Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 432 ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคือผู้สืบทอด

“ไม่ต้องการจริงๆ หรอ”

เมื่อเห็นเฉินตงลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป แววตาของหญิงสาวคนนั้นเต็มไปด้วยความเสียดาย

แค่ครั้งเดียวได้ตั้งหนึ่งล้าน สบายกว่าอยู่กับเจิ้งจุนหลินเป็นไหนๆ

จุดสำคัญที่เหมือนกันคือต้องใช้ปาก แต่เจิ้งจุนหลินให้เธอกินเหล้าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ส่วนเฉินตงแค่ให้เธอพูดไม่กี้ประโยค

การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ถือว่าคุ้ม!

เฉินตงกลับไม่ได้สนใจ เอาแต่เดินตรงเข้าไปหาเจิ้งจุนหลิน

คุนหลุนเดินตามหลังเข้าไปติดๆ

ทว่าเดินเข้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เสียงของท่านหลงก็ดังขึ้นตามหลังทันที

“เอา ผมเอา!”

เสียงหัวเราะร่าของท่านหลงดังขึ้น

เฉินตงกับคุนหลุนหยุดเดินทันที

จากนั้นจึงมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นตามหลัง “แต่พี่มีแล้วนี่นา”

“มีแต่เด็กน้อยเท่านั้นที่ต้องเลือกเพียงตัวเลือกเดียว” ท่านหลงหัวเราะเสียงดัง “เอาไปคนละล้าน!”

“คุณชาย จะห้ามท่านหลงไหมครับ” คุนหลุนถามขึ้นอย่างเอือมระอา

เขาเป็นเพื่อนร่วมงานกับท่านหลงและต่างเป็นคนสนิทกับเฉินเต้าหลินทั้งคู่ แต่ความรู้ที่มีต่อท่านหลงนั้น วันนี้ต่างหากที่นับว่ากำแพงได้พังทลายลงอย่างแท้จริง

“ช่างเถอะ เราสองคนก็พอแล้ว”

เฉินตงส่ายหน้า แล้วเดินเข้าไปหาเจิ้งจุนหลิน

ที่โซฟาเลานจ์ สาวน้อยที่มีแต่กลิ่นสุราคลุ้ง กำลังเต้นไปตามจังหวะเพลง

พวกเธอเต้นคลอเคลียอยู่รอบกายเจิ้งจุนหลิน แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชาไม่รู้สึกรู้สา

เมื่อเฉินตงกับคุนหลุนเดินเข้าไปใกล้โซฟาเลานจ์ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงหยุดลง

“ออกไปให้หมด”

คุนหลุนก้าวออกไปข้างหน้า ร่างกายสูงใหญ่ราวกับเสาเหล็กของเขาดูทรงพลัง เมื่อเปล่งเสียงตวาดออกมาทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นตกใจกลัวแล้วเดินหลีกออกไป

เจิ้งจุนหลินเลิกคิ้วขึ้น “แกยุ่งกับของเล่นฉันหรอ”

ของเล่น?

เฉินตงประหลาดใจ มองผู้หญิงพวกนั้นเป็นเพียงของเล่น เลยมีท่าทางไม่รู้สึกรู้สาแบบนั้นน่ะหรือ

“สวัสดี ผมชื่อเฉินตง ยินดีที่ได้รู้จักคุณชายเจิ้ง”

เฉินตงอมยิ้มแล้วยื่นมือขวาออกไป

คุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ป นี่แหละคือตัวละครสำคัญ!

ทว่า

เพี๊ยะ!

เจิ้งจุนหลินยกมือขึ้นตบไปที่หลังมือของเฉินตง

“ไสหัวไป!”

เฉินตงยิ้ม เขาไม่โกรธ

จากนั้นจึงนั่งลงข้างๆ เจิ้งจุนหลิน

สีหน้าเย็นชาของเจิ้งจุนหลินปรากฏความไม่พอใจ เขาเหล่มองเฉินตงแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ฉันให้แกนั่งได้แล้วหรอ”

“ถ้าผมจะนั่ง ไม่มีใครกล้าห้ามผมไม่ให้นั่ง” เฉินตงโต้กลับเสียงแข็ง

ท่าทางของเขาหยิ่งผยองและแข็งกร้าว

สายตาของเจิ้งจุนหลินเข้มข้นไปด้วยความเดือดดาล

มือทั้งสองกำหมัดแน่น

เขาเป็นคุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ป และเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ไม่ว่าใครต่างก็ต้องก้มหัวให้เขาทั้งนั้น

เจิ้งจุนหลินที่หยิ่งผยองเสียจนเคยตัวเอ่ยเสียงทุ้มลึกว่า “วันนี้ฉันกำลังอารมณ์เสียอยู่พอดี นี่เป็นครั้งที่สองที่เจอคนกล้าหาเรื่องกับฉัน ไปให้พ้นภายในสามวินาที ไม่งั้นฉันจะทำให้แกต้องคลานออกไปจากบาร์นี้”

“สามวินาที?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ผมขอแค่วินาทีเดียวก็ทำให้คุณคลานออกไปได้แล้ว”

อะไรนะ?!

เจิ้งจุนหลินเริ่มกระสับกระส่าย

และแทบจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เขารู้สึกว่าแสงสีวิบไหวตรงหน้าตัวเองค่อยๆ มืดดับลง

มีเงาร่างใหญ่บึกบึนราวภูเขาสูงเข้ามายืนขวางอยู่ตรงหน้าเขา

มือใหญ่ราวกับใบลานฟาดลงมาทันที

ตุ้บ!

เจิ้งจุนหลินโดนฝ่ามือตบเข้าใส่หน้าอย่างแรง ใบหน้าด้านหนึ่งของเขาบวมแดงขึ้นในทันที เขาหลับตาแล้วหมดสติลงบนที่นั่ง

“แบกออกไป”

เฉินตงลุกขึ้นแล้วเดินนำออกจากบาร์ไปเงียบๆ

เขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ มันหนวกหูเกินไป

ถ้าคุยที่นี่ เขาจะไม่ค่อยมีสมาธิมากนัก

คุนหลุนแบกเจิ้งจุนหลินเดินตามเฉินตงออกไป ราวกับไม่ได้แบกอะไร

ภายในบาร์เวลานี้ เสียงดนตรีดังสนั่นหู แสงไฟมืดสลัวสุดขีด

ดังนั้นเฉินตงและพวกจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครมากนัก

เมื่อออกจากบาร์มาแล้ว เฉินตงก็บิดเนื้อบิดตัวแล้วถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ

“ขอสงบๆ แบบข้างนอกดีกว่า”

และในตอนนั้นเอง การ์ดของบาร์สองสามคนก็เดินออกมา

“พี่ชาย รู้จักคุณชายเจิ้งด้วยหรอครับ”

เจิ้งจุนหลินเป็นนายทุนของบาร์แห่งนี้ ตอนนี้เมื่อโดนคนลากออกมาแบบนี้ การ์ดจึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้

“เขาเป็นน้องชายคนเล็กของผม ดื่มเยอะเกินไป ผมก็เลยพาเขาออกมาพักบนรถ”

เฉินตงพูดด้วยท่าทีสบายๆ คุนหลุนกลับมีท่าทีแข็งกร้าว ความน่าเกรงกลัวที่ไร้รูปร่างแผ่ออกไปถึงการ์ดเหล่านั้น

การ์ดเหล่านั้นเกิดอาการหวาดผวา แต่ก็ไม่กล้าที่จะผละทิ้งไป ได้แต่เดินตามเฉินตงกับคุนหลุนออกไปยังหน้ารถ

“คุนหลุน เอาเขาเข้ามาในรถ แล้วรออยู่ด้านนอก”

เฉินตงแทรกตัวเข้าไปในรถเงียบๆ ก่อน

เมื่อการ์ดเห็นคุนหลุนเอาเจิ้งจุนหลินเข้าไปในรถ แล้วออกมายืนรออยู่ด้านนอกรถ ความไม่สบายใจของเขาก็ค่อยๆ ลดลง

จากนั้นทยอยถอยหลังออกไปทีละคนเพื่อรักษาระยะห่าง ทำเช่นนี้สามารถคุ้มกันเจิ้งจุนหลินได้ และไม่เป็นการรบกวนเฉินตงด้วย

อีกอย่างคุณชายเจิ้งยังเป็นน้องชายคนเล็กของคนบนรถ ถ้าทำให้คนแบบนี้ไม่พอใจขึ้นมา การ์ดอย่างพวกเขาคงไม่สามารถรับมือไหว

เฉินตงเปิดขวดน้ำแร่แล้วสาดน้ำไปที่หน้าของเจิ้งจุนหลิน

เจิ้งจุนหลินได้สติคืนมา แล้วจ้องไปที่เฉินตงอย่างไม่ไว้วางใจและหวาดกลัว

“แก แกคิดจะทำอะไร ฉันเป็นคุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ป ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน รับรองว่าแกออกไปไม่พ้นเมืองนี้แน่!”

เฉินตงสงบเงียบดังเดิม ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หรือว่าการควบคุมอารมณ์ เขาล้วนอยู่เหนือเจิ้งจุนหลินทั้งสิ้น

การข่มขู่ของเจิ้งจุนหลินที่กำลังหวาดกลัวในตอนนี้ เป็นเพียงเรื่องขำๆ สำหรับเขาเท่านั้น

“ผมเพิ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่ได้คิดจะกลับอยู่แล้ว” เฉินตงยิ้ม “วางใจได้ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก แค่เห็นว่าคุณดูไม่ค่อยสบายใจ ผมเองก็กำลังไม่สบายใจ เลยพาคุณออกมาคุยกันหน่อย”

คุยกัน?!

เจิ้งจุนหลินงงงวย มีเรื่องอะไรให้คุยกันหรอ มาถึงก็เริ่มตบฉาดเข้าหน้าเขาจนสลบไปแบบนี้?

เขาไม่เชื่อคำพูดของเฉินตง แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

“แกอยากจะคุยอะไร?”

เฉินตงขยี้จมูก “คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อย ผมจะได้สบายใจขึ้น”

“แก…..” หน้าของเจิ้งจุนหลินแดงก่ำ เขากัดฟันกรอด

“หรือจะให้ผมตบหน้าคุณอีกสักที ทำอย่างนี้ผมก็สบายใจขึ้นได้เหมือนกัน” เฉินตงง้างมือขวาขึ้น

เจิ้งจุนหลินขมวดคิ้วแน่น แล้วนึกถึงเรื่องที่ตัวเองโดนตบหน้าจนสลบไปเมื่อครู่นี้ ตัวของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นมา

ปลายหางตาของเขาเหลือบออกไปมองเงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอกรถ

จึงอดไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลาย

หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงวางท่าจองหองในฐานะคุณชายใหญ่ของจุนหลิน กรุ๊ปไปแล้ว

แต่คืนนี้ จิตใจของเขากำลังรู้หนักอึ้งมาก

เมื่อโดนบังคับให้ระบายความในใจออกมา เจิ้งจุนหลินก็ค่อยๆ เอ่ยปากเล่าเรื่องราวออกมาราวกับโดนมนต์สะกด

“พรุ่งนี้เป็นงานฉลองวันเกิดอายุครบห้าสิบปีของพ่อฉัน”

“งานฉลองวันเกิดพ่อคุณ คุณเลยไม่สบายใจเนี่ยนะ”

เฉินตงมองเจิ้งจุนหลินอย่างข้องใจ ลูกเนรคุณชัดๆ

เจิ้งจุนหลินส่ายหน้า “นายไม่เข้าใจความทุกข์ใจของคนรวยหรอก”

เขาเอนตัวพิงเก้าอี้ แล้วเอามือลูบหน้าตัวเองเพื่อให้สร่างเมาขึ้นบ้าง เขามองแสงไฟนอกหน้าต่างแล้วบ่นอย่างหมองหม่น

“ทุกคนต่างมองเห็นภายนอกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งของจุนหลิน กรุ๊ปดูสง่างาม แต่พวกเขาไม่เข้าใจหรอกว่าในครอบครัวของฉัน การเป็นคุณชายใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะได้สืบทอดจุนหลิน กรุ๊ป”

“ในตระกูลของพวกเรา ต่อให้เป็นแค่เครือญาติ แต่ถ้ามีความสามารถก็สามารถเอาชนะคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งได้และกลายเป็นคนบริหารกรุ๊ปได้ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สถานะคุณชายใหญ่ของฉันอันที่จริงแล้วต่ำต้อยมาก”

“ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคือผู้สืบทอด?”

ในใจของเฉินตงสะท้าน วิธีการเช่นนี้คล้ายกับตระกูลเฉินมากทีเดียว

พ่อ!

สิ่งที่เขาคาดเดาอยู่ในใจเริ่มเข้มข้นขึ้นมา

เฉินตงพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตัวเองแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “ดังนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง อันที่จริงแล้วไร้ความสามารถ และโดนเครือญาติในตระกูลเจิ้งและจุนหลิน กรุ๊ปกดดันอย่างหนัก”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset