Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 439 เขาก็คือความโชคดี

เมื่อคำพูดเช่นนี้หลุดออกไป บรรยากาศมีเพียงความเงียบงัน

รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าบ้านเจิ้งแข็งทื่อ

เจิ้งจุนหลินสติล่องลอย

ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนตอนนี้รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัวราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

เขารู้สึกหายใจติดขัดอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกหมดหวังเวิ้งว้างราวกับตกลงไปในน้ำ

“ท่าน เจ้าบ้าน…”

เจิ้งจุนเซี่ยนเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก ทำลายความเงียบสงัดรอบด้าน

แต่ว่า…

เพี๊ยะ!

เจ้าบ้านเจิ้งยกมือตบหน้าเจิ้งจุนเซี่ยนเต็มแรงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

“คุกเข่าลง ขอโทษคุณเฉินเดี๋ยวนี้!”

น้ำเสียงของเขาราวเสียงฟ้าฟาด ที่ดังสะท้านไปทั่วทั้งงาน

เกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้นภายในโถง

ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เจ้าบ้านเจิ้งเปลี่ยนท่าทีไปราวกับเป็นคนละคนอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ก่อนหน้านี้เจ้าบ้านเจิ้งยังชื่นชมเจิ้งจุนเซี่ยนอยู่เลย ตอนนี้ทำไมถึงไม่รักษาหน้าเขาต่อหน้าคนอื่นซะแล้ว”

“คนแซ่เฉินคนนั้นคือใคร ทำไมฉันรู้สึกว่าเจ้าบ้านเจิ้งดูกลัวๆ เขา”

……

เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น

เจิ้งจุนเซี่ยนทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น แก้มทั้งสองด้านบวมเปล่ง

แม้ว่าในใจเขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาได้อันดับหนึ่งของตระกูลเจิ้งในรุ่นเดียวกัน ดังนั้นเขาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง

ท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้าบ้านเจิ้ง เป็นเรื่องที่เขาไม่สมควรถามตอนนี้ การเชื่อฟังต่างหากถึงจะเป็นการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้

หากตอนนี้ขืนเขายังยึดติดกับการเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น เซ้าซี้เจ้าบ้านอยู่ ผลที่เกิดหลังจากนี้เขาอาจจะต้องเสียใจทีหลัง

“คุณเฉินครับ จุนเซี่ยนมีตาหามีแววไม่ คุณเฉินได้โปรดเมตตา ให้อภัยจุนเซี่ยนด้วย!”

ปั้ง!

หลังจากเอ่ยเสียงวิงวอนอันแหบแห้ง เจิ้งจุนเซี่ยนตัดสินใจโคกหัวตัวเองลงบนพื้นอย่างแรง

เสียงศีรษะกระแทกพื้นนั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้อกสั่นขวัญแขวน

เฉินตงหรี่ตามองเจิ้งจุนเซี่ยนอย่างดูแคลน

ลำพังความเก็บกดยังรุนแรงเช่นนี้ จึงไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เขาจะกดขี่ลูกชายแท้ๆ ของเจ้าบ้านจนไม่ให้มีโอกาสได้เงยหัวขึ้นมา

เฉินตงถอนหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะเม้มปากแล้วเอ่ยออกมาอย่างชิงชัง

“คุณไม่ได้เป็นคนบอกเองหรือว่า คนอย่างเจิ้งจุนเซี่ยนไม่มีทางตกต่ำถึงขั้นต้องร่วมโต๊ะอาหารกับสุนัขอย่างผม”

เพี๊ยะ!

ประโยคนี้ เปรียบเสมือนฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ไร้รูปร่างตบเข้าที่หน้าของเจิ้งจุนเซี่ยนอย่างแรง

ตอนนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนรู้สึกเจ็บแสบมากกว่าโดนเจ้าบ้านเจิ้งตบหน้าเมื่อกี้นี้เสียอีก

เขารู้สึกได้ถึงสายตาคบปราบราวมีดของเจ้าบ้านเจิ้ง และความประหลาดใจของคนรอบๆ รวมทั้งสายตาสะใจที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้

เจิ้งจุนเซี่ยนรู้สึกร้อนรุ่ม ในใจของเขากำลังเดือดปุดๆ

เขายังคงพยายามกัดฟันแน่น บังคับความโกรธที่อยู่ในใจของตนเอง

ปั้ง!

เขาโขกหัวตัวเองลงบนพื้นอย่างแรงอีกครั้ง

“คุณเฉินได้โปรดให้อภัย คุณเฉินได้โปรดให้อภัย สำหรับคุณเฉินแล้ว จุนเซี่ยนต่างหากที่เป็นสุนัขตัวหนึ่ง”

ห๊ะ……

เกิดเสียงร้องอย่างประหลาดใจดังขึ้นภายในโถงด้านใน

ผู้ที่สามารถเข้ามานั่งในโถงด้านในได้แบบนี้ ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตาของเมืองนี้ทุกคน

พวกเขาต่างรู้ถึงการตระเตรียมผู้รับตำแหน่งเจ้าบ้านเจิ้งคนต่อไปมานานแล้ว

แต่วันนี้ เจิ้งจุนเซี่ยนที่ทุกคนคิดว่าจะได้เป็นเจ้าบ้านเจิ้งคนต่อไป กลับกำลังคุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างน่าเวทนาอย่างยิ่ง

ตอนนั้นเจิ้งจุนหลินเพิ่งจะได้สติกลับมา

เขาอ้าปากค้างมองไปที่เฉินตง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดที่เฉินตงพูดก่อนหน้านี้

“นาย นายค่าตัวหมื่นล้านจริงหรอ ถึงจะไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีได้”

เฉินตงหันหน้าไปมองเจิ้งจุนหลิน สีหน้าเย็นชาของเขาหายไป จากนั้นจึงยิ้มอย่างอบอุ่นว่า “นายคิดว่าไง?”

คำพูดเบาๆ เพียงสี่คำ แต่เมื่อเข้าไปในหูของเจิ้งจุนหลินแล้วกลับคล้ายเสียงระฆังกังวาน

ร่างกายของเขาล่องลอยราวกับฝันไป

พระเจ้า บรรพบุรุษคุ้มครองเจิ้งจุนหลินแท้ๆ

การโดนตบหน้าที่บาร์เหล้า ทำให้เขาสามารถคบหากับคนเช่นนี้ได้เลยหรือ?

ในขณะที่กำลังตื่นตะลึงอยู่นั้น เจิ้งจุนหลินก็หลุดปากกล่าวออกมาว่า “เยสเข้ พี่ชายโคตรเจ๋งเลย!”

เฉินตงอมยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นราวลมในฤดูใบไม้ผลิ

เจ้าบ้านเจิ้งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเฉินตงอย่างชัดเจน

ตอนนี้เจ้าบ้านเจิ้งกำลังแอบดีใจ สายตาของเขาเป็นประกาย แววตาของเขาที่มองเจิ้งจุนหลินเต็มไปด้วยความเมตตา ส่วนสายตาที่มองไปยังเจิ้งจุนเซี่ยนที่กำลังคุกเข่าโขกหัวอยู่นั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแล้วแอบส่ายหน้า

“นาย นายเป็นใครกันแน่” หลังจากหายประหลาดใจแล้ว เจิ้งจุนหลินก็เอ่ยปากขึ้น

หลังจากคำพูดนี้หลุดออกไปแล้ว ทุกสายตาก็หันมาจดจ้องอยู่ที่เฉินตง

แม้แต่เจิ้งจุนเซี่ยนที่กำลังคุกเข่าโขกหัวอยู่นั้น เวลานี้ก็หันมามองเฉินตงอย่างสงสัยเช่นกัน

เฉินตงยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวตอบ

หลังจากเจ้าบ้านเจิ้งวางสายแล้ว ท่าทางของเขาก็กลับตาลปัตร ทำให้เฉินตงแน่ใจถึงเรื่องที่ตนเองคาดเดาไว้

แม้แต่ท่านหลงกับคุนหลุนที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาด้วย

เจ้าบ้านเจิ้งอมยิ้มก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เขาก็คือความโชคดีในงานนี้!”

เปรี้ยง!

แม้เสียงจะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

แต่กลับทำให้เจิ้งจุนเซี่ยนรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า

ตอนนั้น เจิ้งจุนเซี่ยนสยดสยอง สีหน้าของเขาซีดเผือดไร้เลือดฝาด

“โชคดี? เขาก็คือผู้สูงศักดิ์ที่เจ้าบ้านพูดถึงเหรอ แย่แล้ว ทำไมเราถึงซวยได้ขนาดนี้”

นี่คือสิ่งที่เจิ้งจุนเซี่ยนคิดในใจ

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ดวงตาของเจิ้งจุนเซี่ยนปรากฏน้ำตาคลอด้วยความเสียใจที่ท่วมท้น

เขาโขกหัวลงบนพื้นถี่รัวราวกับไก่จิกอาหาร

“คุณเฉินได้โปรดอภัย ขอแค่ให้อภัยจุนเซี่ยน ให้จุนเซี่ยนเป็นคนรับใช้ก็ยอม!”

ท่าทีของเขาต่ำต้อยน่าอนาถใจ

ไม่หลงเหลือความโอหังเหมือนอย่างก่อนหน้า

เพราะเขารู้ว่า ความโชคดีตรงหน้าสำคัญกับเขาขนาดไหน!

สำคัญถึงขั้นตัดสินความเป็นตายของเขาได้!

กึก!

กึก!

กึก!

ในเวลาเดียวกัน พี่น้องตระกูลเจิ้งทั้งสามคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

จากนั้นจึงโขกหัวลงบนพื้นอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกับเจิ้งจุนเซี่ยน

ทั้งโถงด้านในเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตก

แขกในงานมองเหตุการณ์นี้อย่างงุนงง

ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรถึงขั้นนี้!

มีเพียงเจิ้งจุนหลินคนเดียวที่ตบไหล่เฉินตงด้วยความสับสน เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “สรุปแล้ว นายคือ…ความโชคดีอะไร”

ประโยคนี้ทำเอาเจ้าบ้านเจิ้งโงนเงน แล้วมองไปยังเจิ้งจุนหลินด้วยสายตาแปลกประหลาด

เด็กคนนี้ เป็นเด็กโง่ที่มีบุญจริงๆ!

ส่วนพวกเจิ้งจุนเซี่ยนทั้งสี่คน ตอนนี้แทบจะกระอักเลือดออกมา

พวกเขาสี่คนได้รับการสอนสั่งจากเจ้าบ้าน เปิดไฟนำทางให้ได้เจอผู้สูงศักดิ์และภาวนาให้พวกเราได้เจอโชคดี แต่นอกจากพวกเราจะหาไม่เจอแล้วยังง้างมือตั้งท่าจะต่อยหน้าผู้สูงศักดิ์อีกด้วย

ส่วนเจิ้งจุนหลินที่ไม่รู้จักธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว กลับกระโดดเข้าไปอยู่ในอกของผู้สูงส่งได้

นี่มัน…หมาจรจัดชัดๆ!

เฉินตงอมยิ้ม แต่ไม่ได้สนใจว่าเจิ้งจุนเซี่ยนใช้หัวโขกจนหัวแตกเลือดไหลนอง

เขามองไปที่เจ้าบ้านเจิ้งอย่างสงบ

“เจ้าบ้านเจิ้ง ผมเชื่อว่าคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดีแน่ งานเลี้ยงคืนนี้สนุกมาก พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมท่านที่บ้านเพื่อไปพบเขาด้วย”

เมื่อเอ่ยจบ เฉินตงก็หันตัวเดินออกไป

ท่านหลงกับคุนหลุนรีบเดินตามไป

“น้อมส่งคุณเฉิน!”

เจ้าบ้านเจิ้งรีบค้อมตัวทำมือคารวะเอ่ยคำอำลาอย่างเคารพนอบน้อม

เจิ้งจุนหลินยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างล่องลอย

ส่วนเจิ้งจุนเซี่ยนนั้นยังคงแน่นิ่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าขาวซีด เลือดไหลนองเต็มไปใบหน้า

เขามองตามเฉินตงที่เดินออกไปอย่างสบายๆ ความคิดน่าสยดสยองอย่างหนึ่งไหลทะลักเข้ามาหอบตัวเขาออกไป

เป็นอย่างที่คิด

วินาทีต่อมา

เมื่อเจ้าบ้านเจิ้งเงยหน้าขึ้นมายืนเหยียดตรงแล้ว

เขาก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ที่ดังสะท้อนไปทั่วโถงด้านในราวเสียงฟ้าร้องกระหึ่ม

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยึดอำนาจและทรัพย์สินทั้งหมดของเจิ้งจุนเซี่ยนและพวก ห้ามยื่นมาเข้ามายุ่งกิจการใดๆ ของตระกูลเจิ้ง มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่ง ถอดถอนรายชื่อผู้เข้าร่วมตำแหน่งเจ้าบ้านทุกคน!”

เปรี้ยง!

เจิ้งจุนเซี่ยนตัวสั่น สายตาของเขาแดงก่ำ น้ำตาคลอล้นทะลักออกมา

คำสั่งนี้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีไปหมดไป ไม่สิ พรากทุกอย่างจากเขาไปจนหมดสิ้น!

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset