แต่ไม่มีใครสังเกตทันเห็นว่าเจ้าบ้านเจิ้งรับโทรศัพท์
เพราะความสนใจของทุกคนพุ่งตรงไปที่เฉินตงกับเจิ้งจุนเซี่ยน
เวลานี้ทุกคนต่างเห็นว่าใบหน้าของเจิ้งจุนเซี่ยนเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเชื้อเพลิงที่กำลังจะปะทุ
เฉินตงหันไปสบตาเจิ้งจุนเซี่ยนแล้วค่อยๆ หรี่ตาลง
ส่วนท่านหลงกับคุนหลุนที่อยู่ข้างกายเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
คุณชายของตนถูกเครือญาติของคุณชายของที่อยู่เมืองห่างไกลความเจริญหยามเกียรติ
“เจิ้งจุนเซี่ยน แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าวันนี้แกยุ่งกับเพื่อนฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”
เจิ้งจุนหลินเกรี้ยวกราดขึ้นแล้วยกมือขึ้นไปดึงมือของเจิ้งจุนเซี่ยนที่วางอยู่บนไหล่
เพี๊ยะ!
เจิ้งจุนเซี่ยนเอามือของตนปัดมือของเจิ้งจุนหลินออก
อย่างรุนแรง
เจิ้งจุนหลินขมวดคิ้วแน่น มือของเขาบวมแดงขึ้นมาในทันที
ส่วนลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆที่ล้อมเจิ้งจุนเซี่ยนอยู่ก็ก้าวออกไปข้างหน้า ไปยืนขนาบข้างเจิ้งจุนหลินแล้วผลักเจิ้งจุนหลินไปข้างหลังสองก้าวอย่างเสียมารยาทโดยไม่สนใจรอบข้าง
ในความคิดของพวกเขา ขอแค่มีกฎของตระกูลเจิ้งอยู่
คุณชายใหญ่อย่างเจิ้งจุนหลินก็ไม่มีค่าอะไรให้พวกเขาต้องกลัว
เพราะแม้แต่เจ้าบ้านเองก็ไม่สนใจลูกชายที่ไร้ประโยชน์คนนี้
เจิ้งจุนหลินพยายามโต้ตอบ แต่สู้แรงของคนสามคนไม่ได้
“พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”
เจิ้งจุนเซี่ยนหันมามองเจิ้งจุนหลินอย่างดูแคลนแล้วหัวเราะอย่างไร้ความรู้สึก “จุนหลิน อย่าคิดว่าเพื่อนของแกสำคัญนักเลย คนสามคนนี้คงจะรู้จักแกได้ไม่นานล่ะมั้ง พวกเพื่อนเสเพลแบบนี้แกยังอุตส่าห์เอาพวกเขามานั่งที่โต๊ะวีไอพี คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งอย่างแกไม่รู้จักมารยาทธรรมเนียมบ้างเลยหรือไง!”
คงไม่มีใครคาดคิดว่าลูกพี่ลูกน้องจะกล้าต่อว่าลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้
ภายในโถงด้านใน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา หยุดลงในทันที
ทุกสายตาต่างมาหยุดรวมกันอยู่ที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ประตูบานนี้
มีทั้งประหลาดใจ เห็นเป็นเรื่องสนุกและเฝ้ามองอย่างเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไร…
“ธรรมเนียม?”
มีเสียงหนึ่งกล่าวล้อเลียนขึ้น
เจิ้งจุนเซี่ยนขมวดคิ้วแน่นจนปรากฏรอยย่น เขาหันหน้าขวับมาจ้องเฉินตงอย่างมาดร้าย
เฉินตงหรี่ตา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความหนาวสะท้าน
สายตาที่ใช้มองเจิ้งจุนเซี่ยนราวกับมองตัวตลก
“คุณเอาความกล้าหาญมาจากไหนถึงนับว่าฉันกับจุนหลินเป็นพวกเสเพลย์ คุณไม่มีคุณสมบัติในการเป็นคนใช้คอยยกเท้าให้ฉันด้วยซ้ำ การที่ฉันมาร่วมงานตระกูลเจิ้งได้ถือว่าเป็นเกียรติของตระกูลเจิ้งมากแล้ว!”
เปรี้ยง!
คำพูดนี้ราวกับเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น
เจิ้งจุนหลินขนหัวลุกแล้วมองไปที่เฉินตงอย่างหวาดๆ
“นายพูดแบบนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
การที่เฉินตงพูดแบบนี้ในสถานการณ์ตอนนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เจิ้งจุนเซี่ยนลงไม้ลงมือได้เลย!
และก็เป็นอย่างที่คาดไว้!
เจิ้งจุนเซี่ยนฟิวส์ขาด “มาจับหมาสามตัวนี้โยนออกไปเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้น การ์ดของตระกูลเจิ้งก็รุมทึ้งเข้ามาราวฝูงผึ้ง
ในเมืองนี้ ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลมั่งคั่งที่ไม่มีอะไรต้องกลัว
สูงส่งอยู่เหนือคนอื่น มองข้ามหัวประชาชน
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่สะเทือนไปทั้งเมือง
คนนอกที่มาร่วมงานกลับพูดจาสามหาวเช่นนี้ จะให้ตระกูลเจิ้งเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
และแทบจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน
ท่านหลงกับคุนหลุนเขยิบตัวไปด้านข้างเพื่อปกป้องเฉินตงเอาไว้ซ้ายขวา เผชิญหน้ากับการ์ดที่มีท่าทางดุดันเหล่านั้น
“แกอยากรนหาที่ตายเอง!”
เจิ้งจุนเซี่ยนแผดเสียง แล้วง้างมือเล็งไปที่เฉินตง
“หยุดเดี๋ยวนี้เจิ้งจุนเซี่ยน!”
เจิ้งจุนหลินรู้สึกเดือดดาลที่ได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้
หมัดนี้ของเจิ้งจุนเซี่ยนไม่เพียงต้องการจะทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการเหยียบหน้าของเจิ้งจุนหลินให้จมดิน
เพราะเขาได้ประกาศให้ทุกคนได้ยินไปทั่วแล้วว่าเฉินตงคือเพื่อนของเขา!
เมื่อสถานการณ์รุนแรง
เฉินตงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตาของเขาปรากฏความอาฆาตแผ่ไปทั่ว
แต่มือทั้งสองข้างเขากลับกำหมัดเอาไว้แน่น
เขาไม่ใส่ใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการลงมือของเจิ้งจุนเซี่ยน
และในตอนที่เฉินตงกำลังจะโต้ตอบกลับไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงคำรามลั่นราวฟ้าพิโรธ
เจิ้งจุนเซี่ยนที่วางท่าหยิ่งผยองสั่นสะท้าน มือของเขาลอยค้างอยู่กลางอากาศ
เขาอาจจะไม่ใส่คำสั่งของเจิ้งจุนหลินได้ แต่เสียงตะโกนสั่งครั้งนี้ เขาจำเป็นต้องเชื่อฟัง
เพราะเสียงคำรามนี้เป็นเสียงของ…เจ้าบ้านเจิ้ง!
“เจ้าบ้าน!”
เจิ้งจุนเซี่ยนมองไปที่เจ้าบ้านเจิ้งอย่างหวาดหวั่น
ในตอนนั้น เฉินตงคลายมือออก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “นายควรขอบคุณเจ้าบ้านของนายนะ ที่มาช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทัน”
“แก……”
เจิ้งจุนเซี่ยนถลึงตาแต่ไม่กล้าไม่เชื่อฟังเจ้าบ้านเจิ้ง
ตอนนี้เจ้าบ้านเจิ้งวางมือถือลงแล้ว ความเมามายที่ปรากฏบนใบหน้าเริ่มเลือนหายไปหลังจากรับโทรศัพท์เพียงครู่เดียว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
ทุกสายกลับจดจ้องไปที่เจ้าบ้านเจิ้งด้วยความสงสัย
รวมทั้งเฉินตงและเจิ้งจุนหลิน
ภายใต้การจับตามองของแขกในงาน
เจ้าบ้านเจิ้งก็เดินอย่างราชสีห์เข้าหยุดตรงหน้าเจิ้งจุนเซี่ยน
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือที่ทำเอาทุกคนต่างไร้คำพูดฟาดไปที่ใบหน้าของเจิ้งจุนเซี่ยนอย่างแรง
เสียงดังก้องราวสายฟ้าฟาด
เจิ้งจุนเซี่ยนโซเซจนหน้าแทบคว่ำลงบนโต๊ะ ตอนนี้เขาทำตัวไม่ถูก
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าบ้านเจิ้งที่เดิมทียืนอยู่อีกฝั่ง จู่ๆ กลับลงมือตบหน้าเจิ้งจุนเซี่ยน
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
คนที่รู้สึกหวาดหวั่นมากกว่าเจิ้งจุนเซี่ยนก็คือ พี่น้องอีกสามคนที่เหลือ พวกเขาต่างเข้าใจว่าเจิ้งจุนเซี่ยนก็คือเจ้าบ้านคนต่อไป
ถ้าพูดตามสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เวลาเช่นนี้เจ้าบ้านเจิ้งควรจะปกป้องศักดิ์ของเจิ้งจุนเซี่ยน วันหน้าหากเจิ้งจุนเซี่ยนรับตำแหน่งเจ้าบ้านแล้วจะได้รักษาอำนาจของตระกูลเจิ้งเอาไว้ได้
การโดนตบหน้าต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้น!
“เจ้าบ้านตบหน้าผมทำไมครับ”
เจิ้งจุนเซี่ยนไม่กล้าสบตาเจ้าบ้านเจิ้งโดยตรง
ทว่าตอนนี้ เจ้าบ้านเจิ้งกลับเมินเฉยใส่เขา
เขามองไปที่เจิ้งจุนหลินด้วยสายตาเป็นประกายที่ไม่หลงเหลือความโกรธอยู่อีก ดวงตาของเขาค่อยๆ ปรากฏไอน้ำบางๆ คลออยู่ในเบ้าตา
เขากล่าวออกมาด้วยริมฝีปากสั่นระริก “ลูกกิเลน……”
เปรี้ยง!
คนในเหตุการณ์ต่างมึนงง
เฉินตงเองก็ชะงักไปเช่นกัน
ลูกกิเลนเป็นคำที่ใช้ชื่นชมลูกชายที่มีความสามารถเหนือคนอื่น
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเอาไว้ใช้ยกย่องผู้อื่น ไม่ค่อยมีใครกล้าใช้คำนี้เรียกลูกของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ในตระกูลเจิ้ง เจิ้งจุนหลินไม่เคยต่อกรกับพวกเจิ้งจุนเซี่ยนได้เลย
สายตาของเฉินตงมองไปที่มือถือของเจ้าบ้านเจิ้งโดยอัตโนมัติ สายตาของเขาวับไหว
“พ่อ เรียกผมว่าอะไรนะ”
เจิ้งจุนหลินสับสน กี่ปีมาแล้ว?
ที่เขาไม่ได้ยินคำชมที่ออกมาจากพ่อของตัวเอง
กล่าวคำว่า ลูกกิเลนต่อหน้าผู้คนในงานเช่นนี้ นี่ถือเป็นคำชมที่สุดยอดแล้ว!
“ดี ดี ดี!”
ดวงตาของเจ้าบ้านเจิ้งคลอไปด้วยน้ำตา เขามองไปยังเจิ้งจุนหลินแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะยิ้มอย่างชื่นชม
จากนั้น ภายใต้การจับจ้องด้วยความแปลกใจของแขกในงาน
เขาก็หันหน้ากลับไปหาเฉินตงแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น “เชิณคุณเฉินไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีครับ ตระกูลเจิ้งของพวกเราดูแลไม่ดี โปรดให้อภัยพวกเราด้วย”
เปรี้ยง!
ภาพเช่นนี้ราวกับค้อนหนักๆ ที่ทุบลงไปบนดวงตาของทุกๆ คน
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เจิ้งจุนหลินตกตะลึง
เจิ้งจุนเซี่ยนและพวกเองก็งงงวยเช่นกัน มีเพียงเสียงอู้อี้อยู่ในหัวของพวกเขา
ทว่าเฉินตงกลับยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ
เขาเงยหน้ามองไปยังด้านในของคฤหาสน์
เมื่อท่านหลงกับคุณหลุนเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในใจของสั่นสะท้าน
“เชิญคุณเฉินนั่งด้านนี้ครับ!”
เจ้าบ้านเจิ้งกล่าวด้วยเสียงอันดังอีกครั้ง คราวนี้เขาก้มหัวลงเล็กน้อยด้วย
หัวใจของเจิ้งจุนเซี่ยนเต้นแรง เขามองไปทางเจ้าบ้านเจิ้งที่เอ่ยอย่างนอบน้อมและค้อมเอวลง ภาพนี้คล้ายเป็นมือหยาบๆ ที่กำลังบีบคอของเขาอยู่ ทำให้เขาหายใจติดขัด
เฉินตงหันกลับมามองเจ้าบ้านเจิ้ง
เขาขยี้จมูกก่อนจะยิ้มอย่างแปลกประหลาด
“ขอโทษด้วยที่เฉินตงไม่สำนึกบุญคุณ เมื่อครู่นี้เจิ้งจุนเซี่ยนผู้นี้บอกเอาไว้ว่า ไม่อนุญาตให้หมาแมวอย่างเราไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย”