Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 429 จู่เหลาของคนรุ่นหยวนแล้วยังไง?

ภายในวิลล่าเขาเทียนซาน

เฉินตงกำลังจ้องมองตู้เสื้อผ้าของกู้ชิงหยิ่ง

เขายิ้มอย่างสลดใจ “คิดจะไปก็ไป ถึงขั้นไม่ยอมมาเก็บของเลยหรอ”

หลังจากรับสายจากคุนหลุน สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบมุ่งหน้าไปที่สนามบิน

ทางเดียวที่กู้ชิงหยิ่งจะสามารถขึ้นเครื่องหนีเขาไปได้ก่อนที่เขาจะไปถึง มีแค่ออกจากภูเขาซี่สุ่ยแล้วตรงไปที่สนามบินเลย โดยไม่กลับมาที่บ้าน

เรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถยืนยันได้จากสัมภาระของสองสามีภรรยากู้โก๋ฮั๋ว

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“คุณชาย…”

เสียงของท่านหลงรอดเข้ามาจากด้านนอก

เฉินตงลูบหน้าแล้วกล่าวอย่างท้อใจ “ท่านหลง ผมขออยู่คนเดียวเงียบๆ ได้ไหม”

“ครับ”

จากนั้นท่านหลงจึงออกห่างไป

เฉินตงเหม่อมองรูปของกู้ชิงหยิ่งในชุดเจ้าสาวบนหัวเตียงอย่างล่องลอย ดวงตาแดงก่ำ

การเข้าใจผิดครั้งนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะลงเอยแบบนี้

การปรากฏตัวของเย่หลิงหลง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อนึกถึงตอนแรกที่ตนมัวแต่ลังเล ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้ากู้ชิงหยิ่งแต่ไม่ยอมหาโอกาสอธิบายให้เธอฟังแล้ว เฉินตงก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตบตัวเอง

ถ้าหากตอนนั้น…เขาพยายามกว่านี้สักหน่อย บางทีอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นตอนนี้

“เสี่ยวหยิ่ง…” เฉินตงตกอยู่ในภวังค์ การจากไปของกู้ชิงหยิ่งทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขามีบางส่วนขาดหาย เปล่าเปลี่ยวอย่างไม่เคยเป็น

วิลล่าเขตชานเมือง

บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสงบไร้คำพูด

ไอร้อนลอยฟุ้งออกมาจากถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ

เย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกสับสนทั้งคู่

ใบหน้าสมส่วนรูปไข่ของเย่หลิงหลงหมองหม่น มือทั้งสองข้างเกาะกุมกัน

สีหน้าของเย่หยวนชิวนิ่งสงบ สายตาลึกซึ้งราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

เหตุการณ์บังเอิญเจอบนภูเขาซี่สุ่ย ทำให้ปู่กับหลานสองคนนี้ไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรต่อไปดี

ในตอนแรก เย่หยวนชิวต้องการจะไปพบเฉินตงเพื่ออธิบายเรื่องราว แต่ปฏิกิริยาของเฉินตงได้บอกเป็นนัยถึงผลลัพธ์แล้ว และนี่เองที่ทำให้เย่หยวนชิวนั่งปวดหัวอยู่ตอนนี้

เขาอุตส่าห์วางแผนลากเฉินตงให้เข้ามาอยู่ในหงหุ้ย ถ้าหากเรื่องนี้ส่งผลรุนแรงกับเฉินตง เขาแน่ใจว่าเฉินตงจะต้องตัดสัมพันธ์กับหงหุ้ยอย่างแน่นอน

แม้ว่า…เฉินตงจะเป็นถึงจู่เหลาของคนรุ่นหยวนของหงหุ้ยที่มีฐานะสูงส่งน่าเกรงขามก็ตาม

“คุณปู่คะ พวกเราไปวิลล่าเขาเทียนซานกันเถอะ”

ดวงตาของเย่หลิงหลงเป็นประกายวับไหว เธอมองเย่หยวนชิวอย่างมีความหวัง “เรื่องนี้หนูเป็นต้นเหตุ ไม่ว่าจะยังไงหนูก็ควรไปขอโทษ”

“เอาเถอะ ในเมื่อติดต่อเฉินตงไม่ได้ พวกเราก็คงต้องใช้วิธีนี้แล้วล่ะ”

เย่หยวนชิวยิ้มอย่างขมขื่น เขาคว้าไม้เท้าและค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ตึ้งๆๆๆ…

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เย่หยวนชิวเลิกคิ้ว ช่วงศตวรรษที่ผ่านมานี้วิลล่าสไตล์ยุโรปแห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์ทางกาลเวลาตั้งนานแล้ว คนที่จะรู้จักจึงมีน้อยมาก

“เฉินตงหรอ”

เย่หลิงหลงเลิกคิ้ว เมื่อเอ่ยออกไป เธอกลับรู้สึกว่าความคิดนี้ของตัวเองไร้ความเป็นไปได้อย่างยิ่ง

ตอนนี้เฉินตงคงกำลังร้อนใจอยู่ราวกับมดที่ไต่อยู่บนหม้อน้ำร้อนกระมัง?

จะหาที่นี่เจอได้อย่างไร?

“หลิงหลง เปิดประตู”

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ อย่างเสียมารยาทเช่นนี้ เย่หยวนชิวจึงเอ่ยออกมาด้วยความหนักใจ

เย่หลิงหลงค่อยๆ ลุกขึ้น เธอสาวเท้ายาวๆ ไปยังประตู

เมื่อรับรู้ถึงแรงในการเคาะประตู คิ้วของเธอพลันขมวดแน่น จากนั้นจึงคว้าแจกันดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ประตูขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ

ธุรกิจตระกูลหงหุ้ยยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ยืนหยัดมาได้กว่าสองร้อยปี จึงเปรียบเหมือนไม้ใหญ่ต้านลม ที่มีศัตรูมากมายทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

การเคาะประตูอย่างเกรี้ยวกราดเช่นนี้ หมายความได้อย่างชัดเจนว่าผู้มาเยือนนั้นมีจุดประสงค์ไม่ดีนัก

ประตูเปิดออก

เมื่อเย่หลิงหลงเห็นคนที่อยู่ด้านนอกประตู ตัวของเธอก็แข็งทื่อ

คนด้านนอกกลับไม่ใส่ใจเย่หลิงหลง

แล้วก้าวปรี่เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

เย่หยวนชิวเองก็ชะงักไปเช่นกัน

ผู้มาเยือนสีหน้าเคร่งขรึม เขาก้าวเดินเข้ามาราวกับราชสีห์ แล้วมาหยุดยืนตรงหน้าเย่หยวนชิว

“พอใจรึยัง”

เย่หยวนชิวยิ้มแล้วหยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของพวกเรา ทั้งหมดคือเรื่องเข้าใจผิด”

“แต่การเข้าใจผิดครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!”

น้ำเสียงของผู้มาเยือนแหบพร่า ทำให้เห็นถึงความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัว

“ผู้อาวุโส ฉันกับปู่ตั้งใจจะไปที่วิลล่าเขาเทียนซานเพื่อกล่าวขอโทษอยู่พอดี” เย่หลิงหลงรีบอธิบาย

“เห๊อะ!”

ผู้มาเยือนแค่นหัวเราะอย่างน่าหวาดหวั่น “หน้าใหญ่จริงๆ นะ เรื่องมาขั้นนี้แล้ว ยังจะไปขอโทษเขาอีกหรอ”

ฟึ่บ

สิ้นเสียงพูด บรรยากาศในห้องพลันเกิดไอเย็นแผ่ซ่าน

มีดดาบเล่มหนึ่งฟันฉับลงบนโต๊ะน้ำชาจนเกิดเสียง “ตึ้ง” เสียงมีดเคลื่อนตัวผ่านอากาศส่งเสียงอื้ออึง

“กล้าหรอ!”

เย่หลิงหลงหน้าซีด แล้วรีบก้าวออกมาขวาง

เย่หยวนชิวสีหน้าเคร่งเครียด “หลิงหลง หยุด!”

เมื่อห้ามเย่หลิงหลงแล้ว ใบหน้าหมองคล้ำของเย่หยวนชิวที่จ้องไปที่ผู้มาเยือนอย่างลึกซึ้ง “ท่านคิดจะฆ่าฉันเพราะเรื่องนี้น่ะหรือ ไม่กลัวหงหุ้ยทั้งสามพันหกร้อยตระกูลหรือไง”

“อย่ามาทำเป็นแกล้งโง่เลย แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยกลัวหงหุ้ยทั้งสามพันหกร้อยตระกูลอะไรนี่เลย!”

เสียงหัวเราะเย็นเฉียบดังขึ้น

จากนั้นผู้มาเยือนจึงเคลื่อนตัวออกมาแล้วง้างมือขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือหนักหน่วงตบลงบนใบหน้าของเย่หยวนชิวเต็มแรง

เรี่ยวแรงหนักหน่วง ทำเอาร่างของเย่หยวนชิวโงนเงนเสียสมดุลและล้มลงบนโซฟา ใบหน้าครึ่งซีกของเขาบวมช้ำ

“แกทำร้ายปู่ฉัน ตายซะ!”

เย่หลิงหลงเดือดดาล ในฐานะที่เป็นหงกุ้นของหงหุ้ย เธอไม่กลัวคนที่อยู่ตรงหน้า

เธอฟังการห้ามปรามของปู่ แต่ตอนนี้ปู่ของเธอโดนตบ เธอไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้อีก!

ในช่วงเวลาอันรวดเร็ว

เย่หลิงหลงพุ่งเข้าใส่ผู้มาเยือนแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป

ฟึ่บ!

แสงเงินวับไหว

มีดดาบที่ปักอยู่บนโต๊ะน้ำชากลับถูกดึงออกมา ปลายมีดหันไปจ่อที่คอของเย่หลิงหลง

ช่วงเวลานั้น

บรรยากาศในห้องดุเดือดเลือดพล่าน

เร็วเกินไป!

เย่หลิงหลงงุนงง ตัวของเธอแข็งทื่ออยู่ที่เดิม

ในตอนนั้นเอง หน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาไหลลงไปตามแก้ม

คอของเธอถูกกดไว้แน่น ตอนนั้นเธอกลัวจนแม้แต่กลืนน้ำลายยังต้องพยายามฝืนเอาไว้

เพราะเธอกลัวว่าหากคอของเธอกระดิกเพียงนิดเดียวจะสัมผัสเข้ากับคมมีด

“พอได้รึยัง ฉันเป็นถึงจู่เหลาของคนรุ่นหยวนของหงหุ้ยที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยอมให้แกตบหน้าไปแล้ว อย่างไรเธอก็เป็นหลานสาวของฉัน แกจะคิดแค้นอะไรกับเด็กรุ่นหลังนัก?”

เย่หยวนชิวพยายามประคองร่างกายสั่นเทาของตัวเองขึ้นมา แม้ว่าใบหน้าด้านหนึ่งของเขาจะฟกช้ำ แต่เขายังคงรักษาสีหน้าแจ่มใสมีสติเช่นอย่างเดิมเอาไว้ได้

หงหุ้ยรุ่นหยวนมีฐานะโดดเด่น สูงส่งจนสามพันหกร้อยตระกูลต้องก้มหัวคารวะ

หากเรื่องการตบหน้าครั้งนี้แพร่สะพัดออกไป

จะไม่เพียงสั่นสะเทือนแค่สามพันหกร้อยตระกูลนี้เท่านั้น

แต่…จะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก!

“จู่เหลาของคนรุ่นหยวน แล้วยังไง?”

ผู้มาเยือหัวเราะเยาะ แล้วปล่อยมีดดาบที่จ่ออยู่ที่คอของเย่หลิงหลงลง

น้ำเสียงของเขาโอหัง เต็มไปด้วยความดูถูก

เย่หลิงหลงงุนงง

เธอมองไปที่ผู้มาเยือนด้วยสายตาหวาดผวา หัวใจของเธอเต้นระส่ำ

ไม่เคยมีใครหยามเกียรติปู่แบบนี้เลย!

แต่สีหน้าของเย่หยวนชิวยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด

“แกได้สิทธิ์นั้น!”

ผู้มาเยือนเก็บมีดดาบลง แล้วนั่งลงเงียบๆ บนโซฟา

จากนั้นจึงยกถ้วยที่มีน้ำชาอยู่ดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่แยแสเย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลง

จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

เกิดเพียงเสียงเย็นเยียบหนึ่งคำที่ดังสนั่นราวฟ้าผ่าก้องสะท้อนเนิ่นนานอยู่ในวิลล่า

“ไสหัวไป!”

จนกระทั่งผู้มาเยือนจากไป

เย่หลิงหลงยังคงสติล่องลอย

เหตุการณ์เมื่อครู่ ทำลายภาพลักษณ์ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาที่เธอเคยรู้จักปู่ของเธอในฐานะผู้สูงศักดิ์ในหงหุ้ย

ครู่ใหญ่

“หลิงหลง เก็บของ กลับบ้านกัน” เย่หยวนชิวกล่าว

เย่หลิงหลงร่างกายสั่นสะท้าน เธอมองไปที่เย่หยวนชิวอย่างประหลาดใจ “คุณปู่คะ คนเมื่อกี้เป็นใครกันแน่”

เย่หยวนชิวยิ้มด้วยสีหน้าซับซ้อน “เขาน่ะหรือ? ตำนานในยุทธภพที่ยังมีลมหายใจเท่านั้นแหละ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset