Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 35 รับคนที่สนามบิน

บทที่ 35 รับคนที่สนามบิน

“นาย กำลังพูดกับใคร?”

เฉินเทียนหย่างกัดฟันพูดออกมาคำหนึ่ง

คนหนุ่มๆในวงศ์ตระกูล ใครที่ไม่อยากควบคุมวงศ์ตระกูล?

แต่อยู่ดีๆท่านปู่ก็วิ่งไปข้างนอกหาไอ้ลูกสวะคนนี้ คิดอยากจะพากลับมาอยู่ในตระกูล แบบนี้มันตบหน้าพวกเขาชัดๆ

ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์เอกของวงศ์ตระกูล จะยอมหลีกทางให้ไอ้ลูกสวะคนนี้ได้ยังไง?

เฉินตงยิ้มๆอย่างไม่พอใจ: “คุนหลุน กลับบ้านเถอะ”

นี่ถูกมองข้ามไปเหรอ?

เฉินเทียนหย่างโมโหอย่างมาก สายตาดุร้ายจนจะกินคนได้เลย

แต่เขารู้ดี มีคุนหลุนอยู่ เขาจะทำอะไรเฉินตงไม่ได้เลย

คุณปู่ถึงกับเอาบอดี้การ์ดส่วนตัวไปอยู่ข้างกายของไอ้ลูกสวะนั่น เห็นได้ชัดคุณปู่ให้ความสำคัญแค่ไหน

“แกจะได้รู้ ความแตกต่างของยอดคนกับไอ้ลูกสวะ” น้ำเสียงของเฉินเทียนหย่างเยือกเย็นทิ่มแทงใจมาก

กลับไปถึงบ้าน เฉินตงนั่งลงไปโซฟาด้วยความอ่อนล้า

“เมื่อกี้ ขอบคุณคุณมากนะครับ”

คุนหลุนส่ายหัว: “เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วครับ”

เฉินตงยิ้มๆอย่างไม่เข้าใจ

เมื่อกี้ถ้าคุนหลุนไม่มา เขาไม่กล้าคิดเลยว่าเฉินเทียนหย่างจะทำเขายังไงบ้าง

เหมือนที่ท่านหลงพูดจริงๆว่า พวกเขา…..ไม่กลัวการฆ่าคนเลย

“คุนหลุน เมื่อกี้คุณบอกว่าวิชาต่อสู้ของเฉินเทียนหย่าง คุณเป็นคนสอนเขาเองเหรอ?” เฉินตงยักคิ้ว

“ใช่”

เฉินตงยิ้มๆ แววตาตั้งมั่น: “สอนผมด้วยสิ”

การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่าง ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

ไม่ใช่เพราะอยากจะแย่งชิงสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมด แต่เป็นเพราะเฉินเทียนหย่างพวกเขาไม่สนใจในชีวิตคน

เมื่อฝ่ายตรงข้ามมองข้ามชีวิตคน ความรู้สึกไม่ปลอดภัยนั้นจะเหมือนดอกหญ้าข้างทางที่เจริญเติบโตงอกเงยขึ้นมา เพราะเฉินตงยังมีคนที่ต้องปกป้องดูแล

หลังจากวันนั้นแล้ว เฉินตงไปออกกำลังกายตอนเช้าจะไปสวนสาธารณะพร้อมกับคุนหลุน จากนั้นก็เปียกเหงื่อทั้งตัวและกลับไปอาบน้ำ แล้วรีบตรงเข้าทำงานที่บริษัท

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี

อาการป่วยของแม่ ก็กำลังหายดีขึ้นเป็นลำดับ

ส่วนเฉินเทียนหย่าง หลังจากที่ปรากฏตัวในตอนเช้าวันนั้น ก็ไม่เคยเห็นเงาเลย

เหมือนเป็นแค่ตอนหนึ่งในชีวิตของเฉินตง ทำให้มีคลื่นพายุซัดมา แล้วก็สงบเงียบไป

พริบตาเดียว ก็ถึงวันที่1เดือน9แล้ว

เวลาตอนเที่ยง เฉินตงไม่มีเวลากินข้าวเที่ยง มัวแต่อ่านแผนงานเปิดจองโครงการที่พวกเสี่ยวหม่าส่งมา

โครงการก่อสร้างระยะแรกของย่านสลัมภาคตะวันตกของเมืองได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถทำการเปิดจองโครงการได้แล้ว

มีข่าวคราวของการเข้ามาร่วมลงทุนของบริษัทยี่เคอกรุ๊ปแล้ว เขาให้ความสำคัญกับการเปิดจองโครงการในครั้งนี้อย่างมาก และยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ดังนั้นความเหน็ดเหนื่อยและความพยายามทั้งหมด ก็ถึงเวลาได้รับผลตอบแทนแล้ว

ในที่สุดก็ได้ตรวจสอบข้อมูลแผนงานเปิดจองโครงการเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเซ็นอนุมัติ เฉินตงจับดั้งจมูกที่บวม

มองดูนาฬิกา ก็เป็นเวลาบ่าย1โมงแล้ว

ท้องฟ้าด้านนอก มืดครึ้มมาก

เหมือนฝนกำลังจะตกหนัก

เฉินตงขมวดคิ้ว เหมือนรู้สึกว่าลืมเรื่องอะไรบางอย่าง

เขาหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อสักครู่ตอนที่เขากำลังตรวจงานอยู่นั้น มือถือปิดเสียงเงียบไว้

มือขวาเลื่อนไปดูวีแชท อ่านข้อความคร่าวๆสักพัก

ทันใดนั้น แววตาเฉินตงหยุดชะงัก

มองดูข้อความที่กู้ชิงหยิ่งส่งมาในวีแชท

ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป

ข้อความวีแชทที่กู้ชิงหยิ่งส่งมา: “เฉินตง คุณมารับที่สนามบินหรือยังคะ?”

ส่วนเวลา คือครึ่งชั่วโมงก่อน

แย่ละ!

ทำไมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้?

เฉินตงโมโหมาก ก่อนที่กู้ชิงหยิ่งจะกลับมาได้นัดกับเขาไว้แล้ว

มัวแต่ยุ่งกับงาน จนทำให้เขาผิดนัดสัญญา?

เฉินตงรีบร้อนส่งข้อความให้กู้ชิงหยิ่ง: “ชิงหยิ่ง คุณยังอยู่สนามบินไหม? ขอโทษด้วยครับ เมื่อกี้ผมงานยุ่งมากจนลืม มือถือปิดเสียงไว้”

ตั้งแต่งานแต่งของเขาและหวางหนันหนันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู้ชิงหยิ่งก็ออกนอกประเทศ ส่วนวิธีที่เคยติดต่อกันเมื่อก่อนก็ไม่มีเลย มีเพียงวีแชทเท่านั้นที่ยังติดต่อกันได้

ติง!

“ยังอยู่ค่ะ” กู้ชิงหยิ่งตอบ

“ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”

เฉินตงรู้สึกผิดอยู่สักพัก ใส่เสื้อกันหนาวแล้วรีบร้อนวิ่งออกไป

ที่สนามบิน

คนเดินไปเดินมา

แต่คนที่ไปๆมาๆ ต่างก็จะพากันมองหญิงสาวที่อยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างตะลึง

หญิงสาวคนนั้นใส่หมวกกันแดด ใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาว ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่ง

การแต่งตัวที่เรียบง่ายสุดๆ แต่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนเห็นนางฟ้าเลยทีเดียว

เพราะว่า หญิงสาวคนนั้นสวยมากเกินไปจริงๆ!

“ยังเหมือนเดิมเลยนะ คนบ้างาน”

กู้ชิงหยิ่งวางมือถือลง แล้วทำปากจู๋บ่นมาหนึ่งคำ

เธอและเฉินตง หวางหนันหนันต่างก็เป็นเพื่อนมหาลัยที่เรียนห้องเดียวกัน เธอรู้และเข้าใจสถานการณ์ในครอบครัวของเฉินตงเป็นอย่างดี

หลังจากที่เรียนจบ เพื่อที่จะได้แต่งงานกับหวางหนันหนัน เฉินตงขยันทำงานทุกวันทุกคืนอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงได้ฉายา “คนบ้างาน”นี้มา

มองผ่านหน้าต่าง เห็นอากาศด้านนอกมืดครึ้มมาก

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกน้อยใจและบ่น: “ฝนจะตกแล้วนะ”

ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอส่งข้อความให้เฉินตง ที่จริงเธอลงเครื่องมานานแล้ว

เธอไม่ได้รับคำตอบจากเฉินตง แต่ก็ไม่ได้ออกไปไหน

เพราะว่าหลังจากที่จากกันสามปี คนที่เธออยากเจอคนแรก ก็คือเฉินตง

และอยากให้ความสัมพันธ์ของเธอและเฉินตง เริ่มต้นใหม่จากสนามบินนี้

แต่เธอนึกไม่ถึงว่า สาเหตุเพราะเรื่องงาน คนบ้างานคนนี้กลับลืมเรื่องที่จะต้องมารับเธอที่สนามบิน

หลังจากที่น้อยใจไปสักพัก กู้ชิงหยิ่งถอนหายใจลึกๆ แล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใครให้คุณขยันขนาดนั้นล่ะ?”

ตอนที่เฉินตงเร่งรีบไปถึงสนามบิน เวลาก็ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว

ท้องฟ้าที่มีแต่เมฆหมอกหนาและมืดครึ้มๆ ในที่สุดก็ทนแรงกดอากาศไม่ไหว

ฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก

ตอนที่เขาวิ่งเข้าไปในสนามบินด้วยตัวเปียก พริบตาเดียวก็มองเห็นกู้ชิงหยิ่งที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายตรงมุมนั้น

จากกันนานสามปี กู้ชิงหยิ่งกับเมื่อก่อนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ไม่มีความขี้เล่นเหมือนเด็กๆในตอนที่จากกันในปีนั้น

“ชิงหยิ่ง ขอโทษด้วยนะครับ ผมมาช้าเกินไป”

เฉินตงรีบเดินตรงเข้าไปตรงหน้ากู้ชิงหยิ่งและพูดอย่างรู้สึกผิด

พอเห็นเฉินตงปุ๊บ กู้ชิงหยิ่งที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่นั้น ยิ้มแย้มขึ้นมาด้วยความดีใจและลุกขึ้นมา ไม่สนใจว่าตัวเฉินตงจะเปียกฝนไปทั้งตัว รีบพุ่งเข้าไปกอดเฉินตงทันที

“คนบ้างาน ไม่เจอกันนานจัง!”

“นี่นี่ รีบปล่อยผมออก ทำให้เสื้อคุณเปียกหมดแล้ว”

เฉินตงรีบตะโกนพูดและแยกตัวออกมา

กู้ชิงหยิ่งปล่อยตัวเฉินตงออกและเหล่ตามองเขา: “ฉันยังไม่รังเกียจคุณเลย คุณรังเกียจฉันแล้วเหรอ”

เฉินตงพูดอะไรไม่ออกสักพัก แล้วรีบรับกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองอันที่อยู่ด้านหลังกู้ชิงหยิ่งและพูดว่า: “ไปเถอะครับ ผมจองโต๊ะอาหารไว้แล้ว คงหิวแย่แล้วมั้ง?”

กู้ชิงหยิ่งเอามือกุมท้องเอาไว้ แกล้งทำเป็นปวดท้อง: “หิวจนท้องร้องโจ๊กๆแล้ว”

เฉินตงหัวเราะ แล้วเดินออกจากสนามบินพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง

“ใช่สิ ฝนตกหนักขนาดนี้ คุณทำไมไม่กางร่มมาล่ะ?” กู้ชิงหยิ่งถาม

“มาด้วยความเร่งรีบเกินไป ลืมเอาด้วย” เฉินตงตอบ

กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เดี๋ยวเป็นหวัดจะทำยังไง? ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย”

เฉินตงยิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของกู้ชิงหยิ่งมีอะไรแปลก

ทั้งสองคนเดินออกจากสนามบิน

แต่เพราะฝนตกอย่างหนัก ที่รอรถในสนามบิน ว่างไม่มีใครเลย

“รถไปไหนหมดล่ะ?” กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตะลึง

“ฝนตกหนักขนาดนี้ เที่ยวบินก็ล่าช้า รถแท็กซี่คงรับลูกค้ารอบสุดท้ายแล้วออกไปหมดแล้ว”

เฉินตงรู้สึกอัดอั้นใจ เมื่อกี้เข้ามาด้วยความรีบร้อนเกินไป เขาลืมเตือนคนขับรถแท็กซี่ให้รอก่อน

กู้ชิงหยิ่งตะลึงไปสักพัก: “ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่า รถของคุณล่ะ?”

เฉินตง: “ผมไม่ได้ซื้อรถครับ”

“งั้นเรากลับไปไม่ได้แล้วสิ”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเศร้าใจและก้มหัวลง ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม ตบมือหนึ่งที: “ไม่เป็นไร ฉันไปหาวิธี”

พูดจบ เธอก็วิ่งฝ่าฝนออกไปด้านหน้า

“กู้ชิงหยิ่ง เดี๋ยวคุณตากฝนจนเป็นหวัดไม่สบายจะทำยังไง? รีบกลับมา!” เฉินตงตะโกนบอก

“ไม่เป็นไร อย่างมากก็กินยาพร้อมกับคุณไง” กู้ชิงหยิ่งตอบกลับ

เฉินตงมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สาวน้อยคนนี้ทำไมยังใจกล้าเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิดเลย?

แต่ว่า เขารู้สึกแปลกใจ กู้ชิงหยิ่งสามปีกลับมาครั้งเดียว จะคิดอะไรได้ล่ะ?

หลังจากนั้นยี่สิบนาที

มีรถปอร์เช่911คันหนึ่งขับตรงมาตามเลนถนนรอบสนามบิน

เอี๊ยด

ปอร์เช่911จอดตรงด้านหน้าของเฉินตง

เฉินตงตะลึงไปสักพัก จากนั้นเห็นหน้าต่างรถเลื่อนลงมา เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ตัวเปียกอยู่ข้างใน

กู้ชิงหยิ่งยิ้มและพูด: “รีบขึ้นรถเร็วๆ กลับบ้านได้แล้ว”

“รถคุณไปเอามาจากไหน?” เฉินตงตกตะลึง แล้วรีบเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บขึ้นรถและนั่งเข้าไปในรถ

กู้ชิงหยิ่งชี้ไปไกลๆโน่น: “สามปีก่อนตอนที่ฉันไปต่างประเทศ ข้างสนามบินมีอู่รถซ่อมรถยนต์อยุ่นั่นไง? ฉันก็เลยไปเดินดูแถวๆนั้น จนเจอร้าน4S จึงซื้อมามั่วๆคันนึง”

ซื้อรถปอร์เช่911หนึ่งคัน

ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?

เฉินตงเอามือไปจับบัตรธนาคารดอกชงโคในกระเป๋ากางเกงโดยอัตโนมัติ

ความคิดที่ง่ายๆแบบนี้ ทำไมผมคิดไม่ออก?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset