ท่านหลงที่รีบร้อนวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งร้องไห้อย่างควบคุมตนเองไม่ได้ก็รู้สึกสงสารจับใจ
ตามความคิดของเขา
ภูมิหลังเรื่องฐานะของเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งมีความแตกต่างกันจริงๆ
หากพูดถึงภูมิหลังเรื่องฐานะ ตระกูลเฉินกับตระกูลกู้ไม่อยู่บนเส้นทางเดียวกัน
แต่ท่านหลงแน่ใจ
ว่าการแต่งงานระหว่างเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง ไม่ใช่กู้ชิงหยิ่งที่วาสนาดีได้แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย แต่เป็นเฉินตงต่างหากที่ได้โชคใหญ่มหาศาล
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคนในบ้านตระกูลเฉิน แต่ในหัวของเขาก็ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นมาก่อน
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กู้ชิงหยิ่งช่วยเหลือเฉินตงอย่างสุดแรงกายแรงใจมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้กลับต้องมาเผชิญเรื่องราวเช่นนี้
“ท่านหลง มีเรื่องอะไรหรอคะ?”
กู้ชิงหยิ่งยกมือทั้งสองข้างขึ้นเช็ดน้ำตา พยายามเอ่ยถามโดยข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้
ท่านหลงหลุดจากภวังค์ “คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณนายน้อยมาถึงแล้วครับ”
“พ่อกับแม่?”
กู้ชิงหยิ่งประหลาดใจ จากนั้นจึงก้มหน้าร้องไห้อีกราวกับกำลังคิดบางอย่างในใจ
อารมณ์ของท่านหลงกับฟ่านลู่เปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน
ตอนนี้เรื่องราวในบ้านจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกู้ชิงหยิ่งแล้ว
วินาทีต่อมา
กู้ชิงหยิ่งเงยหน้าขึ้น ใบหน้าโรยราของเธอกลับปรากฏรอยยิ้มที่พยายามฝืนยิ้มออกมาอย่างเศร้าสร้อย
“รบกวนท่านหลงกับพี่เสี่ยวลู่ช่วยลงไปต้อนรับพ่อกับแม่ก่อนนะคะ ฉันขออาบน้ำก่อนแล้วค่อยตามลงไป”
ท่านหลงกับฟ่านลู่จึงออกจากห้องนอนไป
กู้ชิงหยิ่งเช็ดน้ำตาไปพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
“กู้ชิงหยิ่ง อย่ายอมแพ้นะ อย่าให้พ่อกับแม่รู้เด็ดขาด ตัวเองเป็นคนเลือกเขาเองนี่”
“ไม่มีอะไร จะต้องไม่มีอะไร กู้ชิงหยิ่งเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้วใช่ไหม? จะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เองให้ได้”
“พ่อกับแม่อุตส่าห์มาตั้งไกลเพื่อมาหาหลาน จะให้พวกเขาโมโหไม่ได้”
เธอสูดหายใจลึกก่อนจะออกแรงบิดขี้เกียจ แล้วพยายามฝืนยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ห้องรับแขกด้านล่าง
เฉินตงกำลังต้อนรับกู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงอยู่
เมื่อเห็นท่านหลงกับฟ่านลู่ลงมา
กู้โก๋ฮั๋วจึงลุกขึ้นทักทาย “ท่านหลง เมื่อกี้เป็นอะไรหรือ ทำไมเห็นพวกเราแล้วต้องวิ่งหนีด้วย”
“พอดีมีเรื่องด่วนต้องรีบจัดการ ก็เลยวุ่นวายไปสักหน่อยน่ะครับ”
ท่านหลงอธิบายสั้นๆ แล้วยิ้มอย่างรู้สึกผิด “ต้องขออภัยด้วย”
กู้โก๋ฮั๋วโบกมืออย่างไม่สนใจ เขาเป็นคนที่มีนิสัยไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว
หลี่หวั่นชิงเอ่ยขึ้นมาว่า “ตงเอ๋อ เสี่ยวหยิ่งล่ะลูก”
มือที่กำลังรินน้ำชาของเฉินตงสั่นเล็กน้อย
กู้โก๋ฮั๋วรีบแทรกขึ้นมาว่า “จริงสิ รีบไปตามเสี่ยวหยิ่งลงมา พวกเราสองคนอยากดูหลานตัวน้อย”
ฟ่านลู่รีบตอบว่า “คุณนายคะ พอดีคุณนายน้อยเพิ่งตื่น กำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ”
“เด็กคนนี้ พอท้องก็ชักขี้เกียจซะแล้ว นี่คิดจะนอนตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยหรือ” กู้โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว “ทำไมลูกถึงขี้เกียจแบบนี้ เดี๋ยวลงมาจะต้องต่อว่าสักหน่อยแล้ว”
หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเหลือบมองกู้โก๋ฮั๋ว
เฉินตงอมยิ้มแล้วอธิบายว่า “คุณพ่อครับ เวลาท้องก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เสี่ยวหยิ่งอยากพักผ่อนก็ให้พักผ่อนไปเถอะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น
กู้โก๋ฮั๋วก็หัวเราะออกมา
คิ้วของหลี่หวั่นชิงก็เริ่มคลายออก แล้วอมยิ้มบางๆ
คนเป็นพ่อเป็นแม่ แม้ว่าปากจะตำหนิลูกสาวของตน แต่ในใจจะคิดแบบนั้นได้อย่างไร?
ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าการตั้งครรภ์มันลำบากขนาดไหนสำหรับผู้หญิง
การอธิบายของเฉินตง ทำให้สามีภรรยาสองคนนี้เห็นความรักและทะนุถนอมของเฉินตงที่มีต่อกู้ชิงหยิ่ง
ในตอนนั้น
กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ เดินลงมาจากชั้นบน
ฟ่านลู่เห็นเป็นคนแรกจึงรีบเข้าไปพยุงลงมา
“เสี่ยวหยิ่ง!”
กู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงรีบร้อนเดินเข้าไปหา
ในใจของเฉินตงเกิดคลื่นลูกใหญ่ เขามองไปที่กู้ชิงหยิ่งอย่างละอายใจ ความคิดของเขายุ่งเหยิง
เห็นได้ชัดว่ากู้ชิงหยิ่งแต่งหน้า เพื่อปิดบังความเหนื่อยล้าและรอยบวมช้ำใต้ดวงตา
“ทำไมพ่อกับแม่จะมาถึงไม่บอกหนูล่วงหน้าก่อนคะ”
กู้ชิงหยิ่งพูดพร้อมรอยยิ้ม สายตาของเธออ่อนโยน ราวกับไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน
กู้โก๋ฮั๋วเอ่ยอย่างเซ็งๆ “เมื่อวานพวกเราโทรหาลูกแล้ว แต่โทรหาลูกไม่ติด ก็เลยบอกเฉินตงเอาไว้”
เมื่อวาน?
แววตาของกู้ชิงหยิ่งเกิดประกายเล็กน้อย เมื่อวานคงจะเป็นวันที่ยากจะลืมเลือนมากที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
เธอเหลือบดวงตาคู่งามของตนมองไปที่เฉินตง แล้วยิ้มอย่างสดใส “คงเป็นเพราะเมื่อวานหนูหลับอยู่ หมอนี่ก็ไม่ยอมปลุก จนสุดท้ายตัวเองคงลืมไปเองล่ะมั้งคะ”
เฉินตงชะงักไป
แววตาของเขาเริ่มลนลาน
เขาจ้องมองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังยิ้มแย้มเบิกบาน
ตอนนั้นเขารู้สึกราวกับว่ามีมีดคมๆ หลายเล่มระดมแทงเข้าที่หัวใจของเขาจนหัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อความละอายใจปะทุออกมา เฉินตงก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว
เขารู้ดีว่าตอนนี้กู้ชิงหยิ่งกำลังแบกรับความเจ็บปวดใหญ่หลวง การที่เธอเอ่ยออกไปเช่นนี้ไม่รู้ว่าต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน
คุนหลุนถอนใจดัง
ส่วนฟ่านลู่นั้นมองกู้ชิงหยิ่งอย่างเห็นอกเห็นใจ
ท่านหลงฝืนยิ้มหม่นหมองพลางเหลือบมองเฉินตง ได้ภรรยาดีเช่นนี้ ถ้าคุณชายยังคิดนอกใจอีกจะเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินได้อย่างไร
จากประสบการณ์ของเขา ความทุกข์ใจสารพัดบนโลกนี้ล้วนเคยประสบพบเจอมาหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้ของกู้ชิงหยิ่งแสดงถึงความรักที่มีต่อเฉินตงลึกซึ้งมากเพียงใด
“ตงเอ๋อ ลืมจริงๆ หรือ” กู้โก๋ฮั๋วหันกลับไปมองเฉินตง
เฉินตงสะดุ้ง
แล้วหันไปมองกู้ชิงหยิ่งอย่างลึกซึ้งก่อนจะเกาศีรษะอย่างเขินอาย “ใช่แล้วครับพ่อ ผมลืมไปเลย”
“เจ้าเด็กนี่ งานก็ไม่น่าจะเยอะอะไรมาก”
กู้โก๋ฮั๋วยิ้มระคนระอา เขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเฉินตงช่วงนี้ดี ดังนั้นคงจะเป็นเพราะว่าแรงกดดันที่มากเกินไปบวกกับงานยุ่งจนทำให้เผลอลืมไปบ้าง
เป็นเพราะกู้ชิงหยิ่งพยายามสงบอารมณ์ของตัวเองไว้ บรรยากาศจึงเป็นไปอย่างรักใคร่อบอุ่น
ส่วนกู้โก๋ฮั๋วกับหลี่หวั่นชิงเองก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ จึงพูดคุยกับทุกคนอย่างสบายใจ
เมื่อเริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ
‘มีพ่อกับแม่อยู่ด้วยแบบนี้ เสี่ยวหยิ่งคงจะไม่นอนแยกห้องกับเราหรอกมั้ง จะได้ใช้โอกาสนี้อธิบายกับเธอไปด้วยเลย’
นี่คือความคิดในใจของเฉินตง
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ
กู้ชิงหยิ่งทำท่าหาวแล้วโอบแขนของหลี่หวั่นชิงไว้พลางเอ่ยว่า “แม่คะ ไม่ได้เจอแม่นานแล้ว หนูคิดถึงแม่จัง คืนนี้หนูขอนอนกับแม่ได้ไหมคะ”
เฉินตงชะงักแล้วมองไปที่กู้ชิงหยิ่งอย่างสับสน แค่โอกาสในการอธิบายก็ให้ผมไม่ได้งั้นหรือ
ท่านหลง คุนหลุนกับฟ่านลู่ต่างพากันประหลาดใจไปตามๆ กัน
หลี่หวั่นชิงพิจารณามองกู้ชิงหยิ่งแล้วอมยิ้มก่อนจะหันไปตอบว่า “เรื่องนี้แม่ไม่สามารถตัดสินใจได้หรอก ต้องถามว่าพ่อของลูกกับเฉินตงจะยอมรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันสบายๆ อยู่แล้ว” กู้โก๋ฮั๋วพูดอย่างไม่คิดอะไร ทำเอาหลี่หวั่นชิงขมวดคิ้ว
เฉินตงฝืนยิ้ม “แม่ครับ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร เสี่ยวหยิ่งไม่ได้เจอพ่อกับแม่มานานแล้วจริงๆ”
“งั้นก็ดี คืนนี้แม่จะได้นอนเป็นเพื่อนเสี่ยวหยิ่ง” หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วลูบหัวกู้ชิงหยิ่งอย่างอ่อนโยน
กลางดึกอันเงียบสงบ
เฉินตงนอนอยู่ห้องข้างห้องนอนใหญ่
ส่วนในห้องนอนใหญ่นั้น กู้ชิงหยิ่งนอนซบอยู่ในอกของหลี่หวั่นชิง หลี่หวั่นชิงลูบผมของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ
สองแม่ลูกนอนในท่าทางแบบนี้อยู่นาน โดยไร้การสนทนา
หลี่หวั่นชิงเอ่ยปากเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบว่า
“เสี่ยวหยิ่ง ยังไม่หลับอีกหรอลูก”
“ค่ะ” กู้ชิงหยิ่งตอบเบาๆ
“มีเรื่องอะไรกังวลก็พูดกับแม่ได้นะ ถ้าอยากร้องไห้แม่จะกอดลูกเอาไว้เอง” หลี่หวั่นชิงยิ้มด้วยความสงสารลูก
ร่างกายของกู้ชิงหยิ่งสั่นสะท้านเบาๆ
เธอเงยหน้าขึ้นมองหลี่หวั่นชิงด้วยความแปลกใจ
หลี่หวั่นชิงยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวช้าๆ
“ลูกไม่ให้แม่นอนเป็นเพื่อนลูกมานานมากแล้ว คืนนี้อยากนอนกับแม่ก็เพราะมีเรื่องไม่สบายใจไม่ใช่หรอ”