ตลอดทั้งคืน
เฉินตงพยายามต่อสายถึงกู้ชิงหยิ่งนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ปลายสายยังคงปิดเครื่องอยู่ตลอด
แม้จะเป็นคู่รักที่ผูกพันลึกซึ้งมากที่สุด แต่กู้ชิงหยิ่งกลับต้องเจ็บปวดราวโดนมีดเป็นพันเล่มทิ่มแทงเพราะความเข้าใจผิดเพียงครั้งเดียว
เฉินตงละอายใจราวกับเขาตกลงไปสู่เหวลึก มืดมิดไร้ความหวัง
เมื่อฟ้าเริ่มสาง
ในที่สุดเฉินตงที่ไม่ได้นอนมาตลอดคืนก็วางโทรศัพท์ลงอย่างหมดหวัง
ระบบของโทรศัพท์ยังคงทำงาน เสียงการติดต่อเล็ดลอดออกมาเตือนให้รู้ว่าปลายสายยังคงปิดเครื่องอยู่
เขาถูหน้าตัวเองอย่างแรง จากนั้นจึงลุกขึ้นเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ในห้องอาหาร
กลิ่นหอมลอยคลุ้ง
ท่านหลง คุนหลุนและฟ่านลู่กลับไม่รู้สึกอยากอาหาร
เรื่องราวของเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง กระตุกหัวใจของพวกเขาให้รู้สึกหวาดหวั่น
“คุณเฉินลงมาแล้ว” ฟ่านลู่เอ่ยขึ้น
ท่านหลงกับคุนหลุนรีบลุกขึ้นเพื่อต้อนรับเฉินตง
“กินข้าวกันเถอะ”
เฉินตงไม่พูดอะไรต่อ
ท่านหลงกับคุนหลุนแลกสายตาซึ่งกันและกัน
นี่มันนิ่งสงบเกินไปรึเปล่า
พวกเขาไม่ได้เห็นอารมณ์เศร้าสลดที่พวกเขาคาดการณ์ว่าจะได้เห็น คำพูดปลอบใจที่ท่านหลงกับคุนหลุนเตรียมเอาไว้จึงไม่ได้นำออกมาใช้
แต่ความนิ่งเงียบของเฉินตงกลับทำให้หัวใจของคนทั้งสองกระจุกขึ้นมาอยู่ตรงคอหอย
หลังจากนั่งที่แล้ว
คุนหลุนจึงเอ่ยว่า “คุณชายครับ เย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลงกลับไปแล้ว”
ตอนที่ได้เจอกันบนภูเขาซี่สุ่ย เขาได้ลั่นคำพูดเอาไว้แล้วว่า ถ้าเกิดเรื่องบาดหมางอะไรขึ้นมาระหว่างเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่ง เขาจะต้องกลับไปจัดการเย่หยวนชิวกับเย่หลิงหลง
เมื่อคืนเขาจึงสืบหาที่พักของสองปู่หลานแล้วแอบออกไปกลางดึก
แต่เมื่อไปถึง กลับหาตัวคนไม่พบเสียแล้ว
“อืม” เฉินตงเอ่ยพลางกินข้าวต้ม
อืม?!
ท่านหลง คุนหลุน ฟ่านลู่ต่างพากันชะงักไป
ในสายตาของพวกเขา ปฏิกิริยานิ่งสงบของเฉินตงเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง
ผิดปกติเสียจนทำให้คนทั้งสามรู้สึกกลัว
“คุณชาย…”
ท่านหลงค่อยๆ เอ่ยปาก แต่เฉินตงกลับยกมือขึ้นมาขัดไว้
เฉินตงเช็ดมุมปากแล้วเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ท่านหลง วันนี้ผมจะเดินทางไปที่จุนหลิน กรุ๊ปที่มั่วเป่ย ช่วยผมจัดการหน่อย”
อะไรนะ?!
ท่านหลงและคนทั้งสองพากันแปลกใจ
ฟ่านลู่เอ่ยถามอย่างกระอึกกระอักว่า “ไม่ไปตามเสี่ยวหยิ่งเหรอคะ”
“ต้องเอาเรื่องสำคัญมาก่อน”
เฉินตงส่ายหน้า “เสี่ยวหยิ่งกลับไปพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่ คงจะไม่มีอันตรายอะไร แต่ความปลอดภัยของพ่อกลับยังไม่สามารถยืนยันได้”
ตลอดทั้งคืนที่เขาพยายามติดต่อกู้ชิงหยิ่ง
เขาก็พยายามคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป
กู้ชิงหยิ่งกลับไปกับพ่อตาแม่ยายถือว่าหายห่วงเรื่องความปลอดภัยไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้กู้ชิงหยิ่งกับพ่อตาแม่ยายกำลังโกรธจัด ต่อให้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปก็อาจหาตัวพวกเขาไม่พบ
ในทางกลับกัน การตามหาพ่อต่างหากที่เป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่า
พ่อจะอยู่ที่จุนหลิน กรุ๊ปในมั่วเป่ยหรือไม่นั้นยังเป็นแค่การคาดเดาของเฉินตง เขาจึงต้องรีบพิสูจน์การคาดเดานี้โดยเร็ว
สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องแน่ใจให้ได้ว่าตอนนี้พ่อยังอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย
ถึงแม้ว่าพ่อจะเคยบอกเขาเอาไว้ว่าตนปลอดภัย แต่การที่เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้ยิ่งใหญ่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะกำลังหวาดกลัวบางอย่างอยู่แน่นอน
และสิ่งที่พ่อหวาดกลัวนั้น อาจเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พ่อยอมออกจากสถานที่ที่ปลอดภัยไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยได้
“กระผมจะรีบไปจัดการ” ท่านหลงพยักหน้า
เฉินตงเอ่ยอย่างนิ่งขรึมว่า “คุนหลุนกับท่านหลงเดินทางไปเป็นเพื่อนผม”
คุนหลุนพยักหน้าแล้วขึ้นไปเก็บของด้านบน
จากนั้นเฉินตงจึงมองกลับไปที่ฟ่านลู่ “พี่เสี่ยวลู่ ระหว่างที่พวกเราไม่อยู่นี้ รบกวนช่วยผมติดต่อเสี่ยวหยิ่งด้วย”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณเฉิน” ฟ่านลู่พยักหน้า
สิบนาทีผ่านไป
รถโรลส์-รอยซ์ขับมุ่งหน้าไปยังสนามบินชานเมือง
ระหว่างทางเฉินตงไม่ได้หยุดพัก แถมยังประชุมวิดีโอคอลกับเสี่ยวหม่าและกูหลังเรื่องงานที่บริษัทไท่ติ่งที่ต้องจัดการต่อจากนี้
มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ!
ความผูกพันของสามีภรรยานั้นแน่นแฟ้น บางครั้งอาจเป็นแค่การหยุดเวลาเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น
เฉินตงยังคงจำคำพูดที่แม่กล่าวก่อนจะจากไปได้ นี่คือ…คำสั่งเสียสุดท้ายของแม่
เมื่อถึงสนามบินชานเมือง คนทั้งสามรีบเดินไปตามช่องทางพิเศษของวีไอพีแล้วขึ้นเครื่องบินส่วนตัวออกไป
เฉินตงเหม่อดูกลุ่มก้อนเมฆผ่านหน้าต่าง แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านหลง สถานที่ตั้งของจุนหลิน กรุ๊ปในมั่วเป่ย มีสำนักงานของตระกูลเฉินอยู่บ้างไหม”
“ไม่มีครับ”
ท่านหลงส่ายหน้า “มั่วเป่ยพื้นที่กว้างขวาง บวกกับเศรษฐกิจที่ไม่ดี สำนักงานของตระกูลเฉินจะตั้งอยู่ในเขตเมืองสำคัญๆ เท่านั้น ส่วนตำแหน่งที่จุนหลิน กรุ๊ปตั้งอยู่นั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปตั้งสำนักงานอยู่ที่นั่น”
“เล็กขนาดไหน”
จู่ๆ เฉินตงก็ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
ท่านหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “รวมทั้งนอกตัวเมืองและในตัวเมืองแล้ว มีคนอาศัยอยู่ไม่เกินหนึ่งล้านคนครับ”
“เล็กจริงๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงยิ่งชัดเจนขึ้น
ที่ท่านหลงบอกว่าทั้งในตัวเมืองและนอกตัวเมืองนั้น แสดงว่าในจำนวนคนไม่ถึงหนึ่งล้านคนนี้ รวมคนที่อยู่ในเมืองและยังมีคนที่อยู่ในเขตปกครองด้านตัวนอกเมืองด้วย!
เมืองนี้เล็กของจริง!
“คุณชายมีประเด็นอะไรรึเปล่าครับ” ท่านหลงทำท่าแปลกใจ
เฉินตงขยี้จมูก “ดินแดนที่ไกลหูไกลตาการปกครอง แม้จะเล็กแต่มีทุกอย่างเพียบพร้อม จุนหลิน กรุ๊ปก่อตั้งอยู่ในเมืองเล็กมานานขนาดนี้ คงจะกลายเป็นสถานที่น่าจับตาของเมืองแห่งนี้แล้วล่ะมั้ง”
แววตาของท่านหลงเป็นประกายสว่างวาบ คล้ายเข้าใจทุกอย่างในตอนนั้น
ไม่มีสำนักงานของตระกูลเฉินอยู่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนของตระกูลเฉินคอยสอดส่อง?
นี่ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ!
เมื่อคิดตามทันแล้ว อารมณ์ของท่านหลงจึงพลุ่งพล่านขึ้นมา เขายกมือตบฉาดเข้าที่หน้าผาก “ปัดโธ่ ทำไมกระผมถึงนึกไม่ถึงสถานที่สำคัญอย่างนี้ได้”
“อยู่ที่นี่จริงๆ หรือ”
ละเอียดรอบคอบ。
คุนหลุนเอ่ยถามขึ้นเบาๆ เขาไม่ได้มีความคิดถี่ถ้วนเช่นเดียวกับเฉินตงและท่านหลง
แต่การจะมีตำแหน่งราชาทหารได้นั้น จะใช้เพียงร่างกายกับศิลปะในการต่อสู้แค่นั้นไม่ได้ สติปัญญาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก
“ไปดูเดี๋ยวก็รู้” ท่านหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าจะยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอน แต่แววตาที่เป็นประกายเพราะความตื่นเต้นและอกของเขาที่กระเพื่อมขึ้นลงนั้น คล้ายกำลังจะอธิบายคำตอบทั้งหมดได้
เมื่อเครื่องบินถึงสนามบินก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว
เนื่องจากเมืองที่ตั้งของจุนหลิน กรุ๊ปเล็กมาก แถมยังไม่มีสนามบิน จึงทำให้เฉินตงและพวกต้องลงจอดที่สนามบินในเมืองใหญ่เมืองหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่นั่นมากที่สุด
พวกเขาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการเช่ารถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสคันหนึ่งและขับมุ่งหน้าไปยังเมืองที่ตั้งของจุนหลิน กรุ๊ป
ตลอดทางเห็นแต่ทรายสีเหลืองเวิ้งว้าง สองข้างทางมีเพียงทะเลทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
นานๆ ครั้งกว่าจะมีรถ off road สักคันสองคันแล่นผ่านมา แต่เนื่องจากความกว้างใหญ่ของถนน จึงยังคงให้ความรู้สึกไร้ชีวิตชีวา
ยังดีที่ดวงอาทิตย์ที่มั่วเป่ยตกช้า
ดังนั้นตอนที่เฉินตงและพวกเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้ แม้ว่าจะเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า
“พวกเราหาที่พักกันก่อนเถอะ”
เฉินตงไม่ได้รีบร้อน ในเมื่อมาถึงที่แล้ว การจะไปจุนหลิน กรุ๊ปจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะรู้เรื่องราวจากปากคนแถวนี้ว่าจุนหลิน กรุ๊ปเป็นอย่างไร!
บริษัทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่เกินหนึ่งล้านคน แต่กลับยังได้กำไรในเวลาที่พวกกระเป๋าหนักทำสงครามกันในตลาดหุ้น
ฉะนั้นสำหรับที่นี่ จุนหลิน กรุ๊ปจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
เมื่อดวงตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้าลง
เฉินตงและพวกสามารถหาโรงแรมได้และเอาสัมภาระไปเก็บ จากนั้นจึงกลับขึ้นรถกันอีกครั้ง
คุนหลุนรับหน้าที่คนขับรถจึงถามขึ้นมาว่า “คุณชาย จะไปไหนหรือครับ”
เฉินตงลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ที่เมืองเล็กๆ นี่น่าจะมีร้านเหล้าบ้างล่ะมั้ง”
“ร้านเหล้า?” ท่านหลงประหลาดใจ
จากนั้นใบหน้าดูมีอายุของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ออกมาอย่างรู้ทัน
ส่วนคุนหลุนเองก็หัวเราะจนรถส่าย
เฉินตงยิ้มแล้วมองไปด้านนอกรถ “จะมีที่ไหนที่จะสามารถสืบข่าวได้ดีไปกว่าที่ร้านเหล้าอีกเหรอ?”