ผ่านไปไม่กี่นาที
ท่านหลงก็พาทุกคนกลับมา
“คุณชาย มันหนีไปแล้ว ทิ้งไว้แค่ปืนไรเฟิลกระบอกนี้” ท่านหลงยื่นกระบอกปืนไรเฟิลให้เฉินตง
เฉินตงไม่พอใจ “ถ้าคุนหลุนไม่บังเอิญตื่นขึ้นมาพอดี พวกเราคงจะกลายเป็นศพสามศพอยู่ที่ห้องผู้ป่วยแล้ว”
คุนหลุนนอนอยู่บนพื้น ยิ้มอย่างไร้อารมณ์
“คุณชายจะโทษบอดี้การ์ดพวกนี้ก็ไม่ได้นะครับ การที่มันจะลงมือคงจะวางแผนเส้นทางการหนีเอาไว้แล้ว ระยะห่างระหว่างตึกแค่นี้ จากเวลาที่ท่านหลงกับพวกตามไปก็น่าจะเพียงพอสำหรับการหลบหนีได้แล้ว”
ระหว่างที่เขาพูด เขาก็รับปืนไรเฟิลมาจากมือของเฉินตงแล้วพลิกดู
เฉินตงไม่ได้สนใจอะไร และเอาแต่สั่งการเรื่องที่ต้องจัดการต่อไปกับท่านหลง
เสียงปืนที่ดังขึ้นกลางดึก ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ซุ่มยิงแล้ว ห้องนี้ก็ไม่ปลอดภัยอีกจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนห้องใหม่
ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังจัดการธุระกันอย่างวุ่นวายนั้น
ไม่มีใครสังเกตคุนหลุนที่กำลังพลิกปืนไรเฟิลอยู่ว่า แววตาของเขาที่เจือความแปลกประหลาดบางอย่างจ้องเขม็งไปที่ตำแหน่งปลายด้ามจับและหยุดมองอยู่สองวินาที
หลังจากที่เฉินตงจัดการธุระเสร็จแล้ว และหมอได้เข้ามาทำแผลให้คุนหลุนเรียบร้อยแล้ว
หลังจากเปลี่ยนห้องแล้ว เฉินตงกับท่านหลงก็ไม่รู้สึกง่วง
ส่วนคุนหลุนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ก็คล้ายว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ผ่านไปพักใหญ่
คุนหลุนจึงเอ่ยว่า “คุณชาย ท่านหลง พรุ่งนี้พวกเรากลับกันเถอะ”
“พรุ่งนี้?”
เฉินตงมองคุนหลุนอย่างประหลาดใจ “แผลของพี่ หมอกำชับไว้แล้วว่าอย่างน้อยต้องอยู่ในโรงพยาบาลหนึ่งอาทิตย์ ถึงจะออกได้”
เวลาหนึ่งสัปดาห์เป็นเพียงเวลาที่พ้นขีดอันตรายแล้วเท่านั้น ถ้าต้องการจะหายขาดคงต้องใช้เวลาอีกมาก
“พรุ่งนี้แหละครับ ผมทนได้”
คุนหลุนกล่าวยืนยัน “ตอนนี้ก็ได้พบนายท่านแล้ว เมื่อคืนก็มีมือปืนโผล่มาอีก ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของพวกเรา ผมกังวลว่าจะเกิดเรื่องใหญ่กว่านี้ขึ้นอีก”
เกิดประกายขึ้นในดวงตาของท่านหลงก่อนจะเอ่ยว่า “คุณชาย เอาตามที่คุนหลุนว่าเถอะครับ นั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับไปคงจะไม่มีอันตรายอะไร กลับไปยังพื้นที่ของเรา จะได้ส่งตัวคุนหลุนไปโรงพยาบาลลี่จิงด้วย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเราคงรับมือได้ดีกว่าอยู่ที่นี่”
เฉินตงพิจารณาอยู่สองสามวินาทีก่อนจะพยักหน้าอย่างไร้ทางเลือก
อยู่ที่นี่ค่อนข้างจะมีอุปสรรคจริงๆ แต่ด้วยฝีมือของตระกูลเจิ้งนั้น แน่นอนว่าย่อมใช้อิทธิพลที่มีปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้
แต่ประเด็นที่สำคัญคือ ตระกูลเจิ้งกับจุนหลิน กรุ๊ปเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้เขา ถ้าไม่จนหนทางจริงๆ เขาก็ไม่อยากลากตระกูลเจิ้งมาใกล้ชิดกับเขามากนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น
ท่านหลงจัดการขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยตั้งแต่เช้าตรู่
เจิ้งจุนหลินพาบอดี้การ์ดมาคุ้มกันด้วย ขบวนรถยิ่งใหญ่จึงมุ่งหน้าไปยังสนามบินที่อยู่ใกล้เมืองนี้มากที่สุด
โชคดีที่ตลอดทางจนถึงตอนที่เครื่องบินออกไม่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น
เฉินตงถอนใจสายตาของเขาลึกล้ำ
ส่วนคุนหลุนนั้นท่าทางยกผู้เขาออกจากอก
เวลาหนึ่งทุ่มตรง
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินชานเมือง
ฟ่านลู่กับกูหลังมารอที่สนามบินได้พักใหญ่แล้ว
หลังจากขึ้นรถแล้ว เฉินตงพาตัวคุนหลุนไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน โดยมีฟ่านลู่คอยคุ้มกัน
หลังจากนั้นจึงกลับวิลล่าเขาเทียนซานพร้อมกับท่านหลงและกูหลัง
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เฉินตงยังคงไม่รู้สึกง่วง
เขาขึ้นไปนั่งตากลมยามราตรีอยู่บนดาดฟ้าอย่างหนักใจพลางดื่มเบียร์ไปด้วย
ท่านหลงเดินตามขึ้นมาพร้อมถือบะหมี่มาด้วยหนึ่งชาม
“คุณชาย เดินทางมาไกล กินอะไรหน่อยเถอะครับ”
“ไม่อยากกิน” สายตาของเฉินตงวับไหว เขายิ้มพลางวางเบียร์ในมือลง “ท่านหลงรู้สึกไหมว่าตั้งแต่เมื่อวานที่พวกเราโดนซุ่มยิง ท่าทางของคุนหลุนก็แปลกไป”
“ดูวุ่นวายใจใช่ไหม” ท่านหลงกล่าว
“สังเกตเหมือนกันหรอ”
เฉินตงใช้มือทั้งสองข้างเท้าหัวเอาไว้แล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้ “เขาปิดบังไว้ได้ดี แต่ผมสัมผัสได้ว่าท่าทางการพูดการจาของเขาดูไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ ไม่เหมือนคุนหลุนคนเดิมที่เคยรู้จัก”
“บางทีเขาคงค้นพบอะไรบางอย่างเข้า” ท่านหลงยิ้ม “แต่ตอนนี้พวกเรากลับมาถึงที่นี่แล้ว หากเกิดอะไรขึ้นก็คงจะไม่เหมือนเมื่อคืนที่โต้ตอบอะไรไม่ได้เลย”
“ก็จริง ในเมื่อคุนหลุนไม่พูด แสดงว่าเขาคงมีเหตุผลของเขา อย่างที่พ่อเคยบอกเอาไว้ อะไรจะเกิดยังไงก็ต้องเกิด”
เฉินตงยิ้มด้วยสายตาที่ห่างไกลราวกับมีความคิดบางอย่าง
“คุณชาย วางแผนจะทำอะไรต่อครับ”
ท่านหลงบิดขี้เกียจก่อนจะพิงที่เก้าอี้ “บรรยากาศในบ้านมันเงียบเหงาอย่างไรก็ไม่รู้”
“ที่ถามหมายถึงเรื่องของเสี่ยวหยิ่งใช้ไหม”
เฉินตงรู้ทันและยิ้มออกมา “พรุ่งนี้ผมจะไปหาเธอ เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นความผิด แต่ยังไงก็เป็นความผิดของผม”
“คุณชายทำอะไรผิด?”
ท่านหลงประหลาดใจ “กระผมแค่อยากจะเตือนให้คุณชายรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แต่ไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกใครผิด”
“เสี่ยวหยิ่งร้องไห้คือความผิดของผม” เฉินตงหยักไหล่ แล้วตำหนิตัวเอง “ผมรับปากจะทำให้เธอมีความสุข แต่กลับมอบน้ำตาให้เธอ นี่ถือว่ายังผิดต่อเธอไม่มากพออีกหรือ”
ท่านหลงมองเฉินตงอย่างลึกซึ้ง
ครู่ใหญ่
เขาจึงค่อยๆ กล่าวออกมาว่า “กระผมจะดูแลทางนี้เอง งานทุกอย่างจะไม่บกพร่อง หวังว่าคราวนี้คุณชายจะประสบความสำเร็จ พาคุณนายน้อยกลับมาได้”
เฉินตงยิ้ม เขารอให้ท่านหลงเดินออกไป
ตอนนี้ อีกฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่เสี่ยวหยิ่งอยู่คงจะเป็นตอนกลางวัน?
เฉินตงหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วลองโทรหาเบอร์ของกู้ชิงหยิ่ง
ทว่าพอเสียงรอสายดังก็ถูกตัดสายไปทันที
เฉินตงไม่แปลกใจ และลองโทรอีกประมาณสิบกว่าครั้ง ทุกครั้งก็ลงเอยเหมือนกัน
เขาเลยส่งข้อความไปหากู้ชิงหยิ่ง “ที่รัก ผมผิดไปแล้ว”
เขารอคอยอยู่เป็นเวลานาน แต่ข้อความก็เปรียบเหมือนหินที่ตกลงสู่ก้นทะเล
เฉินตงไม่รู้สึกท้อถอย เขาเอามือทั้งสองเท้าศีรษะเอาไว้ แล้วเหม่อมองไปยังท้องฟ้า พลางบ่นพึมพำว่า “เสี่ยวหยิ่ง พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณ”
อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร
ตอนนี้เป็นเวลาสายๆ
หลี่หวั่นชิงขมวดคิ้วมองกู้ชิงหยิ่งแล้วเหลือบมองโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ กู้ชิงหยิ่ง
“เป็นสายกับข้อความของตงเอ๋อใช่ไหม”
กู้ชิงหยิ่งทำหน้าไม่ทุกข์ร้อน เธอเอ่ยด้วยสายตามืดมน “ไม่รับ ไม่ตอบ”
“แต่แม่คิดว่าพวกหนูควรคุยกันดีๆ”
หลี่หวั่นชิงเอ่ยเสียงราบเรียบและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เรื่องนี้ไม่ว่าใครถูกใครผิด ไม่ว่าสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร ลูกทั้งสองคนควรค่อยๆ คุยกัน ถ้าหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีกับใครทั้งนั้น”
“แม่……”
กู้ชิงหยิ่งเริ่มร้อนใจ เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ สีหน้าของเธอก็เริ่มร้อนรน
เธอลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ พิงชักโครกเอาไว้ แล้วพยายามจะอาเจียน
หลี่หวั่นชิงรีบตามเข้าไป แล้วช่วยลูบหลังให้กู้ชิงหยิ่งอย่างเห็นใจ
หลังจากอาเจียนเรียบร้อย กู้ชิงหยิ่งก็หมดแรง เธอนั่งหน้าซีดอยู่บนพื้น ดวงตาของเธอแดงก่ำคลอไปด้วยน้ำตา
เธอก้มหน้าลงมองท้องที่เริ่มนูนออกมา แล้วร้องไห้โฮออกมา
“ลูกเข้มแข็งกว่านี้ไม่ได้หรอ ตอนนี้แม้แต่ลูกก็ทำให้แม่ต้องทรมานอีกหรอ”
“เสี่ยวหยิ่ง พูดเหลวไหลอะไร”
หลี่หวั่นชิงสีหน้าจริงจัง “การแพ้ท้องเป็นเรื่องธรรมดามาก ทำไม้ต้องโทษเด็กด้วย”
เมื่อกลับมาอยู่ที่นี่ กู้ชิงหยิ่งก็เริ่มแพ้ท้อง ความรู้สึกทรมานแบบนี้ ต้องเป็นคนที่เคยผ่านมาด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
และเป็นเพราะเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด หลี่หวั่นชิงจึงรู้สึกสงสารลูกสาวมาก
ด้านหนึ่งก็ต้องเสียใจจากเรื่องของเฉินตง ส่วนอีกด้านก็ต้องทรมานกับอาการแพ้ท้อง ความกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจเช่นนี้เองที่ทำให้หลี่หวั่นชิงอยากให้กู้ชิงหยิ่งคุยกับเฉินตงดีๆ
เธอคงไม่ปล่อยให้เรื่องราวทั้งหมด ทำให้ลูกสาวของเธอต้องลำบากอย่างนี้
“แม่คะ หนูทรมานจัง”
กู้ชิงหยิ่งพุ่งเข้าไปซบตรงอกของหลี่หวั่นชิงแล้วร้องไห้ “หากเป็นเฉินตงคนก่อน ป่านนี้เขาคงมาหาหนูตั้งนานแล้ว”