Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 420 พลิกจากผู้แพ้เป็นผู้ชนะ

เวลาบ่ายโมง

เวลาที่ตลาดเปิดทำการ

หลังจากฉินเย่ออกคำสั่ง บริษัทชิงหยิ่งก็เข้าสู่ตลาด

วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ทันที

เฉินตงนั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วมองดูทัศนียภาพด้านนอกอย่างเงียบๆ ด้วยความสบายใจ

จู่ๆท้องฟ้าสว่างไสวก็มีเมฆหมอกเข้ามาปกคลุมโดยไม่ทันรู้ตัว

เฉินตงลูบจมูก แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ตลาดหุ้นตอนนี้คงถูกฉินเย่รบกวนจนทำให้มีสภาพเหมือนอากาศในตอนนี้ พายุกำลังมาแล้วสินะ?”

ตระกูลเฉิน

เฉินเทียนเซิงใบหน้าเขียวคล้ำ สีหน้าดุร้ายราวกับงูพิษ จ้องเขม็งไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

เฉินเทียนหย่างกัดฟัน สีหน้าของเขาหมองหม่น เส้นเลือดบนหลังมือของเขาปูดโปนออกมา

ส่วนเฉินหยู่เฟยนั้น กลับทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหดหู่ บนใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ ปรากฏรอยยิ้มที่ดูโศกเศร้าออกมา

สถานการณ์ของตลาดหุ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

ดูเหมือนกับมีดคม ที่ค่อยๆ เชือดเฉือนลงมาบนตัวของทั้งสามคนอย่างต่อเนื่อง

เหมือนกับที่เฉินเทียนเซิงพูดเอาไว้ไม่มีผิด ถอนตัวไม่ทันแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อบริษัทชิงหยิ่งเข้าตลาด ก็ยิ่งเหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง เท่ากับเป็นการรุมฆ่าเงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาจากทุกทิศทาง

ใครจะไปคาดคิดว่า แผนการที่พวกเขาคิดขึ้นเพื่อเล่นงานเฉินตงและฉินเย่ สุดท้ายกลับย้อนมาทำร้ายตัวเอง?

ความอับอาย โกรธแค้น ไม่เต็มใจ ตกตะลึง และความรู้สึกอีกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ทั้งสามคน

ตอนนี้ อุณหภูมิในห้องดูเหมือนลดต่ำลงอย่างมาก

เงิน สำหรับพวกของเฉินเทียนเซิงทั้งสามคนแล้ว ไม่มีความสำคัญอะไร เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกพ่ายแพ้ก็คือ ต้องสูญเสียทั้งทุนทั้งกำไร อีกทั้งยังทำให้เฉินตงได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้อีกด้วย

จากโจมตีเฉินตง กลับแปลเปลี่ยนเป็นการปล้นเงินของตัวเองไปให้เฉินตงเสียแล้ว!

ทั้งสามคนเคยพ่ายแพ้อยู่ในเงื้อมมือของเฉินตงมาก่อน

ด้วยความแค้นเหล่านี้ จึงทำให้ผู้สืบทอดมรดกทั้งสามร่วมมือกัน

แต่ตอนนี้ หลังจากร่วมมือกันแล้ว ก็ยังคงพ่ายแพ้อยู่เช่นเดิม!

“ฉันไม่เต็มใจ ฉันไม่เต็มใจ พวกเราล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิของตระกูลเฉินทั้งนั้น ทำไมถึงพ่ายแพ้ให้กับลูกสวะนั่นได้?”

เฉินเทียนหย่างกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ ดูราวกับคนเสียสติ “หรือพวกเราจะเพิ่มทุนเข้าไปอีก? เพิ่มเข้าไปอีกสักสองสามพันล้าน จะต้องพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน!”

เผียะ!

เฉินเทียนเซิงตบหน้าเฉินเทียนหย่างอย่างแรง

“แก แกมันโง่ถึงขั้นนี้เลยหรือ?”

ทำเสียงเยือกเย็น จนทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุก

เฉินเทียนหย่างถูกตบจนนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงระเบิดความโกรธออกมา “เฉินเทียนเซิง นายเป็นพี่ใหญ่ของฉัน แต่ก็ใช่ว่าจะตบฉันได้ตามอำเภอใจแบบนี้นะ? แผนการนายก็เป็นคนคิดออกมา แล้วตอนนี้เป็นยังไง ลากฉันกับเฉินหยู่เฟยมาขายหน้าด้วย และยังจะมองของขวัญให้เฉินตงอีก? ความแค้นในครั้งนี้ นายจะให้ฉันทนได้อย่างไร?”

ความโกรธแค้นคุกรุ่นอย่ารุนแรง

เฉินหยู่เฟยทรุดตัวอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีโศกเศร้า และไม่ได้ห้ามปราม

เฉินเทียนเซิงค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วดันแว่นบนดั้งจมูกขึ้น และหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “คนโง่เขลาอย่างนาย หากฉันคิดจะฆ่านายแล้วล่ะก็ ยังมีวิธีอีกนับหมื่น!”

“นายกล้าเหรอ!”

อารมณ์โกรธของเฉินเทียนหย่างพลุ่งพล่าน ตอนนี้ความโกรธพลุ่งพล่านเพราะความอับอาย บวกกับที่ถูกเฉินเทียนเซิงตบหน้า ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“มีอะไรที่ฉันไม่กล้า?”

เฉินเทียนเซิงยิ้มเยาะออกมา “ต่อให้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน หากกล้ายั่วโมโหฉัน ฉันก็ฆ่าได้ไม่เว้นเหมือนกัน”

คำพูดประโยคเดียว ทำให้หัวใจของเฉินเทียนหย่างเต้นอย่างรุนแรง

ขณะที่จ้องตากับเฉินเทียนเซิง ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวราวกับถูกงูพิษจับจ้องอยู่

ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย ในที่สุดเฉินเทียนหย่างก็ระงับสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้ และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหดหู่

เฉินเทียนเซิงหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“แพ้แล้ว ก็คือแพ้แล้ว! เงินไม่กี่พันล้าน สำหรับพวกเราแล้วไม่เห็นจะมีความหมายอะไร ขอแค่ยังไม่ครบกำหนดหนึ่งปี พวกเราก็ยังมีโอกาสที่จะฆ่าเฉินตงได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน!”

ตุ้บ!

หลังจากพูดจบ

จู่ๆ เฉินเทียนเซิงก็ใช้หมัดต่อยเข้าที่หน้าจอคอมพิวเตอร์จนแตก

……

เวลาห้าโมงเย็น

เฉินตงได้รับโทรศัพท์จากฉินเย่อย่างตรงเวลา

ทันทีที่รับโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงที่มีความสุขของฉินเย่ดังออกมา

เฉินตงไม่ได้พูดขัด และไม่ได้เร่งรัด ทำเพียงแค่ฟังอย่างอดทน

เขารู้ดีว่า ความกดดันของฉินเย่ในช่วงนี้ ไม่น้อยไปกว่าเขา

ถูกมหาอำนาจทั้งห้าร่วมมือกันโจมตี หากเป็นคนธรรมดา คงจะถอดใจไปนานแล้ว

ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมสงบลง ฉินเย่มีความสุขมากขนาดนี้ ก็เป็นผลพวงมาจากอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้

“พี่ตง ชนะแล้ว ครั้งนี้พวกเราชนะอย่างหมดจนจริงๆ!”

หลังจากกินเวลามากว่าครึ่งนาที ในที่สุดฉินเย่ก็กลั้นความรู้สึกยินดีเอาไว้ได้ และพูดออกมาเสียงดัง

เฉินตงเลิกคิ้ว “นายยังคิดที่จะมีลับลมคมในกับฉันอีกไหม?”

“สามพันล้าน! พวกเราทำเงินได้ทั้งหมดสามพันล้าน!”

ฉินเย่พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

มาขนาดนี้เลยหรือ?

เฉินตงรู้สึกยินดี

แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงแค่ส่วนของบริษัทฉินเย่บริษัทเดียวเท่านั้น ยังมีหงหุ้ย จุนหลิน กรุ๊ป และบริษัทชิงหยิ่งอีก!

ทั้งสี่บริษัทร่วมมือกันโจมตีบริษัทเงินทุนสองบริษัท ถ้าหากนำกำไรทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกันแล้วล่ะก็……

ขณะที่กำลังครุ่นคิด

ปลายสาย ฉินเย่ก็พูดขึ้นมาว่า “ครั้งนี้พวกเราพลิกจากผู้แพ้เป็นผู้ชนะ ถ้าหากรวมกำไรทั้งหมดแล้วล่ะก็ เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวา รวมไปถึงRothschild ขาดทุนรวมกันเป็นเงินกว่าหมื่นล้าน!”

เปรี้ยง!

เฉินตงรู้สึกตกตะลึงทันที

หมื่นล้าน ภายในวันเดียว!

บริษัทการเงินของตระกูลฉิน ที่ฉินเย่ดูแลอยู่ในขณะนี้ ก็มีทรัพย์สินมูลค่าพันล้านไม่ใช่หรือ?

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เวลาเพียงวันเดียว เปรียบได้กับต้องสูญเสียธุรกิจหลักของตระกูลมั่งคั่งที่ร่ำรวยที่สุดไปหนึ่งธุรกิจ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า……พี่ตง ดูเหมือนว่าครั้งนี้เงินทุนจงเคอและการลงทุนซื่อหวาคงจะกระอักเลือดแล้ว ต่อไปคงไม่กล้าที่จะมาโจมตีพวกเราอีกแล้ว!”

ฉินเย่มีความสุขมาก น้ำเสียงแสดงออกถึงความเย่อหยิ่ง “ตอนนั้นที่ผมทำเงินให้ตระกูลฉินหมื่นล้าน พวกเขาล้วนพูดว่าผมอาศัยโชค ลอบโจมตีอย่างลับๆ โดยไม่ออกนาม แต่ครั้งนี้ผมเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย โจมตีพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา ครั้งนี้คนพวกนั้นคงได้รู้แล้วว่า อะไรที่เรียกว่าความสามารถที่แท้จริง!”

“ที่ตอนเช้า นายไม่ให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าตลาด ก็เพื่อโจมตีอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย และขจัดความกล้าของทั้งสองบริษัทให้หมดสิ้นไป?”

เฉินตงเข้าใจได้ในทันที วิธีการของฉินเย่ในตอนนี้ เหมือนกับวิธีที่เขาเคยใช้จัดการกับโจวเย่นชิวในตอนนั้นไม่มีผิด!

“ถูกต้อง!”

ฉินเย่หัวเราะร่าออกมา “แต่ว่าครั้งนี้สามารถพลิกจากผู้แพ้มาเป็นผู้ชนะได้ ก็ต้องขอบคุณเส้นสายของพี่ตง หากไม่มีการกลับลำของหงหุ้ยและจุนหลิน กรุ๊ป ต่อให้บริษัทชิงหยิ่งเข้าร่วมในตลาด ก็ไม่อาจจะต้านทานเอาไว้ได้!”

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ

จู่ๆ เขาก็แสยะยิ้ม และหัวเราะด้วยท่าทีที่แปลกประหลาดออกมา “บริษัทเล็กๆ อย่างจุนหลิน กรุ๊ปนี้ ครั้งนี้ใช้วิธีลงทุนต่ำ แต่ได้กำไรสูง ร่วมอยู่ในกลุ่มเทพ ดูเหมือนจะได้กินจนพุงกางเช่นเดียวกัน”

“แสดงว่าบริษัทเล็กๆ นั่นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน” จู่ๆ น้ำเสียงของฉินเย่ก็เคร่งขรึมลง

ผู้เชี่ยวชาญ?

ต้องมีผู้เชี่ยวชาญแน่นอน!

เฉินตงยิ้มออกมาด้วยท่าทีประหลาด ตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ควรจะเดินทางไปที่โม่เป่ยสักครั้ง

เขาพูดคุยสัพเพเหระกับฉินเย่สองสามคำ เมื่อนัดแนะกันว่าคืนนี้จะจัดงานฉลองเรียบร้อยแล้ว เฉินตงก็วางสายโทรศัพท์

จากนั้น เขาก็เรียกเสี่ยวหม่าและกูหลังเข้ามา แล้วจัดสรรเงินห้าสิบล้านหยวน ให้แจกจ่ายเป็นโบนัสให้กับพนักงานในบริษัททุกคน

เมื่อได้ยินข่าวนี้

เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังกระหึ่มขึ้นทั่วทั้งบริษัท ทุกคนต่างดีใจจนกระโดดโลดเต้น

ห้าสิบล้านเป็นจำนวนเงินไม่น้อย จำนวนของพนักงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งนั้นมีไม่มาก หากแบ่งให้ทุกคนโดยเท่าเทียมกัน อย่างน้อยก็ต้องได้คนละหนึ่งล้าน

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับทุกคนแล้ว นี่เป็นเหมือนโชคลาภที่ลอยลงมาจากฟ้าจริงๆ!

หลังจากเฉินตงกำชับให้เสี่ยวหม่าและกูหลังรับผิดชอบเรื่องการแจกจ่ายเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากบริษัทไป

เพียงแต่ เมื่อลงไปถึงด้านล่างของบริษัท

อารมณ์ดีของเฉินตงก็จางหายไปในทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset