Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 435 ไร้ความสามารถและคลุ้มคลั่ง

เฉินตงมีสีหน้าเรียบเฉย เขามองไปยังประตูใหญ่ของโถงด้านใน

ตอนนี้มีวัยรุ่นท่าทางน่าเกรงขามคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามายังลานด้านในโดยมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง

วัยรุ่นคนนี้น่าจะมีอายุมากกว่าเจิ้งจุนหลินสองถึงสามปี ใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกถึงความดุดัน ดวงตาของเขาเป็นประกายระยับ

ด้านหลังของเขายังมีวัยรุ่นสองคนเดินตามมาติดๆ

เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็ยกมือขึ้นทำท่าคารวะแขกเหรื่อที่ยืนต้อนรับอยู่ในงาน

บรรยากาศดูยิ่งใหญ่กว่าตอนที่เจิ้งจุนหลินมาถึงมากทีเดียว

แถมเฉินตงยังรู้สึกชัดเจนด้วยว่า ท่าทางของแขกในงานที่มีต่อคนทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน

สำหรับเจิ้งจุนหลินนั้น ทุกคนต้องฝืนใจทำเพราะฐานะของเขา

แต่สำหรับจุนเซี่ยนที่กำลังเดินเข้ามาอยู่นี้ ทุกคนแสดงออกด้วยความนับถือในตัวเขา!

“เจิ้งจุนเซี่ยนเป็นเด็กหนุ่มในตระกูลเจิ้งของเรา ความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่น ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตพ่อของฉันคงยกตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลให้เขา”

เจิ้งจุนหลินบีบถ้วยน้ำชาในมือแน่น แล้วกัดฟันกล่าวประโยคนี้ออกมา

น้ำเสียงของเขาแสดงความไม่พอใจและคับแค้นอย่างชัดเจน

“ส่วนอีกสามคนที่อยู่ข้างหลังเขา ก็เป็นเครือญาติที่มีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นเช่นกัน”

เฉินตงเพียงยิ้มออกมา แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร

หลังจากเจิ้งจุนเซี่ยนกับพวกเดินเข้ามาแล้ว

เสียงพูดคุยรอบๆ ตัวก็ได้เปลี่ยนจากเรื่องของเฉินตงกับเจิ้งจุนหลินไปเป็นเรื่องของเจิ้งจุนเซี่ยนแทน

“คุณชายจุนเซี่ยนเปรียบเหมือนมังกร ท่าทางของเขาโดดเด่น บุคลิกของเขาคือบุคลิกของคนที่เป็นผู้นำของตระกูล”

“น่าเสียดายเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งทั้งฉลาดทั้งมีความสามารถ แต่กลับได้ลูกไร้ความสามารถ น่าเศร้าจริงๆ”

“อย่าเอาเจิ้งจุนหลินไปเปรียบกับเจิ้งจุนเซี่ยนเลย แค่เปรียบกับคนสองสามคนด้านหลังเขาก็เทียบไม่ติดแล้ว”

……

เสียงวิจารณ์ที่ดังขึ้นรอบๆ ทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนยิ้มออกมา

ส่วนเจิ้งจุนหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉินตงก็กำลังยิ้มอยู่เช่นกัน

แต่รอยยิ้มนี้ เต็มไปด้วยความขมขื่น

เขาเลิกคิ้วมองเฉินตง “คุณชายใหญ่อย่างฉันดูต่ำต้อยมากเลยใช่ไหม”

“ออกจะเป็นอย่างนั้น”

เฉินตงไม่ปิดบัง

วิธีการในการเลือกเจ้าบ้านของตระกูลเฉินกับตระกูลเจิ้งแทบจะไม่ต่างกันเลย

เจิ้งจุนหลินเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเจิ้ง ส่วนเขาก็ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านเฉินเช่นกัน

แม้ว่าสิ่งที่ทั้งสองต้องเจอจะคล้ายกัน แต่นิสัยกลับไม่เหมือนกัน

เฉินตงตบไหล่เจิ้งจุนหลิน ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “เข้าใจคำว่าสติปัญญามนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้ไหม ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเองโดยไม่พยายามทำอะไรเลย แล้วจะไปโทษฟ้าดินได้ยังไง”

เจิ้งจุนหลินสั่นสะท้าน แววตาของเขาล่องลอย

เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา “ในเมื่อใช้วิธีคัดเลือกผู้แข็งแกร่งเป็นผู้สืบทอด แล้วทำไมคุณต้องยึดติดกับฐานะของตัวเอง แทนที่จะไปคิดวิธีเอาชนะเพื่อให้ได้เป็นผู้กุมอำนาจเสียเอง”

สายตาของเจิ้งจุนหลินเวิ้งว้างล่องลอย มือขวาของเขาปล่อยแก้วชาลง

“เป็นเพราะฐานะคุณชายใหญ่ของตัวเอง เลยคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องตกเป็นของตน และคิดแค้นคนที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าตน แต่คุณเคยถามตัวเองไหมว่าถ้าคุณได้เป็นเจ้าบ้านขึ้นมาจริงๆ คุณจะเป็นได้นานแค่ไหน”

“ทำไมนายต้องพูดเรื่องนี้กับฉันด้วย” เจิ้งจุนหลินถาม

เฉินตงอมยิ้ม “ผมเหมือนกับคุณ และก็มีบางอย่างไม่เหมือนกับคุณ ผมไม่เคยโทษฟ้าโทษดินว่าไม่ยุติธรรม ดังนั้นผมเลยขยี้พวกเขาแหลกคาพื้น แต่คุณกลับฝืนทนเสียงหัวเราะเยาะ และทำได้แค่ใช้รอยยิ้มตอบโต้”

แววตาเวิ้งว้างของเจิ้งจุนหลินหายไป มือทั้งสองของเขากำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นหลังมือปูดโปนออกมา

และในตอนนั้น

น้ำเสียงแข็งกร้าวดังแทรกขึ้นมา

“เจิ้งจุนหลิน แกไม่รู้จักกฎระเบียบบ้างเลยหรือไง”

เจิ้งจุนเซี่ยน!

เจิ้งจุนหลินหรี่ตา อารมณ์กระสับกระส่ายในใจเริ่มสงบลง จากนั้นจึงค่อยๆ หันไปมองเจิ้งจุนเซี่ยนและพวก

“กฎอะไร”

เฉินตงก็หันไปมองเจิ้งจุนเซี่ยนเงียบๆ

ตอนนี้เจิ้งจุนเซี่ยนมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ท่าทางของเขาแข็งกร้าวกดขี่เจิ้งจุนหลิน

คำพูดและท่าทางของเขาแสดงไม่แสดงออกถึงความนับถือ

แม้กระทั่งสายตาของเขา ก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูกอย่างรุนแรง

เจิ้งจุนเซี่ยนยกมือขึ้นชี้พวกเฉินตง “คนสามคนนี้ไงที่ผิดกฎ! แกเป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง กลับไม่รู้จักยางอาย เอาหมาแมวที่ไหนมานั่งโต๊ะวีไอพี?”

สิ้นเสียง

คุนหลุนหน้าตาเย็นเยียบเตรียมจะลุกขึ้นจัดการ

เฉินตงกลับยื่นมือออกไปกดขาคุนหลุนเพื่อห้ามเขาเอาไว้

เจิ้งจุนหลินค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ สีหน้าของเขาโกรธจัด สายตาคมปลาบ

เหตุการณ์เช่นนี้ทำเอาเจิ้งจุนเซี่ยนและพวกทั้งสี่คนตกตะลึงไป

ไอ้สวะตัวนี้เปลี่ยนนิสัยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ภายในโถงด้านใน

สายตาทุกคู่ต่างเพ่งมองมารวมกันอยู่ที่นี่ด้วยความสงสัย

ทุกคนต่างรับรู้ถึงความคุกรุ่นของเชื้อเพลิงได้อย่างชัดเจน

แต่ปฏิกิริยาของเจิ้งจุนหลินกลับทำให้ทุกคนที่รู้จักสถานการณ์ของตระกูลเจิ้งประหลาดใจ

เมื่อก่อนเวลาที่เจิ้งจุนหลินต้องเผชิญหน้าพวกเจิ้งจุนเซี่ยน ท่าทางของเขาจะอ่อนแอขี้ขลาด

“แกยังรู้ด้วยหรอว่าฉันเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน”

เจิ้งจุนหลินแผดเสียงโต้กลับไปทันที “ถ้าปล่อยให้หมาแมวมาสั่งสอนฉัน อย่างนั้นฉันจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งได้อย่างไร”

ห๊า!

ในโถงด้านใน เกิดเสียงโวยวายดังขึ้นมา

เสียงวิจารณ์สนั่นดังอื้ออึงขึ้นมาทันที

“วันนี้เจิ้งจุนหลินเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”

“กฎของตระกูลเจิ้งเป็นแบบนี้อยู่แล้ว วันนี้เจิ้งจุนหลินกินยาผิดหรือยังไง เขาคิดจะทำลายงานวันเกิดพ่อตัวเองหรอ”

……

เจิ้งจุนเซี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเยาะออกมา

“คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง? พอให้ค่าแกก็เรียกตัวเองว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง แกมันคนไร้ความสามารถ เอาแต่พึ่งบารมีของพ่อตัวเอง รอให้เปลี่ยนเจ้าบ้านก่อนเถอะ แกจะยังกล้าโอหังแบบนี้อยู่ไหม”

เมื่อสิ้นเสียง

สามคนที่อยู่ข้างหลังเจิ้งจุนเซี่ยนก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น

“เจิ้งจุนหลิน วันนี้เป็นวันเกิดของพ่อแก แม้พวกเราจะเป็นแค่ญาติ แต่แกทนเห็นพวกเราเก่งกว่าแกไม่ได้น่ะสิ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะคิดจะก่อกวนงานวันเกิดพ่อตัวเองใช่ไหม”

“เจิ้งจุนหลิน ฉันแนะนำให้แกใจเย็นหน่อยนะ ขืนแกทำแบบนี้ ตอนที่พ่อแกออกมาก็ต้องเข้าข้างพวกเราอยู่ดี อย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด!”

“รีบไล่พวกหมาแมวนี่ไปนั่งด้านหลังซะ หรือไม่งั้นแกจะตามไปนั่งข้างหลังด้วยก็ได้ พวกเราจะได้มีที่นั่งมากขึ้น อย่าทำให้พวกเราต้องเสียเวลา”

เจิ้งจุนหลินก้มหน้า มือทั้งสองที่กำหมัดแน่นกำลังสั่นระริก

ความอับอาย ความโกรธ ความไม่ยอม อารมณ์ทุกอย่างแทรกซึมไปทั่วร่าง

เขากัดฟันด้วยสายตาดุดัน จากนั้นจึงชี้ไปที่พวกเฉินตง “พวกเขาเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะดูซิว่าวันนี้ใครจะกล้าไล่เขาไป!”

เพื่อน?

เฉินตงอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะออกมา

“ใครก็ได้มาจับตัวสามคนนี้ออกไป!”

เจิ้งจุนเซี่ยนโบกมือเรียกคนด้วยท่าทางวางโต

ตอนนั้นการ์ดของตระกูลเจิ้งเจ็ดแปดคนจึงเดินล้อมเข้ามา

“พวกแกกล้ารึ!”

เจิ้งจุนหลินตวาดเสียงแข็ง

แต่การ์ดตระกูลเจิ้งกลับไม่มีใครสนใจและเดินหน้าเข้ามา

เหตุการณ์นี้ทำให้เจิ้งจุนหลินกัดฟันแน่น และก็ยิ่งทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ

ตอนที่เจิ้งจุนหลินที่กำลังเดือดดาลเตรียมจะด่ากราดออกมานั้น

ปลายหางตาก็หันไปเห็นคนสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้ามา

“เพี๊ยะ!”

เสียงตบหน้าดังก้องกังวาน

ชายสูงวัยคนนั้นตำหนิออกมา “คนไร้ค่าอย่างแก วันๆ เอาแต่พึ่งใบบุญที่ตัวเองเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งก็แย่พออยู่แล้ว วันนี้งานวันเกิดของพ่อแกแท้ๆ แกยังคิดจะก่อเรื่องอีกหรือไง น้ำเสียงแบบนี้คือน้ำเสียงที่แกใช้พูดกับพวกของเจิ้งจุนเซี่ยนรึ”

“คุณปู่สาม!”

ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินมึนงง แก้มของเขากำลังส่งความรู้สึกเจ็บแสบ

ทว่าในตอนนั้น

มีมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของเจิ้งจุนหลิน

“ช่างเถอะ พวกเราสามคนจะไปนั่งด้านหลังก็ได้ อีกเดี๋ยว พวกเขาก็คงเชิญพวกเรากลับมาเอง”

ทุกคนต่างชะงักไป

พวกเจิ้งจุนเซี่ยนระเบิดหัวเราะออกมา

หมอนี้คงเป็นพวกตัวตลกล่ะมั้ง

คิดว่าพึ่งพาคนอย่างคุณชายใหญ่อย่างเจิ้งจุนหลินแล้วจะได้เปลี่ยนจากนกเป็นหงส์หรือยังไง

แม้แต่แขกที่อยู่รอบๆ ก็พากันหัวเราะขบขันอย่างดูแคลน

เฉินตงไม่ใส่ใจเจิ้งจุนหลิน

และพาคุนหลุนกับท่านหลงเดินไปข้างหลัง

ในสายตาของเขา เจิ้งจุนหลินเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนคลุ้มคลั่งเสียสติ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อะไรได้เลย

และมีแต่จะยิ่งทำให้แขกในงานหัวเราะเยาะเท่านั้น

เขามาเพื่อสืบข่าวของพ่อ

เพื่อจะได้รู้ว่าพ่อที่หายตัวไปของเขามาอยู่ที่จุนหลิน กรุ๊ปหรือไม่

หากเผยฐานะของตัวเองออกมาเพื่อแก้ปัญหาเล็กๆ แค่นี้ อย่างไรตระกูลเจิ้งก็ต้องเชิญเขาไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีอยู่ดี

เพราะจุนหลิน กรุ๊ปของตระกูลเจิ้ง เดินหน้าได้เพราะใช้ชื่อเสียงของเขาจนกินอิ่มแปล้ในตลาดหุ้น

ทว่า

เดินไปได้เพียงสองก้าว

เสียงหัวเราะเยาะของเจิ้งจุนเซี่ยนก็ดังขึ้นตามหลังมา

“ฮ่าๆ เชิญแกหรอ? คนอย่างเจิ้งจุนเซี่ยนคงไม่ตกต่ำถึงขั้นเชิญสุนัขมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยหรอก”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset