Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 421 ตัวคุณมีกลิ่นน้ำหอมของเธอ

“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงล่ะสิ”

เมื่อเห็นเย่หลิงหลงเดินใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเข้ามา เฉินตงพลันตัวเกร็งขึ้นมา

ความยินดีของการพลิกจากฝั่งแพ้กลับมาชนะได้ ตอนนนี้หายไปหมดเป็นปลิดทิ้ง

และตอนนี้บริเวณรอบๆ ก็เริ่มมีคนรวมตัวกันเข้ามามุงดูเขากับเย่หลิงหลงด้วยความชื่นชม

เฉินตงเกลียดความรู้สึกของการโดนคนจ้องมองมากที่สุด

เขาไม่สนใจไยดีเย่หลิงหลง จากนั้นจึงเดินดุ่มๆ ตรงไปที่รถ

สีหน้ายิ้มแย้มของเย่หลิงหลงเริ่มกระตุก เธอรีบก้าวอาดๆ ตรงเข้าไปขวางด้านหน้าเฉินตงเอาไว้

“ทำไมคุณถึงเป็นคนไม่มีมารยาทขนาดนี้? ฉันอุตส่าห์มาทักทายคุณ หงหุ้ยช่วยเหลือคุณตั้งมากมายขนาดนั้นคุณตอบรับสักคำมันจะตายหรือไง?”

“ช่วย?”

เฉินตงเลิกคิ้ว “เอาฉันลากเข้าไปในหงหุ้ย นี่ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนไปแล้ว อีกอย่างคราวนี้หงหุ้ยเองก็ได้กำไรไปไม่น้อยเลยนี่?”

เย่หลิงหลงโดนต่อว่าจนไร้คำพูด

ดวงตาคู่งามของเธอกะพริบปริบๆ ริมฝีปากของเธอสั่นเบาๆ “แต่คุณก็ไม่ควรทำตัวไร้มารยาทแบบนี้นะ ผู้หญิงหน้าตาดีเพียบพร้อมอย่างฉัน เดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทายคุณก่อน แถมยังมีคนมองอยู่เยอะขนาดนี้ คุณจะไม่สนใจฉันเชียวหรือ?”

“คุณอยากให้ผมทักทายคุณจริงหรือ”

สายตาของเฉินตงเหลือบกลับมามองเย่หลิงหลง

“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือคะ?” เย่หลิงหลงไม่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น

วินาทีต่อมา

เฉินตงหยิบเอาป้ายรุ่นหยวนออกมา “อย่างนั้นคุณก็คุกเข่าลงแล้วเรียกผมว่าจู่เหลาซะ!”

เย่หลิงหลง “?”

ทันใดนั้นเธอเกิดความรู้สึกยัวะจัดขึ้น

นี่มันเรียกว่าทักทายกันซะที่ไหน?

นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ !

“ทำไมยังไม่คุกเข่าลงอีก คุณคิดจะฝ่าฝืนกฎของหงหุ้ยหรือยังไง?” เฉินตงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำด้วยใบหน้าเย็นชา

“คุณขู่ฉันหรอ?” เย่หลิงหลงโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง

เฉินตงยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “คุณเดาถูกแล้ว นี่คือการข่มขู่! สรุปจะคุกเข่าลงไหม?”

พออยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คนเช่นนี้ เย่หลิงหลงเริ่มอิดออดขึ้นมา

เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นหญิงสาว การคุกเข่าให้เฉินตงต่อหน้าคนอื่น เท่ากับว่าเป็นการหักหน้าเธอ!

แต่กฎของหงหุ้ยนั้นเข้มงวดมาก ให้ความสำคัญกับลำดับอาวุโสเป็นที่สุด

และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เฉินตงยังคว้าป้ายรุ่นหยวนออกมาอีก เท่ากับว่าเขาเป็นรุ่นเดียวกับคุณปู่

หากไม่คุกเข่าลงก็เท่ากับทำผิดกฎของหงหุ้ย

เย่หลิงหลงรู้สึกราวกับในอกของเธอกำลังมีภูเขาไฟก่อตัวขึ้น เธอขบฟันแน่นจนฟันแทบแตก

ไปตายซะ!

สาวน้อยคนนี้ไม่รู้จักแยกแยะชั่วดีหรืออย่างไร ทำไมต้องพยายามมาดักพบเขาให้ได้?

“สรุปจะคุกเข่าลงไหม ?”

น้ำเสียงของเฉินตงเย็นเฉียบ

เมื่อสิ้นเสียง

มีเสียงตะโกนด่าดังออกมาจากกลุ่มฝูงชน “เป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ ทำไมถึงให้ผู้หญิงคุกเข่าลงต่อหน้าคนตั้งเยอะ รู้จักยางอายบ้างไหม”

บทสนทนาของเฉินตงกับเย่หลิงหลงเมื่อครู่นี้ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ผู้คนที่ล้อมรอบต่างได้ยินชัดเจน เวลานี้จึงเริ่มมีคนตะโกนด่ายิ่งเป็นการปลุกเร้าให้ฝูงชนเริ่มมีอารมณ์ร่วมขึ้นมาด้วย

“ใช่แล้ว กลางวันแสกๆ แถมยังอยู่กลางเมืองแบบนี้แท้ๆ ผู้ชายอกสามศอกทำแบบนี้ถือว่าไร้หัวใจเกินไปหน่อย!”

“โคตรแย่เลย ผู้หญิงหน้าตาดีๆ แบบนี้ ทำไมไม่รู้จักทะนุถนอมเธอบ้าง?”

ทว่า

เกิดเสียงวัตถุกระแทกบนพื้นดังขึ้น!

เย่หลิงหลงคุกเข่าลงท่ามกลางสายตาประหลาดใจของฝูงชน

“เย่หลิงหลงคารวะจู่เหลา”

เปรี้ยง!

การคุกเข่านี้ ทำเอาฝูงชนที่อารมณ์กำลังปะทุ รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

ทุกคนพากันนิ่งงัน

คุก…เข่าลงจริงหรือ?

คุณพระ!

ผู้หญิงสวยแบบนี้ ทำไมถึงสายตามืดบอด?

ถึงขั้นยอมให้ผู้ชายคนนี้สั่งสอนเหมือนตัวเองเป็นคนต่ำต้อยแบบนี้

เมื่อรับรู้ได้ถึงความแปลกใจของฝูงชน

เย่หลิงหลงที่กำลังคุกเข่าอยู่พลันรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา

แต่เธอจำเป็นต้องคุกเข่า เพราะนี่คือกฎของหงหุ้ย!

ในใจของเธอเต็มไปด้วยความอับอายทะลักทะล้น ในตอนนั้นเอง ดวงตาของเย่หลิงหลงเกิดไอน้ำบางๆ ขึ้นมา เธอกัดฟันแน่น “พอใจรึยังล่ะ”

“เป็นเด็กดี! จู่เหลาต้องไปแล้ว คราวหน้าอย่ามารบกวนชีวิตของจู่เหลาอีก”

เฉินตงยิ้มอย่างใจเย็น พลางเอามือลูบหัวเย่หลิงหลงอย่างสบายใจแล้วหันหลังกลับขึ้นรถไป

ไปดื้อๆ อย่างนี้เลยหรือ?

เขาไปง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ?

เย่หลิงหลงเหม่อลอยไม่ขยับเขยื้อน ความอับอายเริ่มทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายผอมบางของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้

ผู้ชายสารเลว เขาทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร?

ที่เขาลูบหัวเธอเมื่อกี้นี้ คิดว่ากำลังลูบหัวหมาอยู่หรือ?

วิลล่าเขาเทียนซาน

เมื่อเฉินตงเดินเข้าประตูบ้านมาแล้วกลับไม่พบกู้ชิงหยิ่ง

ท่านหลง คุนหลุนและฟ่านลู่นั่งอยู่ด้วยกันสามคน สีหน้าของคนทั้งสามแลดูไม่สู้ดีนัก

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เฉินตงกำลังจะบอกข่าวดีกับทุกคน เรื่องที่ฉินเย่สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับมาชนะได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนทั้งสามก็จำต้องหยุดความคิดนี้ของตัวเองลงไป

“คุณชาย กลับมาเสียทีนะครับ”

ท่านหลงถอนหายใจดังแล้วชี้ไปบนตึก “คุณนายน้อยอยู่บนตึกครับ”

“งั้นผมจะขึ้นไปหาเธอ”

เฉินตงยิ้ม เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าสองวันนี้กู้ชิงหยิ่งมีเรื่องบางอย่างในใจ

และแน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของท่านหลง

“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณเฉิน”

เขากำลังจะหันหลังผละจากไป ฟ่านลู่กลับรั้งเขาไว้ แล้วรีบหันหลังกลับวิ่งเข้าไปในห้องครัว

จากนั้นไม่นาน ในขณะที่เฉินตงกำลังส่งสายตาสงสัยอยู่นั้น ฟ่านลู่ก็วิ่งแบกทุเรียนออกมา และยัดใส่มือของเฉินตงโดยไม่พูดอะไร

เฉินตงชะงักไป “นี่มันอะไรกัน?”

“มีประโยชน์แน่ ไปเถอะค่ะ”

ฟ่านลู่ทำท่าถอนหายใจยาว

เฉินตงอุ้มทุเรียนขึ้นไปบนตึก

ในห้องนอน ผ้าม่านผืนหนาถูกปิดเอาไว้สนิทจึงบดบังแสงแดดจากด้านนอกเอาไว้

กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นอน มือทั้งสองถือมือถือเอาไว้ สีหน้ามืดมน ดวงตาคู่สวยของเธอปรากฏไอน้ำหนาๆ ขึ้นมาบดบัง

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ที่รัก ผมกลับมาแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งรีบเอามือเช็ดน้ำตาและฝืนยิ้มออกมา “เข้าห้องนอนตัวเอง จะเคาะประตูทำไมคะ”

เฉินตงผลักประตูเข้ามา แล้วเอาทุเรียนที่ตนถืออยู่วางไว้บนโต๊ะ

หลังจากนั้นจึงเดินยิ้มเข้าไปหากู้ชิงหยิ่ง

ทว่าเมื่อเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น

รอยยิ้มพยายามฝืนยิ้มออกมาของกู้ชิงหยิ่งก็หายวับไป

“กลิ่นหอมแบบนี้อีกแล้ว”

จมูกของกู้ชิงหยิ่งฟึดฟัด ใจของเธอแข็งสะท้าน อารมณ์ของเธอหม่นหมองลง

มือขวาของเธอกำมือถือแน่นขึ้นทันที

“ทำไมหรือ”

เมื่อเฉินตงเห็นสีหน้าของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปจึงถามขึ้น

วินาทีถัดมา

กู้ชิงหยิ่งทนไม่ไหวอีกต่อไป

เธอยื่นมือขวาออกมาแล้วส่งมือถือที่อยู่ในมือให้เฉินตง

“ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม”

เสียงแข็งกระด้างเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

เฉินตงหยุดชะงักอยู่กับที่ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

มือถือกำลังฉายวิดีโออยู่

และวิดีโออันนั้น ก็เป็นภาพเหตุการณ์ที่เย่หลิงหลงอยู่กับเขาที่บริษัทไท่ติ่งตอนไปเอารถ

แต่เป็นเพราะมุมในการถ่ายทำ ทำให้เนื้อหาในวิดีโอดูค่อนข้างกำกวม

รวมทั้งชื่อวิดีโอที่น่าตื่นตาตื่นใจ “เจ้าของบริษัทไท่ติ่งใช้ชีวิตเมียงหลวงกับเมียน้อยอย่างสมานฉันท์”

ในตอนนั้นเอง

เฉินตงจ้องคลิปวิดีโอจนตาแทบถลนออกมา ความเครียดทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว

เขารีบอธิบายอย่างร้อนรน “เสี่ยวหยิ่ง ไม่ได้เป็นอย่างในคลิปนะ ผม…”

แต่กู้ชิงหยิ่งกลับไม่ให้โอกาสเขาในการอธิบาย

เธอดึงมือถือกลับไปแล้วจ้องคลิปวิดีโออย่างเจ็บปวด

เธอเอ่ยเบาๆ ว่า “สาวน้อยคนนี้สวยมาก ฉันยอมรับเลยว่าเธอสวยเสียจนทำให้ฉันอิจฉาเลย”

แย่แล้ว!

หัวใจของเฉินตงเต้นระส่ำ ใบหน้าของเขาซีดขาว

ต่อจากนั้น กู้ชิงหยิ่งสูดน้ำมูกเสียงดัง

ดวงตาของเธอปรากฏไอน้ำพร่า เธอเงยหน้าขึ้นจ้องเฉินตง “กลิ่นน้ำหอมบนตัวคุณ ใช่ของเธอด้วยไหม?”

“ผม…” เฉินตงคิดจะอธิบาย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกู้ชิงหยิ่งในตอนนี้ นอกจากความละอายและเจ็บปวดหัวใจแล้ว คำพูดทั้งหมดต่างตีบตันอยู่ในลำคอ

“เธอมีรสนิยมดี ครอบครัวของเธอคงจะร่ำรวยมากใช่ไหม”

กู้ชิงหยิ่งพยายามฝืนความแน่นในจมูกของตน แต่เสียงของเธอก็ยังคงอู้อี้ “แล้วทำไมเวลาคุณกลับมาถึงบ้านแล้วถึงไม่ยอมล้างกลิ่นของเธอออกไปก่อน”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset