“ไม่ต้องการจริงๆ หรอ”
เมื่อเห็นเฉินตงลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป แววตาของหญิงสาวคนนั้นเต็มไปด้วยความเสียดาย
แค่ครั้งเดียวได้ตั้งหนึ่งล้าน สบายกว่าอยู่กับเจิ้งจุนหลินเป็นไหนๆ
จุดสำคัญที่เหมือนกันคือต้องใช้ปาก แต่เจิ้งจุนหลินให้เธอกินเหล้าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ส่วนเฉินตงแค่ให้เธอพูดไม่กี้ประโยค
การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ถือว่าคุ้ม!
เฉินตงกลับไม่ได้สนใจ เอาแต่เดินตรงเข้าไปหาเจิ้งจุนหลิน
คุนหลุนเดินตามหลังเข้าไปติดๆ
ทว่าเดินเข้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เสียงของท่านหลงก็ดังขึ้นตามหลังทันที
“เอา ผมเอา!”
เสียงหัวเราะร่าของท่านหลงดังขึ้น
เฉินตงกับคุนหลุนหยุดเดินทันที
จากนั้นจึงมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นตามหลัง “แต่พี่มีแล้วนี่นา”
“มีแต่เด็กน้อยเท่านั้นที่ต้องเลือกเพียงตัวเลือกเดียว” ท่านหลงหัวเราะเสียงดัง “เอาไปคนละล้าน!”
“คุณชาย จะห้ามท่านหลงไหมครับ” คุนหลุนถามขึ้นอย่างเอือมระอา
เขาเป็นเพื่อนร่วมงานกับท่านหลงและต่างเป็นคนสนิทกับเฉินเต้าหลินทั้งคู่ แต่ความรู้ที่มีต่อท่านหลงนั้น วันนี้ต่างหากที่นับว่ากำแพงได้พังทลายลงอย่างแท้จริง
“ช่างเถอะ เราสองคนก็พอแล้ว”
เฉินตงส่ายหน้า แล้วเดินเข้าไปหาเจิ้งจุนหลิน
ที่โซฟาเลานจ์ สาวน้อยที่มีแต่กลิ่นสุราคลุ้ง กำลังเต้นไปตามจังหวะเพลง
พวกเธอเต้นคลอเคลียอยู่รอบกายเจิ้งจุนหลิน แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชาไม่รู้สึกรู้สา
เมื่อเฉินตงกับคุนหลุนเดินเข้าไปใกล้โซฟาเลานจ์ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงหยุดลง
“ออกไปให้หมด”
คุนหลุนก้าวออกไปข้างหน้า ร่างกายสูงใหญ่ราวกับเสาเหล็กของเขาดูทรงพลัง เมื่อเปล่งเสียงตวาดออกมาทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นตกใจกลัวแล้วเดินหลีกออกไป
เจิ้งจุนหลินเลิกคิ้วขึ้น “แกยุ่งกับของเล่นฉันหรอ”
ของเล่น?
เฉินตงประหลาดใจ มองผู้หญิงพวกนั้นเป็นเพียงของเล่น เลยมีท่าทางไม่รู้สึกรู้สาแบบนั้นน่ะหรือ
“สวัสดี ผมชื่อเฉินตง ยินดีที่ได้รู้จักคุณชายเจิ้ง”
เฉินตงอมยิ้มแล้วยื่นมือขวาออกไป
คุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ป นี่แหละคือตัวละครสำคัญ!
ทว่า
เพี๊ยะ!
เจิ้งจุนหลินยกมือขึ้นตบไปที่หลังมือของเฉินตง
“ไสหัวไป!”
เฉินตงยิ้ม เขาไม่โกรธ
จากนั้นจึงนั่งลงข้างๆ เจิ้งจุนหลิน
สีหน้าเย็นชาของเจิ้งจุนหลินปรากฏความไม่พอใจ เขาเหล่มองเฉินตงแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ฉันให้แกนั่งได้แล้วหรอ”
“ถ้าผมจะนั่ง ไม่มีใครกล้าห้ามผมไม่ให้นั่ง” เฉินตงโต้กลับเสียงแข็ง
ท่าทางของเขาหยิ่งผยองและแข็งกร้าว
สายตาของเจิ้งจุนหลินเข้มข้นไปด้วยความเดือดดาล
มือทั้งสองกำหมัดแน่น
เขาเป็นคุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ป และเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตเมืองเล็กๆ แห่งนี้
ไม่ว่าใครต่างก็ต้องก้มหัวให้เขาทั้งนั้น
เจิ้งจุนหลินที่หยิ่งผยองเสียจนเคยตัวเอ่ยเสียงทุ้มลึกว่า “วันนี้ฉันกำลังอารมณ์เสียอยู่พอดี นี่เป็นครั้งที่สองที่เจอคนกล้าหาเรื่องกับฉัน ไปให้พ้นภายในสามวินาที ไม่งั้นฉันจะทำให้แกต้องคลานออกไปจากบาร์นี้”
“สามวินาที?”
เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ผมขอแค่วินาทีเดียวก็ทำให้คุณคลานออกไปได้แล้ว”
อะไรนะ?!
เจิ้งจุนหลินเริ่มกระสับกระส่าย
และแทบจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เขารู้สึกว่าแสงสีวิบไหวตรงหน้าตัวเองค่อยๆ มืดดับลง
มีเงาร่างใหญ่บึกบึนราวภูเขาสูงเข้ามายืนขวางอยู่ตรงหน้าเขา
มือใหญ่ราวกับใบลานฟาดลงมาทันที
ตุ้บ!
เจิ้งจุนหลินโดนฝ่ามือตบเข้าใส่หน้าอย่างแรง ใบหน้าด้านหนึ่งของเขาบวมแดงขึ้นในทันที เขาหลับตาแล้วหมดสติลงบนที่นั่ง
“แบกออกไป”
เฉินตงลุกขึ้นแล้วเดินนำออกจากบาร์ไปเงียบๆ
เขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ มันหนวกหูเกินไป
ถ้าคุยที่นี่ เขาจะไม่ค่อยมีสมาธิมากนัก
คุนหลุนแบกเจิ้งจุนหลินเดินตามเฉินตงออกไป ราวกับไม่ได้แบกอะไร
ภายในบาร์เวลานี้ เสียงดนตรีดังสนั่นหู แสงไฟมืดสลัวสุดขีด
ดังนั้นเฉินตงและพวกจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครมากนัก
เมื่อออกจากบาร์มาแล้ว เฉินตงก็บิดเนื้อบิดตัวแล้วถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ
“ขอสงบๆ แบบข้างนอกดีกว่า”
และในตอนนั้นเอง การ์ดของบาร์สองสามคนก็เดินออกมา
“พี่ชาย รู้จักคุณชายเจิ้งด้วยหรอครับ”
เจิ้งจุนหลินเป็นนายทุนของบาร์แห่งนี้ ตอนนี้เมื่อโดนคนลากออกมาแบบนี้ การ์ดจึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้
“เขาเป็นน้องชายคนเล็กของผม ดื่มเยอะเกินไป ผมก็เลยพาเขาออกมาพักบนรถ”
เฉินตงพูดด้วยท่าทีสบายๆ คุนหลุนกลับมีท่าทีแข็งกร้าว ความน่าเกรงกลัวที่ไร้รูปร่างแผ่ออกไปถึงการ์ดเหล่านั้น
การ์ดเหล่านั้นเกิดอาการหวาดผวา แต่ก็ไม่กล้าที่จะผละทิ้งไป ได้แต่เดินตามเฉินตงกับคุนหลุนออกไปยังหน้ารถ
“คุนหลุน เอาเขาเข้ามาในรถ แล้วรออยู่ด้านนอก”
เฉินตงแทรกตัวเข้าไปในรถเงียบๆ ก่อน
เมื่อการ์ดเห็นคุนหลุนเอาเจิ้งจุนหลินเข้าไปในรถ แล้วออกมายืนรออยู่ด้านนอกรถ ความไม่สบายใจของเขาก็ค่อยๆ ลดลง
จากนั้นทยอยถอยหลังออกไปทีละคนเพื่อรักษาระยะห่าง ทำเช่นนี้สามารถคุ้มกันเจิ้งจุนหลินได้ และไม่เป็นการรบกวนเฉินตงด้วย
อีกอย่างคุณชายเจิ้งยังเป็นน้องชายคนเล็กของคนบนรถ ถ้าทำให้คนแบบนี้ไม่พอใจขึ้นมา การ์ดอย่างพวกเขาคงไม่สามารถรับมือไหว
เฉินตงเปิดขวดน้ำแร่แล้วสาดน้ำไปที่หน้าของเจิ้งจุนหลิน
เจิ้งจุนหลินได้สติคืนมา แล้วจ้องไปที่เฉินตงอย่างไม่ไว้วางใจและหวาดกลัว
“แก แกคิดจะทำอะไร ฉันเป็นคุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ป ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน รับรองว่าแกออกไปไม่พ้นเมืองนี้แน่!”
เฉินตงสงบเงียบดังเดิม ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หรือว่าการควบคุมอารมณ์ เขาล้วนอยู่เหนือเจิ้งจุนหลินทั้งสิ้น
การข่มขู่ของเจิ้งจุนหลินที่กำลังหวาดกลัวในตอนนี้ เป็นเพียงเรื่องขำๆ สำหรับเขาเท่านั้น
“ผมเพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่ได้คิดจะกลับอยู่แล้ว” เฉินตงยิ้ม “วางใจได้ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก แค่เห็นว่าคุณดูไม่ค่อยสบายใจ ผมเองก็กำลังไม่สบายใจ เลยพาคุณออกมาคุยกันหน่อย”
คุยกัน?!
เจิ้งจุนหลินงงงวย มีเรื่องอะไรให้คุยกันหรอ มาถึงก็เริ่มตบฉาดเข้าหน้าเขาจนสลบไปแบบนี้?
เขาไม่เชื่อคำพูดของเฉินตง แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“แกอยากจะคุยอะไร?”
เฉินตงขยี้จมูก “คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อย ผมจะได้สบายใจขึ้น”
“แก…..” หน้าของเจิ้งจุนหลินแดงก่ำ เขากัดฟันกรอด
“หรือจะให้ผมตบหน้าคุณอีกสักที ทำอย่างนี้ผมก็สบายใจขึ้นได้เหมือนกัน” เฉินตงง้างมือขวาขึ้น
เจิ้งจุนหลินขมวดคิ้วแน่น แล้วนึกถึงเรื่องที่ตัวเองโดนตบหน้าจนสลบไปเมื่อครู่นี้ ตัวของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นมา
ปลายหางตาของเขาเหลือบออกไปมองเงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอกรถ
จึงอดไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลาย
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงวางท่าจองหองในฐานะคุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ปไปแล้ว
แต่คืนนี้ จิตใจของเขากำลังรู้หนักอึ้งมาก
เมื่อโดนบังคับให้ระบายความในใจออกมา เจิ้งจุนหลินก็ค่อยๆ เอ่ยปากเล่าเรื่องราวออกมาราวกับโดนมนต์สะกด
“พรุ่งนี้เป็นงานฉลองวันเกิดอายุครบห้าสิบปีของพ่อฉัน”
“งานฉลองวันเกิดพ่อคุณ คุณเลยไม่สบายใจเนี่ยนะ”
เฉินตงมองเจิ้งจุนหลินอย่างข้องใจ ลูกเนรคุณชัดๆ
เจิ้งจุนหลินส่ายหน้า “นายไม่เข้าใจความทุกข์ใจของคนรวยหรอก”
เขาเอนตัวพิงเก้าอี้ แล้วเอามือลูบหน้าตัวเองเพื่อให้สร่างเมาขึ้นบ้าง เขามองแสงไฟนอกหน้าต่างแล้วบ่นอย่างหมองหม่น
“ทุกคนต่างมองเห็นภายนอกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งของจุนหลิน กรุ๊ปดูสง่างาม แต่พวกเขาไม่เข้าใจหรอกว่าในครอบครัวของฉัน การเป็นคุณชายใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะได้สืบทอดจุนหลิน กรุ๊ป”
“ในตระกูลของพวกเรา ต่อให้เป็นแค่เครือญาติ แต่ถ้ามีความสามารถก็สามารถเอาชนะคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งได้และกลายเป็นคนบริหารกรุ๊ปได้ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สถานะคุณชายใหญ่ของฉันอันที่จริงแล้วต่ำต้อยมาก”
“ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคือผู้สืบทอด?”
ในใจของเฉินตงสะท้าน วิธีการเช่นนี้คล้ายกับตระกูลเฉินมากทีเดียว
พ่อ!
สิ่งที่เขาคาดเดาอยู่ในใจเริ่มเข้มข้นขึ้นมา
เฉินตงพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตัวเองแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “ดังนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง อันที่จริงแล้วไร้ความสามารถ และโดนเครือญาติในตระกูลเจิ้งและจุนหลิน กรุ๊ปกดดันอย่างหนัก”