีทางรู้จักหงหุ้ย

เขาซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับหงหุ้ยเลย แต่จู่ๆ ผู้อาวุโสรุ่นจู่เหลาของหงหุ้ยกลับมาเชื้อเชิญเขา ให้เข้าร่วมหงหุ้ยด้วยตัวเอง

นี่มัน……เรื่องล้อเล่นหรือเปล่า?

เย่หยนชิวเห็นเฉินตงนั่งนิ่งไป ก็หัวเราะร่าออกมา ราวกับคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จากนั้นจึงพูดต่อว่า

“ผมรู้ดีว่าคุณเฉินคงรู้สึกสงสัยในใจ คงกำลังสงสัยว่าตนเองนั้นไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับหงหุ้ยมาก่อน ทำไมจู่ๆ หงหุ้ยเชื้อเชิญคุณเฉินให้ไปเข้าร่วม?”

เฉินตงตั้งสติกลับมาได้ จึงพยักหน้า

“สิ่งที่เป็นความลับ ผมก็ไม่สะดวกที่จะพูดมากนัก แต่นี่ถือเป็นเจตนารมณ์ของหลงโถวหงหุ้ย”

เย่หยวนชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเขาดูใจดีและมีเมตตา ทำให้รู้สึกเข้าถึงง่าย

แต่เฉินตงได้ฟังรากฐานของหงหุ้ยมาจากปากของท่านหลงเพียงไม่กี่คำเท่านั้น

ถ้าหากมองว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้านั้น เป็นคนที่เข้าถึงง่ายแล้วล่ะก็ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี

“ขอแค่คุณเฉินพยักหน้า หงหุ้ยจะไม่มีวันละเลยคุณเฉินเด็ดขาด ผมพอจะรู้ถึงฐานะและภูมิหลังของคุณเฉินมาบ้าง ในฐานะที่เป็นลูกชายของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน หากเข้าร่วมในหงหุ้ย และต้องอยู่ในรุ่นที่ไม่สูงนัก อาจถือเป็นการดูหมิ่นคุณเฉิน”

เย่หยวนชิวพูดอย่างฉะฉาน เมื่อพูดถึงตอนนี้ เขาก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้นผมและหลงโถวได้ปรึกษากันแล้ว ถ้าหากคุณเฉินรับปากจะเข้าร่วมหงหุ้ย คุณเฉินจะถูกจัดอันดับอยู่ในรุ่น “หยวน” เช่นเดียวกันกับผม และอยู่เหนือหลงโถว”

เปรี้ยง

เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

รุ่นหยวน!

จากที่เย่หลิงหลงพูดมาเมื่อครู่นี้ นี่ถือเป็นรุ่นที่ได้รับความเคารพอย่าสูงสุดในหงหุ้ย!

เป็นรุ่นที่อยู่เหนือหลงโถวของหงหุ้ย อยู่ในรุ่นเดียวกับเย่หยวนชิว นี่คือผู้มีอำนาจสูงส่งชัดๆ!

ต่อให้เป็นเฉินตง ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ในใจ

เย่หยวนชิวเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน และรู้สึกเกิดความมั่นใจขึ้นเต็มเปี่ยม

ข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ อย่าว่าแต่คนรุ่นหลังคนหนึ่งของตระกูลเฉินเลย

แม้กระทั่งทั่วโลก ก็ไม่อาจมีใครต้านทานได้

ในฐานะที่เป็นคนรุ่นจู่เหลาของหงหุ้ย เขารู้ดีว่า รุ่นของตนเองนั้น น่ากลัวเพียงใด

หลงโถวของหงหุ้ยผลัดเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่น แต่เขานั้นยังคงนั่งอยู่ในฐานะเดิมอย่างมั่นคง แต่คอยรับความเคารพจากหลงโถวรุ่นหลังอยู่ตลอดเวลา

รุ่น “หยวน” ในหงหุ้ยนั้น ต่อให้เป็นคำสั่งของหลงโถว หากไม่เต็มใจทำ ก็สามารถโต้เถียงได้ตามอำเภอใจ!

เย่หยวนชิวรีบพูดต่อว่า “หากคุณเฉินยอมเข้าร่วม ก็จะถือจู่เหลาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของหงหุ้ย!”

ทว่า

“ข้อแลกเปลี่ยนล่ะ?” จู่ๆ เฉินตงก็เลิกคิ้วถาม

เย่หยวนชิวผงะไป แววตาเผยความตกตะลึงที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้ออกมา

สงบสติอารมณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจแบบไหนกัน?

ตอนนี้ เขาและเฉินตง ได้แลกเปลี่ยนความตกตะลึงและความสงบเมื่อครู่กันแล้ว

ใบหน้าของเฉินตง ไม่มีความตกตะลึงเมื่อครู่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว เหลืออยู่เพียงแค่ความสงบนิ่งที่ยากจะอธิบาย แววตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นก็สงบลงเช่นกัน

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร?” เย่หยวนชิวตื่นตระหนกเล็กน้อย

“ยื่นสิทธิพิเศษให้ผมมากมายเช่นนี้ จะให้ผมขึ้นเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงส่ง คงจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสินะ?”

เฉินตงยักไหล่ แล้วนั่งพิงลงไปบนโซฟา “แม่ของผมสอนผมตั้งแต่ยังเด็ก ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ ลงทุนไปเท่าไหร่ ก็จะได้รับกลับมาเท่านั้น จู่เหลารุ่นหยวน ค่าตอบแทนที่หงหุ้ยของพวกคุณต้องการจะให้ผมจ่าย เกรงว่าคงจะสูงเสียดฟ้าสินะ?”

ให้ฐานะรุ่นหยวน เป็นการเชิญผู้อาวุโสท่านหนึ่งในหงหุ้ยอย่างไม่ต้องสงสัย

ค่าตอบแทนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากไม่มีข้อแลกเปลี่ยน เฉินตงก็ไม่อาจเชื่อได้เลยว่าหงหุ้ยจะมีอายุยืนยาวมากว่าสองร้อยปี

แววตาที่เย่หยวนชิวมองเฉินตงเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์

มีทั้งความตกตะลึง มีทั้งความยินดี มีทั้งความชื่นชม……ไม่ใช่สีหน้าที่ใจดีมีเมตตาอย่างเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ภาพนี้ ถ้าหากให้เย่หลิงหลงที่ออกไปแล้วมาเห็นเข้า คงจะทำให้เย่หลิงหลงต้องตกตะลึงจนอุทานออกมาแน่นอน

ในหงหุ้ย เย่ชิวไม่เคยปรากฏสีหน้าเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว!

ส่วนเฉินตงเอง เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเย่หยวนชิวที่เปลี่ยนไป ก็รู้สึกมั่นใจขึ้น

เย่หยวนชิวก่อนหน้านี้ สวมหน้ากากเข้าหาเขาจนทำให้เขารู้สึกลังเล

ทว่าตอนนี้ เขาเริ่มเห็นเล็กน้อยแล้ว!

พักใหญ่

ในที่สุดเย่หยวนชิวก็กลับมาเป็นปกติ เขายิ้มเล็กน้อย “ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน!”

“คุณคิดว่าผมโง่หรือ?” เฉินตงหลุดขำออกมา “หากหงหุ้ยของพวกคุณโง่เขลาจริง จะสามารถรุ่งเรืองมาได้ยาวนานกว่าสองร้อยปีได้อย่างไร”

พูดจบ

เฉินตงก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอก “ขออภัยด้วย นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมต้องกลับบ้านไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนภรรยาแล้ว”

“รอก่อน คุณเฉิน!”

เย่หยวนชิวตกตะลึง เขารีบลุกขึ้น แล้วเรียกเฉินตงไว้

“หากคุณเฉินจากไปเช่นนี้ คุณจะต้องเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน!”

“เสียใจเรื่องอะไร?” เฉินตงพูดออกมาอย่างเย็นชา โดยไม่หันกลับไปมอง

เย่หยวนชิวยิ้มเล็กน้อย “เข้าร่วมหงหุ้ย ได้เป็นผู้มีอำนาจสูงส่งโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน แต่ถ้าหากคุณไม่เข้าร่วม ก็คงจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแล้ว”

“บริษัทการเงินหรือ?”

เฉินตงหันไปมองเย่หยวนชิวด้วยใบหน้าเย็นชา ตอนนี้แววตาของเขาเฉียบแหลมราวกับเหยี่ยว

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาข้องเกี่ยวกับหงหุ้ยก็คือ บริษัททางการเงินของฉินเย่

สิ่งที่เรียกว่าค่าตอบแทน……คงไม่ยากเกินคาดเดา!

เย่หยวนชิวยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผมใช้ชีวิตที่ผ่านมาโดยเปล่าประโยชน์ โชคดีที่ได้รับความเมตตาจากสวรรค์ ให้เขาได้ใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ ขอบคุณคุณเฉิน ที่ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงแสงสว่างก่อนที่ผมจะตายไป”

“แต่ก็อยากจะให้คุณเฉินเชื่อมั่นในความสามารถของหงหุ้ยเรา ถ้าหากเราต้องการโจมตีจริงๆ ทรัพย์สินมูลค่าหมื่นล้าน หงหุ้ยของเราสามารถกลืนเข้าไปได้อย่างง่ายดายในคราวเดียว”

นี่ถือเป็นทั้งคำชม และการข่มขู่

ใช้ทั้งไม่อ่อนและไม้แข็ง

แต่กลับทำให้เฉินตงเริ่มตกอยู่ในความลังเล

เขาไม่สงสัยเลยว่าหงหุ้ยจะสามารถกลืนกินทรัพย์สินนับหมื่นล้านของฉินเย่ได้หรือไม่

หากเป็นก่อนหน้านี้ มาหอำนาจทั้งห้าเข้าโจมตีฉินเย่โดยพร้อมเพรียงกัน เขายังเชื่อว่าฉินเย่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้

แต่ตอนนี้ เย่หยวนชิวพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ถ้าหากหงหุ้ยโจมตีฉินเย่อย่างสุดความสามารถ ถึงตอนนี้ท้องฟ้าคงจะถล่มลงมาจริงๆ

นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการถูกตัดสินประหารชีวิตกับการช่วยชีวิตตัวเอง!

และคำพูดของเยาหยวนชิวนั้น แสดงให้เห็นแล้วว่า กำลัง “ตัดสินโทษประหาร” ให้กับฉินเย่

หากรับปากเข้าร่วมหงหุ้ย ทุกอย่างก็จะสงบสุข ถึงขั้นที่ว่าฉินเย่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ทุกอย่างได้ด้วยดี

แต่ถ้าหากไม่รับปาก ดาบของหงหุ้ย ก็จะฟันลงที่คอของฉินเย่ทันที

“คุณเฉิน ด้านหนึ่งคือฐานะที่มีอำนาจสูงส่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งการยอมตัดแขนเพื่อมีชีวิตรอด ด้วยสติปัญญาที่คุณมี คงเลือกได้ไม่ยากหรอกใช่ไหม?”

เย่หยวนชิวหันหมองเฉินตง เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ในขณะที่พูด แววตาที่เป็นประกายของเขาก็ค่อยๆ ดุดันขึ้นมา

ทำให้เฉินตงรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset