รุ่งเช้าวันต่อมา
เฉินตงที่ไม่ได้นอนทั้งคืน รีบพาคุนหลุนมุ่งหน้าไปยังโบราณสถานเฟิงโปนอกเมืองแต่เช้า
ที่นี่นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งของเมืองนี้
สำหรับคนในพื้นที่นี้ สถานที่อย่างโบราณสถานก็เป็นเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น
พายุทรายได้ซัดสาดสถานที่แห่งนี้จนไม่เหลือร่องรอยของความเป็นโบราณสถานอีกต่อไป
รถเบนซ์จีคลาสได้ควบทะยานฝ่าลมทะเลทรายพุ่งไปข้างหน้า
ทะเลทรายแห้งแล้งรอบด้าน ยิ่งกินบริเวณมากขึ้นเรื่อยๆ ทิวทัศน์ที่เห็นมีเพียงสีน้ำตาลเวิ้งว้าง
ไม่มีร่องรอยของผู้คน
เฉินตงนั่งอยู่เบาะข้างๆ คนขับด้วยอารมณ์สับสน
เมื่อใกล้จะได้พบพ่อ เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
เบอร์มือถือที่ส่งข้อความมาเมื่อคืนนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว ยิ่งทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ
สรุปแล้ว…พ่อกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่
ตอนนี้ก็อุตส่าห์ตามมาจนถึงที่นี่แล้ว ทำไมถึงต้องระแวดระวังถึงขั้นยกเลิกเบอร์หลังส่งข้อความด้วย
“คุณชาย โบราณสถานเฟิงโป อยู่ด้านหน้าแล้วครับ”
คุนหลุนกล่าวเตือน
เฉินตงดึงตนเองให้ออกมาจะอารมณ์ที่ว้าวุ่นแล้วมองไปข้างหน้า
ภาพเบื้องหน้าเป็นซากกำแพงหักพังหลายแห่งที่ตั้งอยู่บนทะเลทรายสีน้ำตาลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
และซากกำแพงหักพักพวกนั้นก็คือโบราณสถานที่คนที่นี่ใช้เรียกขานกัน
“ดูทรุดโทรมมากเลย”
เฉินตงขยี้จมูก “พ่อเลือกสถานที่นัดพบเป็นที่นี่ คงจะเป็นเพราะสามารถหลบซ่อนร่องรอยได้ดี”
จากการประมาณการของเขา ที่นี่น่าจะห่างจากตัวเมืองห้าสิบกว่ากิโลเมตร
ระยะทางที่ห่างไกล บวกกับทรายที่ห้อมล้อมอยู่รอบด้าน
คงเป็นเรื่องยากมากที่จะมีใครสังเกตเห็น
เขาก้มหน้าลงมองโทรศัพท์ที่ไร้สัญญาณมาได้มาสักพักใหญ่
จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มือถือในการติดต่อ
“ถ้าท่านหลงกลับมาถึงโรงแรมจะกังวลเรื่องพวกเราไหมครับ” คุนหลุนสังเกตเห็นเฉินตงมองโทรศัพท์จึงเอ่ยถามออกมา
เฉินตงยิ้ม “ไม่หรอก ก่อนที่ผมจะออกมาได้ส่งข้อความไปบอกเขาแล้ว อีกอย่างพี่คิดว่าเขาจะกลับมาแต่เช้างั้นหรอ”
คุนหลุนแค่นยิ้ม ก่อนจะเร่งความเร็วรถเพิ่มขึ้น
หลังจากผ่านซากกำแพงหักพังมาได้สักพัก รถก็หยุดลงดังเอี๊ยด
เฉินตงลงจากรถแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังด้านในโบราณสถาน
พายุทรายรอบตัวพัดแรง แม้ว่าจะคลุมผ้าพันคอมาแล้ว แต่หากไม่ระวังทรายก็อาจจะปลิวเข้าไปในปากได้อยู่ดี
ระหว่างทางสามารถเห็นซากกำแพงหักพังมาตลอดทาง บางอันก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนบางอันก็ฝังอยู่ใต้ดินเหลือเพียงร่องรอยให้เห็นเท่านั้น
รอบตัวเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างว่างเปล่า
มีเพียงเสียงลมพัดอื้ออึงรอบกาย ไร้เสียงของสิ่งอื่นใด
เงียบสงัดราวป่าช้า
ทรายที่ถูกเหยียบย่ำส่งเสียงซ่าๆ ทุกย่างก้าวที่ย่ำลงไป เท้าอาจถูกทรายดูดกลืนลงไปได้ทุกเมื่อ
เดินมาได้ประมาณหนึ่งร้อยกว่าเมตร เฉินตงก็เห็นว่าระหว่างซากกำแพงปรักหักพังมีแท่นกลมอยู่แท่นหนึ่ง
แท่นทรงกลมนี้ถูกทรายดูดกลืนไปค่อนข้างลึก ด้านบนเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์
“ไปรอกันอยู่ตรงนั้นเถอะ” เฉินตงชี้ไปยังแท่น
เมื่อนั่งลงไปบนแท่นทรงกลมแล้ว ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการรอคอยที่แสนยาวนานของคนทั้งสอง
โทรศัพท์ไร้สัญญาณ แค่จะติดต่อใครสักคนยังทำไม่ได้ นอกจากนั่งรอพ่อแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นให้ทำ
เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เฉินตงกับคุนหลุนรอจนหมดเรื่องคุยกัน
และในที่สุดก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากไกลๆ
แต่ก็พอที่จะเห็นทรายที่ฟุ้งกระจาย
“มาแล้ว!”
ดวงตาของคุนหลุนเป็นประกาย เขารีบลุกขึ้นยืน
ในใจของเฉินตงหดเกร็งอย่างแรง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วมองไปยังทรายแดนไกลที่ฟุ้งกระจายด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
เวลานั้นหัวใจของเขาเต้นระส่ำอย่างไร้การควบคุม
ชั่ววินาทีที่กำลังจะได้พบพ่อ อารมณ์ของเขามีทั้งความกลัว ตื้นตันและยินดีผสมปนเปอยู่ด้วยกัน
ทว่า
โครม!
หลังจากเสียงดังสนั่น
กำแพงหักพังที่อยู่ไม่ไกลนักระเบิดลั่น กำแพงดินบดอัดกลายเป็นปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศทุกทาง
รถจี๊บคันหนึ่งขับพุ่งตรงเข้ามายังแท่นทรงกลมนี้ราวกับสัตว์ดุร้าย
“คุณชายระวัง!”
คุนหลุนรีบเอาตัวมาบังเฉินตงเอาไว้
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง
รถจี๊บเบรกจนท้ายปัด จอดขวางอยู่ด้านหน้าแท่นทรงกลม
ใบหน้าของเฉินเต้าหลินที่มีฝุ่นเขรอะกรังยื่นออกมาทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เขาเปิดประตูออก แล้วตะโกนเสียงดัง “มีคนเจอตัวแล้ว ขึ้นรถ!”
มีคนเจอตัว?
ใครเจอ?
ตอนนั้นในหัวของเฉินตงเต็มไปด้วยคำถาม
ความรู้สึกยินดีที่ได้พบหน้าพ่ออีกครั้งพังครืนลงไปหมด
ความอันตรายที่บีบรัด ราวกับฝ่ามือใหญ่ๆ ที่บีบคอเขาเอาไว้
เฉินตงกับคุนหลุนยังไม่ทันจะเคลื่อนกาย
ห่างออกไปกลางท้องฟ้ามีเสียงคำรามกระหึ่มของใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังมา
เฉินตงสั่นสะท้าน เขาหรี่ตาลง
เขาพยายามจะเงยหน้าขึ้นไปมอง จึงเห็นเฮลิคอปเตอร์สามลำกำลังมุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
การบินในระยะต่ำ ใบพัดที่หมุนอย่างรวดเร็วแหวกอากาศออกอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาทรายด้านล่างลอยตลบไปทั่วบริเวณ ทำให้การมองเห็นยิ่งพร่ามัวมากขึ้น
“เร็วเข้า!”
เฉินเต้าหลินตวาดลั่นพลางเอาเท้าเหยียบคันเร่ง
เมื่อเฉินตงกับคุนหลุนได้สติกลับมาก็รีบกระโดดเข้าไปในรถ
ยังไม่ทันได้ปิดประตู เฉินเต้าหลินก็รีบหักพวงมาลัยมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายที่เวิ้งว้างอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองจากกระจกหลังรถ เฉินตงจึงเห็นเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำอย่างชัดเจน กำลังมุ่งหน้าตามมาทางนี้ติดๆ ระยะห่างยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เฉินตงเริ่มผวา ความยินดีที่ได้พบหน้าพ่อ ตอนนี้เหลือแต่ความหวาดหวั่นระแวดระวัง
ระหว่างที่เอ่ยถามเขาก็หันหน้าไปมองเฉินเต้าหลิน
เมื่อไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน สีหน้าของเฉินเต้าหลินยังคงเคร่งขรึม แต่จากใบหน้าของเขาจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าลำบากตรากตรำ จนเกิดริ้วรอยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ส่วนเสื้อผ้าที่สวมใส่ทั้งตัวนั้นสกปรกมอมแมม
เฉินตงไม่กล้าคิดเลยว่า เฉินเต้าหลินที่อยู่ด้านหน้าตนจะสามารถซ่อนตัวควบคุมตระกูลเจิ้งได้
ทรัพย์สมบัติของตระกูลเฉิน ไม่น่าทำให้พ่อมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ได้?
“เมื่อวานที่ลูกปรากฏตัวในงานเลี้ยงตระกูลเจิ้ง และตอนที่พ่อส่งข้อความไปหาลูกตอนดึก พ่อถูกสะกดรอย!”
สีหน้าของเฉินเต้าหลินจริงจัง คิ้วขมวดแน่น ระหว่างที่กำลังพูดนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด เสียงเครื่องยนต์ของรถจี๊บคำรามลั่นราวสัตว์ดุร้าย
โดยสะกดรอยในระยะเวลาสั้นๆ แค่นั้นเองเหรอ?
หัวใจของเฉินตงกระตุกวูบอย่างแรง ความหนาวยะเยือกแผ่ไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า
ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้เวลาพ่อติดต่ออะไรแล้วมักจะปิดเบอร์ไปทันทีภายในเวลาอันรวดเร็ว
“นายท่าน คุณชาย พวกมันตามมาแล้ว!”
คุนหลุนที่นั่งอยู่เบาะหลังกล่าวเตือนเสียงเครียด
ปลายหางตาของเฉินตงกระตุก ตอนนั้นเขาเพิ่งจะเห็นผ่านกระจกหลังว่าเฮลิคอปเตอร์สามลำหายไปแล้ว แต่เสียงใบพัดของมันกลับดังสนั่นอยู่ด้านบนรถ
แม้นั่งอยู่ในรถ ปลายหางตาของเขายังเห็นเฮลิคอปเตอร์สองลำที่ลอยอยู่ซ้ายขวา ดังนั้นตรงกลางจะมีอีกลำหนึ่งที่บินอยู่บนศีรษะของเขา!
ฟิ้ว!
ตอนนั้นเอง
กลางท้องฟ้าเกิดเสียงหอนดังเสียดหู
ตู้ม!
ระเบิดลูกหนึ่งตกลงด้านข้างรถจี๊บและระเบิดตัวทันที ทำเอาทรายแตกกระจายไปทั่วท้องฟ้า
แม้ว่าจะไม่ระเบิดโดนรถจี๊บ แต่แรงระเบิดทำให้รถสั่นไหวจนเกือบจะกระเด็นลอยไปกลางอากาศ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทำเอาเฉินตงอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลง
โชคดีที่เฉินเต้าหลินจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น จึงหักกลับไปอีกด้าน ทำให้รถจี๊บกลับอยู่ในสภาพที่สามารถทรงตัวได้
“พวกมันเป็นใครกันแน่”
เฉินตงที่กำลังเสียขวัญ ตอนนี้จ้องเขม็งไปยังเฉินเต้าหลิน
แค่ปรากฏตัวก็โดนวางระเบิด เรื่องนี้ต่อให้เฉินตงเป็นคนจิตใจเข้มแข็งแค่ไหนก็ยากที่จะรักษาความสุขุมเอาไว้ได้
นี่คือ…การไล่ล่าเพื่อเอาชีวิต!
ทว่า
เฉินเต้าหลินไม่ได้ตอบคำถาม แต่หันกลับไปพูดกับคุนหลุนว่า
“คุนหลุน! กล่องหลังรถมีอาวุธอยู่ เอามันออกมายิงไล่พวกมันไปเดี๋ยวนี้!”